บท
ตั้งค่า

เจ้าวรรศ : บทที่ ๔ เจ้าพี่นวิน【1】

เพราะตกปากรับคำเป็นมั่นเหมาะ อรุโณทัยของวันใหม่เหยียบย่าง องค์นวินก็เร่งรี่มุ่งหน้าสู่ตำหนักของอาคันตุกะทันใด เหตุที่ร้อนรนเช่นนี้เป็นเพราะองค์นวินไม่ต้องการให้พลาดพลั้งดั่งเช่นเมื่อวาน ที่เจ้าวรรศรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเขากล่าวอ้างไปโดยไร้ซึ่งกลยุทธ์ทางการเจรจาด้วยว่าตนคือเจ้านวิน หาใช่ความผิดของอำมาตย์ตนนั้นแต่ฝ่ายเดียว ดังนั้นนับจากนี้จะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนั้นอีก

เจ้าวรรศซึ่งรอการมาถึงของอีกฝ่ายยกยิ้มแผ่วด้วยพึงใจที่เห็นอีกฝ่ายกึ่งวิ่งกึ่งเดินหน้าตั้งมาแต่ไกล ครั้นองค์นวินมาหยุดตรงหน้าพลับพลาหน้าตำหนัก เจ้าวรรศก็เป็นฝ่ายเอ่ยถาม

“แหกขี้หูขี้ตามาแต่เช้าเพียงนี้ กินสิ่งใดยาไส้มาหรือยังเล่า”

ถ้อยคำหยาบโลนเช่นนี้เหมาะสมจะใช้ทักทายผู้ที่มีอายุมากกว่าอย่างนั้นรึ!?

ทว่า...องค์นวินกลับพยักหน้ารับหงึกหงัก

“กะ...กินแล้ว”

ท่าทางเซื่องๆ นั้นไม่ต่างจากที่พบเห็นในวันก่อนเลยแม้แต่น้อย เจ้าวรรศที่กำลังใช้มือหยิบชิ้นเนื้อในพานสำหรับมื้อเช้าเข้าปากชะงักงัน เหลือบมองอสุราตรงหน้าอย่างไม่เชื่อในน้ำคำเท่าใด

“คงจะรีบยัด รีบออกมาหาข้ากระมัง ถึงได้ดูร้อนรนเพียงนี้”

เป็นดั่งที่เจ้าวรรศว่า เมื่อวานนี้เกิดเรื่องมากมายนัก องค์นวินจึงเข้านอนเสียดึกดื่น รู้สึกตัวตื่นมาอีกคราก็เกือบเลยเวลาสำรับเช้าแล้ว หยิบของกินเข้าปากได้เพียงคำสองคำก็รีบรนมาหาเจ้าวรรศด้วยเกรงว่าจะถูกโกรธและพานให้อีกฝ่ายได้กลั่นแกล้งอีก จึงเป็นอย่างที่เห็นในเพลานี้

แต่ถึงจะเกรงกลัวว่าจะทำให้เจ้าวรรศโกรธจนเป็นเหตุให้กลั่นแกล้งเพียงใด สุดท้ายก็ไม่วายถูกกลั่นแกล้งอยู่ดี

“ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง อาภรณ์รึก็หลุดลุ่ยรุ่มร่าม เจ้าเป็นองค์ยุพราชแน่รึ ดูราวกับยักษ์เด็กเพิ่งพ้นจากอกมารดา”

กลั่นแกล้งด้วยวาจา สายตาทอดมองมาอย่างทิ่มแทง องค์นวินเม้มริมฝีปากแน่น เถียงไม่ออกด้วยเป็นจริงดั่งที่ถูกค่อนแคะ

ช่วยไม่ได้ เขารีบเร่งนี่นา ตื่นสายตะวันโด่งเพียงนั้น มาหาเจ้าวรรศทันเวลาสำรับเช้าก็ดีโขแล้ว!

กระนั้นก็หาได้แก้ตัว ก้มหน้ายอมรับผิดโดยดุษณี เจ้าวรรศเห็นแล้วก็รำคาญตายิ่งนัก จะมาทำจ๋องกระไรกันตั้งแต่เช้า ท่าทางเช่นนั้นพานจะทำให้รสชาติอาหารเสียหมด

“รีบเร่งมาเช่นนั้น คงจะกินมาเพียงหยิบมือกระมัง”

จู่ๆ เจ้าวรรศก็พูดออกมา พอองค์นวินเหลือบมองก็ว่าอีก

“ผอมแห้งแรงน้อยเช่นเจ้า กินน้อยอีก ประเดี๋ยวพระพายก็พัดปลิวหรอก มานั่ง จะได้กินกับข้า ไม่หมดพานห้ามหยุดกิน”

ชวนกินข้าวเสียอย่างนั้น องค์นวินก็ใคร่ปฏิเสธอยู่หรอก การร่วมมื้ออาหารกับอาคันตุกะหรือผู้อื่นใดที่ไม่สนิทชิดเชื้อด้วยนั้น หาใช่สิ่งที่เขาถนัดเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อเอาแต่ยืนนิ่งจนถูกเจ้าวรรศร้องเรียกอีกครา…

“เอ้า มัวรีรอสิ่งใดอยู่ มาเร็วเข้า”

…ก็จำต้องก้าวขึ้นไปนั่งเคียงข้างแต่โดยดี

มือขาวจุ่มลงไปในขันทองบรรจุน้ำที่นางกำนัลยกมาให้ล้างมือ หยิบผ้าขึ้นเช็ด จากนั้นก็ทำท่างกๆ เงิ่นๆ ทำเอาเจ้าวรรศที่กำลังหยิบอาหารเข้าปากปรายตามองอย่างใคร่รู้ว่าอสุราตรงหน้าจะทำอย่างไรต่อไป ดูจากท่าทางแล้ว หากรอให้องค์นวินเป็นฝ่ายหยิบของกินเอง เห็นทีอาหารคงได้เย็นชืดหมดแน่ เจ้าวรรศจึงส่งเอาชิ้นเนื้อในมือไปวางในจานของอีกฝ่ายให้ทันควัน

“มัวจดๆ จ้องๆ อยู่ได้ หากเนื้อสมันนี้มีชีวิต มันคงวิ่งหนีเจ้าไปแล้ว เอ้า กินเสีย”

จะว่ามีน้ำใจหรือรำคาญใจดีนะถึงได้เอื้อเฟื้อเพียงนี้ กระนั้นก็หาทำให้องค์นวินดีใจได้ ออกจะหวาดระแวงมากกว่าเดิมเสียอีกด้วยไม่รู้ว่าเจ้าวรรศจะหาเรื่องรังแกอีกหรือไม่ ทว่า...ผ่านไปครู่ใหญ่ เจ้าวรรศก็หาได้มีปฏิกิริยาใด นอกจากจะตั้งหน้าตั้งตากินอาหารเท่านั้น

พอจะเบาใจได้แล้ว องค์นวินลอบถอนหายใจ เริ่มวางตัวผ่อนคลายขึ้น หากแต่เพียงครู่ เจ้าวรรศก็ทำให้สำลัก

“วันนี้เจ้าตั้งใจมาเกี้ยวข้าใช่หรือไม่”

“แค่ก!”

ไอเสียจนอาหารที่ส่งเข้าปากกระเด็นออกมาด้านนอก เจ้าวรรศเบ้หน้าราวขยะแขยง ริมฝีปากเอื้อนเอ่ย

“กิริยามารยาทของเจ้านี่เหลือจะกินเสียจริง”

ก็ผู้ใดให้มาพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องตอนกำลังกินอยู่เล่า!

องค์นวินค่อนขอดในใจ มือคว้าเอาผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดปากยกขันน้ำดื่มขึ้นกระดกเพื่อให้คล่องคอ

“ว่าอย่างไร วันนี้เจ้าจะมาเกี้ยวพาราสีใช่หรือไม่”

เห็นองค์นวินกลับคืนสู่สภาพปกติก็ร้องถามไปอีก ในใจใคร่รู้เหลือเกินว่าจะเป็นสิ่งนั้นหรือไม่ ด้วยเขาอยากจะเล่นสนุกให้คลายเบื่อที่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในเขตพระราชฐาน และสิ่งที่ทำให้เขาคลายเบื่อได้ในเพลานี้ก็คือองค์นวิน ของเล่นชิ้นใหม่ที่เพิ่งจะได้พบพานเมื่อวาน

องค์นวินเหลือบมองหน้าเจ้าวรรศอย่างไม่ไว้ใจ รู้สึกได้ถึงความเจ้าเล่ห์ในดวงตาแวววับคู่นั้น กระนั้นก็มิอาจเลี่ยง ในเมื่อได้เปล่งวาจารับปากออกไปแล้ว ก็จำจะต้องตอบรับ

“ชะ...ใช่ วะ...วันนี้ข้าจะมาเกี้ยวพาราสีเจ้า”

เจ้าวรรศยกยิ้มทันใด หูตาแพรวพราววาววับกว่าเดิมเสียอีก แต่ก็หาได้ถามไถ่สิ่งใด นอกจากออกคำสั่งเท่านั้น

“เช่นนั้นก็รีบกินเสีย ข้าใคร่อยากรู้เป็นหนักหนาแล้วว่าเจ้าจะเกี้ยวพาราสีข้าอย่างไร”

อย่างไรนั้น องค์นวินก็หาได้รู้หรอก เขาไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมานี่ รู้ตัวว่าตื่นสายก็รีบหุนหันออกมา เพิ่งมาสำเหนียกได้ว่ามีภาระอันหนักอึ้งแบกไว้อยู่บนบ่าก็เมื่อครู่นี้เอง

“กินเร็วๆ กินเยอะๆ”

เจ้าวรรศเร่งเร้ามาอีก ดูท่าทางจะรอคอยความสนุกสนานเสียไม่ไหว องค์นวินก็หาทำการใดได้ เอาแต่พยักหน้าแล้วรีบกุลีกุจอกินอาหารเข้าไปเท่านั้น

เมื่อเสร็จสิ้น ก็ถึงเวลาของการเกี้ยวพาราสี องค์นวินถึงกับเหงื่อกาฬแตกพลั่กเมื่อเห็นเหล่านางกำนัลยักษียกพานสำรับอาหารกลับไป เหลือเพียงเขาและอสุราจากปรมะนครที่นั่งนิ่งอยู่ที่เดิม

สองมือกำเข้าหากันแน่น ดวงหน้าขาวนวลที่ขาวดั่งหยวกกล้วยอยู่แล้ว บัดนี้ขาวซีดเซียวมากขึ้นไปอีก ลำคอก็ตีบตันด้วยไม่รู้ว่าจะกระทำอย่างใดดี

เกี้ยวพาราสีหรือ?

เกี้ยวอย่างไรล่ะ!? ทำอย่างไร!?

เริ่มประหวั่นวิตกแล้ว ตั้งแต่เกิดมาจนอายุย่างเข้ายี่สิบขวบปี องค์นวินหาได้เคยเกี้ยวพาราสียักษีหรือยักษาตนใดเลยแม้แต่น้อย เพียงจะพูดคุยเชิงชู้ก็หาได้เคยกระทำมาก่อน เรียกได้ว่าไม่ประสาแม้เพียงกระผีกเดียว ในหัวครุ่นคิดถึงบทเรียนที่เหล่าราชครูได้สอนสั่งไว้เป็นพัลวันว่ามีศาสตร์วิชาใดบ้างที่ว่าด้วยการเกี้ยวพาราสี ทว่าก็มิอาจคิดออก สุดท้ายจึงได้แต่นั่งก้มหน้าอมพะนำ ทำเอาคนที่รอให้อีกฝ่ายเกี้ยวอยู่ชักจะหงุดหงิดขึ้นมา

ใบหน้าของเจ้าวรรศ...เริ่มจะมีเขี้ยวงอกแล้ว ความหรรษาที่อุตส่าห์อดทนรอให้บังเกิดหลังมื้ออาหารอันตรธานหายไปเพราะยักษ์ไม่เอาไหนข้างกายตนนี้!

หัวเสียจนทนไม่ไหว ต้องว่าเสียงแข็งออกมา

“เจ้าจะนั่งนิ่งเป็นหินอีกนานไหม ไหนว่าจะเกี้ยวพาราสีข้า”

องค์นวินสะดุ้งเฮือก เหลือบมองอีกฝ่ายที่มีเขี้ยวโค้งพรายออกมาให้เห็นอย่างหวาดๆ

“ขะ...ข้า...”

พูดไม่ออกเลยแม้แต่น้อยว่า ‘ข้าไม่รู้จะต้องทำอย่างไร’ เอ่ยออกมาได้คำเดียวก็เงียบงันไป ทำเอาเจ้าวรรศหน้านิ่วคิ้วขมวดมากขึ้นไปอีก

“ข้าอะไร!”

“ข้า...”

ยังพูดไม่ออกอยู่ดี ยิ่งถูกเสียงดังใส่ ยิ่งอับจนคำพูด สิ่งนั้นเป็นนิสัยเสียอย่างหนึ่งขององค์นวินที่มักจะหวั่นเกรงผู้ที่มีท่าทางองอาจกว่า เหตุเพราะเขานั้นหาได้เกิดมาเป็นองค์ยุพราชตั้งแต่ต้น หากแต่เป็นอนุชาของอดีตองค์ยุพราชที่เพิ่งสิ้นไปเมื่อหลายปีก่อนด้วยไข้รากสาด เขาซึ่งเป็นโอรสองค์เล็กในมเหสีของกษัตริย์สราลีจึงถูกแต่งตั้งขึ้นมา ภาระหน้าที่ใหญ่หลวงจึงตกมาอยู่ที่โอรสซึ่งถูกเลี้ยงดูอุ้มชูดุจไข่ในหิน ริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ต้องการสิ่งใดมารดาก็จัดหามาให้ทั้งสิ้น จึงไม่แปลกหากจะมีท่าทางไม่สู้คนประหนึ่งยักษ์น้อยเช่นนี้

สำหรับเหล่าอสุราในวังสราลีนั้นพอเข้าใจกับอุปนิสัยนี้ขององค์นวิน แต่กับเจ้าวรรศที่เป็นยักษ์โผงผางมาแต่เดิมกลับไม่เข้าใจ เห็นอีกฝ่ายพึมพำงึมงำเหมือนสวดบริกรรมคาถาสาปแช่งเขาอยู่ก็รำคาญใจยิ่งนัก ถามออกไปอีก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel