บทที่ 4
สองหนุ่มสาวที่จับจูงมือกันมาที่ลานกว้างอันเป็นที่ที่เพื่อนๆ ทั้งชายหญิงกำลังดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน
“มาแล้วๆ คนสวยของเราเก็บเนื้อเก็บตัวเชียวนะคะ ดูท่านนท์จะหวงน่าดู” ภูริตาเอ่ยทักเมื่อเห็นเป้าหมายเดินมา
“ดูท่าน้องนนท์จะเอาจริงนะคะเนี่ย คิดดีแล้วหรือคะว่าคนนี้จริง”
“ครับ ผมรักอ้อนและอ้อนก็รักผม” รัชชานนท์ตอบอย่างมั่นใจพร้อมกับกระชับมือบางยืนยันคำพูดนั้น แต่มันได้สร้างไฟริษยาให้กับภูริตากับมิรันตีอย่างมาก
“แหม...นนท์นี่มั่นใจจังเลยนะ อิจฉาอ้อนจริงๆ เล้ย” ภูริตาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปกปิดความริษยาไว้ไม่มิด
“คนอย่างริต้าจะอิจฉาอ้อนทำไม ในเมื่อริต้าก็มีหนุ่มมารุมล้อมเยอะแยะ”
“แหม..นนท์ก็ริต้าก็พูดๆ ไปอย่างนั้นเอง เอ่อ...นนท์คะ ริต้ามีบางอย่างจะปรึกษาค่ะ มาทางนี้คะแป๊บเดียวค่ะ ขอตัวนนท์แป๊บเดียวนะจ๊ะอ้อนเดี๋ยวเอามาคืน” ว่าแล้วสาวสวยก็รีบคว้ามือชายหนุ่มที่ตนพึงใจไปทันทีโดยที่คนที่ถูกพาไปไม่ทันตั้งตัว
“เอาล่ะจ้ะนัง เอ้ย น้องอ้อนมาดื่มฉลองให้นนท์กันดีกว่าค่ะ มาพวกเราเอาเหล้ามาทางนี้ แฟนนนท์เค้าอยากดื่มฉลอง ให้กับตัวเองที่จับนนท์ได้อยู่หมัด” คำพูดประโยคสุดท้ายมิรันตีลดเสียงลงแผ่วเบาพอได้ยินกันสองคนกับอโนมาแต่แววตาที่ส่งมาบ่งบอกได้อย่างดีว่ามันเต็มไปด้วยไฟริษยาและความมาดร้ายจนอโนมารู้สึกขนหัวลุกอย่างช่วยไม่ได้
“เอ่อ พี่มิรันคะอ้อนไม่ดื่มค่ะ”
“ได้ไงคะน้องอ้อน วันนี้เป็นวันที่เราทุกคนร่วมกันฉลองให้กับน้องนนท์ทั้งที คนเป็นแฟนจะไม่ดื่มได้ไงว่าไหมพวกเรา” มิรันตีหาพวกได้ง่ายดายเมื่อเหล่าลูกหลานของพวกผู้ดีมีเงินเริ่มทยอยมาร่วมวงตรงที่ทั้งสองสาวยืนอยู่ และค่ำคืนนี้ก็มีอะไรสนุกๆ ให้ทำเสียด้วย
“ถ้าน้องอ้อนไม่ดื่มเหล้า งั้นพั้นซ์แบบเบาๆ นะคะ” สาวสวยที่ควงคู่มากับหนุ่มหน้าสวยบอกอย่างเห็นด้วยกับแผนการของมิรันตีเพราะเธอหมั่นไส้แฟนหนุ่มซึ่งแอบมองอโนมาอย่างสนใจจนออกนอกหน้า
“เอ่อ...” สาวน้อยเริ่มร้อนรนและลอบมองหาคนรักอย่างกระวนกระวาย เพราะถ้ารัชชานนท์อยู่ตรงนี้เขาจะไม่ปล่อยให้เพื่อนๆ ของเขาทำแบบนี้เด็ดขาด
“อย่าทำตัวเรื่องมากเลยนังอ้อน คงจะอยากเรียกร้องความสนใจภายใต้ใบหน้าใสซื่อสินะ”มิรันตีกระซิบเบาๆ กับคนที่เธอเฝ้ามองอย่างริษยาตั้งแต่อดีต
“แต่อ้อน อ้อน ไม่เคยดื่มนะคะ แล้วๆ” ยังปฏิเสธไม่ทันจบแก้วพั้นซ์สีสวยก็ถูกยื่นมาตรงหน้า สาวน้อยมองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาไม่แพ้รัชชานนท์ที่เธอจำได้ว่าเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับภูริตา
“นี่ครับสาวน้อย รับรองดื่มแล้วไม่เมาแน่ๆ ครับ รับรองได้” ปากบอกไม่เมาแต่แววตาของคนพูดวาววามอย่างไม่น่าไว้ใจ
ท่ามกลางวงล้อมของเหล่าหนุ่มสาวที่เรียกตัวเองว่าลูกผู้ดี คนชั้นสูงหรือไฮโซแล้วแต่จะเรียกแต่จิตใจกลับหมักหมมไปด้วยความเน่าเฟะและจ้องแต่ทำร้ายผู้ที่ด้อยกว่า ร่างน้อยสั่นเทาแลดูน่าสงสารแววตาตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อเจอสายตากระเหี้ยนกระหือเหมือนจะเขมือบเธอให้ตายไปต่อหน้า สาวน้อยก็ตัดสินใจยื่นมือบางไปรับแก้วเครื่องดื่มมาอย่างจำใจ พลางมองแก้วอย่างลังเลโดยที่ไม่ทันเห็นสายตาที่วาววับด้วยความหมายมาดบางอย่างที่ไม่น่าจะใช่เรื่องดีเลยสักนิดเดียวของมิรันตี แล้วรอยยิ้มที่สมใจก็ฉาบบนใบหน้าสวยเมื่ออโนมาดื่มสิ่งที่เธอยัดเยียดให้จนสำลักไอจนหน้าดำหน้าแดงมิรันตียิ้มเยาะสาวน้อยที่กำลังตกเป็นเหยื่ออย่างร้ายกาจ
“เอ้าดื่มๆๆ” เสียงปรบมือโห่ร้องพร้อมด้วยเครื่องดื่มสีสวยที่ต่างยื่นส่งมาแก้วตรงหน้าจนสาวน้อยแทบตั้งตัวไม่ติด ตอนนี้เธอก็รู้สึกเหมือนว่าลำคอแสบร้อนและปากบางเริ่มบวมเห่อ มือบางอ่อนแรงแทบยกไม่ขึ้นแต่ก็ไม่มีใครสนใจในปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปของเธอ มิรันตียื่นแก้วเครื่องดื่มสีสวยแก้วพิเศษที่เธอเตรียมไว้ให้สาวน้อยตรงหน้าที่เริ่มจะยืนไม่อยู่เมื่อได้รับสัญญาณจากชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่อีกมุมที่ไม่มีใครสนใจ
“แก้วสุดท้ายแล้วค่ะน้องอ้อน รับรองว่านี่คือแก้วสุดท้าย...แก้วสุดท้ายก่อนที่แกจะได้รับบทเรียนที่จะทำให้แกลืมไม่ลงเลยทีเดียว
“อ้อนไม่ไหวแล้วค่ะ ได้โปรด...” อโนมาขอร้องในขณะที่มิรันตีไม่ยอมพยายามจะยัดเยียดแก้วใส่มือของเธอ แต่แล้วมือหนาของรัชชานนท์ก็คว้าไว้ก่อน แล้วมองหน้าเพื่อนๆ ที่อยู่ตรงนั้นด้วยแววตาวาวโรจน์อย่างโกรธกรุ่น
“ใครให้อ้อนดื่มเหล้า” เสียงห้าวห้วนอย่างไม่ต้องคิดมากก็รู้ว่าเจ้าตัวโกรธมากเพียงใด
“มันไม่ใช่เหล้านะนนท์” เสียงของเพื่อนๆ แย้งอ่อยๆ
“อ้อนแพ้แอลกอฮอล์ไม่ว่าจะเป็นเหล้าหรืออะไรก็ตามแต่ที่มีส่วนผสมของแอลลกอฮอล์ ไม่มีใครรู้ หรือรู้แต่ไม่สนใจ...” ชายหนุ่มปรายตามองมิรันตีอย่างไม่สบอารมณ์มือหนาโอบเอวบางไว้อย่างปกป้องเมื่อเห็นว่าร่างแฟนสาวอ่อนแรงและหายใจติดขัดผื่นแดงขึ้นรวดเร็วตามตัว ริมฝีปากบางบวมเจ่อ เพื่อนๆ ของเขาต่างหน้าถอดสีไปตามๆ กันเมื่อเห็นสภาพของสาวน้อยที่คอพับคออ่อนในอ้อมแขนของรัชชานนท์ จนน่ากลัวว่าจะมีอะไรร้ายแรง
“เราไม่รู้จริงๆ นะนนท์ว่าน้องอ้อนเขาแพ้แอลกอฮอล์ ก็เห็นพี่มิรันเขาบอกว่าน้องอ้อนอยากดื่มฉลองให้นนท์ พวกเราก็เลยให้น้องเขาดื่ม เราไม่รู้จริงๆ สาบานได้” เสียงของสาวๆ ในกลุ่มอธิบายยืดยาวพร้อมโบ้ยมาทางมิรันตีที่ยืนหน้าบิดเบ้ด้วยความกราดเกรี้ยวเมื่อเห็นว่าพวกที่หาได้เริ่มแปรพรรค
“ใช่ เราไม่รู้จริงๆ เอ่อ...ฉันว่ากลับก่อนนะนี่เริ่มดึกแล้วเดี๋ยวมาม้าเป็นห่วงไปๆ พวกเรากลับดีกว่าดึกแล้ว ใครจะกลับพร้อมฉันบ้าง มาๆๆ” แล้วเพื่อนๆ ที่เพิ่งจะนึกได้ว่าต้องทำตัวเป็นลูกที่ดีก็เริ่มทยอยเอาตัวรอดเมื่อเห็นว่ารังสีอำมหิตเริ่มแผ่กระจายจนร้อนระอุ
“พี่ไม่รู้เหมือนกันนะคะน้องนนท์ ก็อ้อนเขาอยากดื่มเองพี่ก็แค่ทำตามความต้องการของอ้อนเขา แล้วแก้วนี้ก็สุดท้ายแล้วด้วย” มิรันตีบอกเสียงสะบัดนิดๆ เมื่อเห็นว่าแผนการของตนเริ่มจะผิดแผนเสียแล้ว
“เราก็แค่อยากให้น้องอ้อนสนุกเท่านั้น ก็พวกเราไม่เคยเห็นน้องอ้อนเขาเข้ากลุ่มกับพวกเราเลย” เธอรีบหาข้ออ้างที่พอจะได้พรรคพวกที่มีคนหมั่นไส้สาวน้อยที่เริ่มจะยืนไม่อยู่ตรงหน้า
“อ้อนไม่ดื่มเหล้า ผมรู้ดีและไม่มีทางที่จะทำแบบนี้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น เว้นแต่ว่าจะมีคนจงใจให้อ้อนดื่มเพราะมีแผนการบางอย่าง” ชายหนุ่มพูดอย่างที่ใจนึกเพราะเขารู้สึกไม่ไว้ใจมิรันตีและภูริตา เมื่อครู่นั้นที่เขาตามภูริตาไปนึกว่าเธอจะมีเรื่องปรึกษาจริงๆ แต่กลับพบว่าหญิงสาวพูดแต่เรื่องแฟชั่นไร้สาระและพูดจาให้ร้ายอโนมาตลอดซึ่งเขารู้ดีว่ามันไม่ใช่ เมื่อออกมาก็พบสาวน้อยอยู่กลางวงล้อมของเพื่อนๆ ของเขาที่แต่ละคนล้วนแต่จ้องจะกลั่นแกล้งอโนมาเพียงแค่เห็นว่าสาวน้อยหน้าหวานคนนี้ไม่ได้อยู่ในแวดวงคุณหนูเทวดาอย่างพวกเขาและมักจะถูกเพื่อนๆ ของเขาพูดจาถากถางอยู่บ่อยๆ
