บท
ตั้งค่า

บทที่ 1

“พ่อจ๋าแม่จ๋าไม่อยู่แล้ว” กรวิทย์ได้แต่จ้องมองเด็กสาวด้วยความรู้สึกเข้าอกเข้าใจอย่างถึงที่สุด ว่าสภาพจิตใจของคนที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักที่สุดไปพร้อมๆ กันนั้นมันเจ็บปวดและทรมานสักแค่ไหน เด็กคนนี้กำลังรู้สึกแบบไหนอยู่ เขาเองก็กำลังรู้สึกเช่นนั้นไม่ต่างกัน

“เธอยังมีฉันเด็กน้อย ต่อจากนี้ไปฉันจะเป็นคนดูแลเธอเอง แต่ต้องหยุดร้องไห้ก่อนเข้าใจไหม” เด็กสาวจ้องมองเจ้าของคำพูดที่แสนอ่อนโยนนั้นเนิ่นนานก่อนจะพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่ายเพราะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในดวงตาคู่นั้นของเขา ความอบอุ่นที่น้อยคนนักจะได้เห็น

กรวิทย์ที่จู่ๆ ก็รู้สึกถูกชะตากับคนตรงหน้าตั้งแต่แรกเห็นตัดสินใจอุ้มร่างเล็กขึ้นแนบอกก่อนจะเดินอ้อมไปยังบ้านหลังใหญ่และไม่วายหันกลับมากำชับคนงานให้รีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย อย่าให้มีใครหรืออะไรเสียหายไปมากกว่านี้

“เงยหน้าขึ้นสิ” เสียงทุ้มต่ำดูวางอำนาจที่ดังขึ้น ส่งผลให้ร่างเล็กของเด็กสาวที่กำลังนั่งก้มหน้าค่อยๆ เงยหน้าขึ้นตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้านายอย่างช้าๆ

“ชื่ออะไรน่ะเรา” เสียงเข้มย้อนถามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเด็กสาวยังคงนั่งเงียบ นั่นอาจจะเพราะเธอคงกำลังขวัญเสียกับเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นอยู่ และเขาเองก็ใจเย็นมากพอที่จะเฝ้ารอให้หนูน้อยรู้สึกผ่อนคลาย มากขึ้น แต่ดูเหมือนความใจเย็นที่ว่าจะไม่มีอยู่ในตัวของแม่บ้านวัยชราถึงกลับหัวเสียให้กับท่าทีนิ่งเงียบ ของเด็กสาวที่ทำตัวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง

“นายเขาถามก็ตอบสินังเด็กนี่!”

“ช่างเถอะครับนม อย่าไปดุแกเลย แกคงจะยังขวัญเสียกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ ยังไงผมฝากนมช่วยจัดการเรื่องที่อยู่ที่กินให้เด็กคนนี้แทนผมด้วยก็แล้วกันนะครับ ทุกๆ เรื่อง” กรวิทย์เอ่ยปรามขึ้นเพราะไม่อยากทำให้เด็กสาวตรงหน้าต้องมีความรู้สึกว่ากำลังถูกกดดันไปมากกว่าที่เป็นอยู่ แค่ต้องสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไปมันคงจะเป็นเรื่องสาหัสมากพอตัวอยู่แล้วสำหรับเด็กผู้หญิงที่ตัวเท่าลูกแมว

“นายจะเลี้ยงมันเหรอคะ” แม่บ้านวัยชราเอ่ยถามอย่างอดสงสัยไม่ได้ แม้จะรู้ดีว่านายน้อยของตนเองนั้นมีกำหนดที่ต้องเดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว แต่เขากลับเลือกที่จะเลี้ยงดูเด็กสาวตรงหน้าคนนี้เอาไว้แทนที่จะไล่ไปให้ไกลเสียทั้งๆ ที่สามารถทำเช่นนั้นได้เพียงแค่เอ่ยปากสั่ง

“เด็กตัวแค่นี้จะไปที่ไหนได้ ผมได้ยินมาว่าเธอไม่เหลือญาติพี่น้องที่พอจะรับไปเลี้ยงดูต่อได้ ถือว่าเลี้ยงไว้เอาบุญก็แล้วกันครับ ส่งเสียให้แกเรียนเท่าที่ต้องการ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายผมจะให้คนที่บริษัทจัดการให้ทั้งหมด” คำตอบนั้นแม้ผู้คนมากมายที่ได้รับฟังจะรู้สึกซาบซึ้งต่อการมีน้ำใจของผู้เป็นนาย ที่เหลือก็แล้วแต่ความมานะของเด็กน้อยแล้ว

ว่าจะตั้งใจเรียนให้สมกับที่เจ้านายท่านเมตตาแค่ไหน

12 ปีต่อมา

ร่างสูงโปร่งของหญิงสาวเจ้าของใบหน้าอ่อนหวานก้าวลงจากรถสองแถวสีแดงคันเก่า ที่เธอใช้เดินทางไปกลับมหาวิทยาลัยเหมือนทุกวัน

เรื่องราวมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอต้องสูญเสียพ่อและแม่อันเป็นที่รักไปอย่างกะทันหันจากอุบัติเหตุไฟไหม้เมื่อหลายสิบปีก่อน นั่นทำให้ชีวิตต้องพลิกผันจากลูกสาวคนงานธรรมดาๆ มาเป็นคนในอุปถัมภ์ของ ‘กรวิทย์’ ลูกชายเพียงคนเดียวของคุณสินธรเจ้าของไร่ส้มแห่งนี้ที่ได้รับมรดกจากผู้เป็นพ่อ นับตั้งแต่วันนั้นที่เขาบอกจะส่งเสียและเลี้ยงดู เธอก็ไม่มีโอกาสเจอเขาอีกเลยจนถึงตอนนี้ ไม่มีแม้แต่ข่าวคราวใดๆ ส่งกลับมาให้ได้รับรู้ว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเธอไม่ได้มีความหมายที่เขาต้องมานั่งให้ความสำคัญ

แต่ในทางกลับกันสำหรับช่อลดานั้นกลับไม่เคยลบเลือนภาพของชายหนุ่มผู้ซึ่งมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนคนนั้นไปจากหัวใจได้เลยแม้แต่วันเดียว แม้ว่าสถานะที่เขามอบไว้ให้ก่อนจากจะกำลังทำลายชีวิตในช่วงสุดท้ายของรั้วมหาลัยของเธอก็ตามที

เพราะกฎมากมายที่ต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นหลังเลิกเรียนนั้นห้ามทำกิจกรรมใดๆ กับเพื่อนอย่างไม่มีข้อแม้ หญิงสาวจะต้องรีบตรงกลับมาที่ไร่ทันทีที่การเรียนในแต่ละวันสิ้นสุดลง เพราะฉะนั้นมันคงไม่แปลกอะไร ที่เธอจะไม่ค่อยมีเพื่อนเหมือนคนอื่นๆ

“วันนี้กลับเร็วจังเลยช่อ” ชัย คนงานหนุ่มลูกชายคนโตของลุงแช่มคนงานเก่าแก่ของไร่เอ่ยถามขึ้นพร้อมรอยยิ้มเมื่อได้พบเจอกับหญิงสาวที่ตนนั้นหมายปองไว้ตั้งแต่อีกฝ่ายเริ่มแตกเนื้อสาว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel