บท
ตั้งค่า

3

“เป็นท่อนไม้หรอกค่ะคุณแม่”

เสียงหัวเราะดังลั่นห้องธุรการ แล้วถึงได้ยืนคุยกันอีกครู่ ค่อยไหว้ลาคุณครูเป็นตัวอย่างให้เด็กชายสิปปภาสดู ก่อนจะถูกพ่อตัวดีดึงออกจากห้องที่คุณครูอยู่กันเต็มไปหมด ตรงไปยังสนามของโรงเรียน

“สิปขอเล่นกับเพื่อนก่อนครับ”

“ได้ครับ” ดรัลรัตน์ปล่อยให้เจ้าสิปเล่นจนพอใจแล้ว ถึงได้ชักชวนกันกลับ ขึ้นรถได้ พาแวะตลาดสดใกล้บ้าน หาซื้อข้าวของที่ขาด ที่จำเป็น กลับขึ้นรถอีกที สตาร์ตอยู่เป็นนานจนใจคอเริ่มไม่ดี ก็ค่อยพบว่าน้ำมันหมดเท่านั้นเอง ไม่ได้พังแบบคราวก่อน

ดีที่ปั๊มน้ำมันอยู่ติดกับตลาด วุ่นวายอยู่กับการเติมน้ำมันพักใหญ่ เรียบร้อยดีแล้ว ค่อยกลับขึ้นนั่งบนรถอีกครั้ง อดบ่นเรื่องไมล์บนหน้าปัดไม่ได้ ว่าทำไมถึงไม่ยอมทำงาน

จนเกือบจะถึงบ้านอยู่แล้ว เด็กชายสิปปภาสถึงได้พูดขึ้น พร้อมกับพยายามยัดก้นกรวยไอศกรีมรสวานิลลาที่เหลือกว่าครึ่งเข้าปาก “สิปนึกว่าจะต้องช่วยแม่เข็นรถกลับบ้าน”

ดรัลรัตน์ค้อนใส่ร่างกลมก้อนใหญ่ ๆ ที่เบาะด้านข้าง เธอเคยให้พ่อตัวดีนี่เข็นรถช่วยที่ไหนกัน รอบก่อนที่เสีย ก็แค่ให้ลงไปยืนรอที่นอกรถเฉย ๆ แล้วแกล้งพูดว่าถ้าซ่อมไม่ได้ ต้องช่วยกันเข็นรถกลับบ้าน ก็แค่นั้น ทำมาพูด เดี๋ยวเถอะ

หักพวงมาลัยรถเลี้ยวเข้าบ้าน จอดนิ่งดีแล้ว ถึงหันมาตอบ “แม่เอาไปซ่อมมาแล้ว ลุงช่างบอกว่าคราวนี้อีกนานถึงจะพัง”

“เราซื้อรถใหม่ไม่ได้หรือครับ”

“เอาไว้ก่อนเถอะลูก ป้าเขียวยังขับได้อยู่เลย ซื้อใหม่ทำไมให้เปลืองเงิน” บอกเสียงอาลัยอาวรณ์ไม่น้อย ก่อนจะลูบมือไล้ไปกับพวงมาลัยรถยนต์คู่บุญ

“มีอะไรให้ช่วยยกบ้างพี่รัล” เสียงใส ๆ ถามดังมาจากนอกรถ เลยบุ้ยปากไปทางด้านหลัง

“ยกลงหมดเลยแก้ม”

คณิสรา ญาติผู้น้องของเธอ ที่อาศัยอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่สิปปภาสเพิ่งคลอดไม่นาน เดินไปเปิดฝากระบะท้ายรถออก ก่อนจะหิ้วถุงของจนเต็มสองมือ หอบเข้าบ้านเดี่ยวหลังเล็ก ที่อัดแน่นด้วยคนอาศัย อบอุ่นจนบางทีก็ออกจะร้อนจนเกินไปเช่นกัน ด้านนอกห้อมล้อมด้วยพืชผักสวนครัวที่ช่วย ๆ กันปลูก ทยอยขึ้นเต็มไปหมด สบายตา แล้วก็สะดวกใจที่จะเด็ดมาทำอาหารรับประทานกันในแต่ละมื้อแต่ละวัน

“ใครรีบตัดกล้วยมา” ถามเชิงบ่น เมื่อเห็นกล้วยเครือใหญ่วางที่ข้างบ้าน

“ป้ารองแกว่าอยากกินกล้วยต้ม แม่ก็เลยไปเอาลงมาทั้งเครือเลยจ้ะ” คณิสราบอกพร้อมกับวางของลง ค่อยแว่วเสียงถามดังจากประตูหลังบ้าน เป็นน้าของเธอ แม่ของคณิสรานั่นเอง

“จะกินข้าวกันเลยไหมรัล จะได้ต้มผัก”

“ต้มเลยก็ได้น้าวัลย์”

จนคล้อยหลังทางนั้นแล้ว คณิสราก็หน้ามุ่ย บ่นเมื่อแว่วเสียงเพลงดังลอยเข้ามากระทบหู “ ‘ทางนู้น’ เขาจัดงานกันอีกแล้วพี่รัล”

“อือ” ดรัลรัตน์ตอบรับด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ก่อนจะมองหามารดา “ป้ารองไปไหนแล้ว”

“พรวนดินอยู่หลังบ้านนู่น” คณิสราตอบ

แต่เธออดบ่นต่ออีกไม่ได้ “จนมืดจนค่ำป่านนี้แล้วเนี่ยนะ แก้มไปพาแกมาล้างมือหน่อยไป เดี๋ยวพรวนไปพรวนมา ได้ขุดหลุมใหญ่เหมือนคราวก่อนนั่นหรอก ไม่เราก็แกนั่นแหละ ที่จะเดินตกหลุม”

“จ้ะ” คณิสรารับคำแล้วเดินดุ่ม ๆ ออกไปนอกบ้านทันที

ดรัลรัตน์พาเด็กชายสิปปภาสเข้าไปอาบน้ำ แล้วก็ค่อยให้แต่งตัวด้วยตัวเอง ถึงออกมาช่วยน้าสาวจัดแจงทำอาหารเย็นให้กับสมาชิกในบ้าน

บ้านเล็กหลังนี้อยู่กันห้าชีวิต มีแค่สตรีและเด็กเท่านั้น แม่ของเธอ เธอและเจ้าสิป น้าสาวที่ชื่อลาวัลย์เป็นน้องแท้ ๆ ของแม่ แล้วก็คณิสราลูกสาวคนเดียวของลาวัลย์

อาหารง่าย ๆ จำพวกน้ำพริก ผักต้ม และเมนูวนเวียนจากไข่ถูกวางลงที่โต๊ะ นอกจากจะใช้เวลาทำไม่นาน ยังอุดมด้วยสารอาหารครบถ้วนและราคาไม่แพงอีกด้วย

นั่งกินข้าวจนอิ่มดีแล้ว ว่าจะเข้าห้องเพื่ออาบน้ำพักผ่อนหลังจากนั้น แต่เพราะเสียงเพลง เสียงร้องเฮโลดังเป็นจังหวะข้ามมาถึงบ้านของเธอนี่ ดรัลรัตน์เลยพามารดาเข้าห้อง หันไปบอกน้องสาวของมารดาว่า “เดี๋ยวรัลมา น้าวัลย์ดูสิปให้รัลหน่อยนะ”

บอกจบ ออกจากบ้าน คว้ากล้วยเครือใหญ่ที่วางอยู่ข้างบ้านใส่กระบะท้ายได้ ปีนขึ้นนั่งหลังพวงมาลัยรถ ขับออกจากบ้านไปในทันที

เลี้ยวเข้าทางคอนกรีตที่ปูยาวจากถนนเส้นหลักเข้าไปที่ด้านใน ราวสามร้อยเมตรได้ ถึงเห็นลานชั่งไม้ ลานรับซื้อพืชผลทางการเกษตร รวมถึงตัวบ้านหลังใหญ่ตั้งตระหง่านบนพื้นที่ซึ่งติดกันกับบ้านเดี่ยวหลังเล็กของเธอ

ดรัลรัตน์ไม่ค่อยได้สุงสิงกับใครนัก

แต่หากใครสร้างความเดือดร้อนให้ ก็มักไม่อยู่เฉย

ยกตัวอย่างเช่นข้างบ้านนี่ไง เป็นลานรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรที่มากว้านซื้อที่รอบ ๆ เมื่อหลายปีมาแล้ว และขายต่อเปลี่ยนเจ้าของอีกที ที่ตอนนี้นอกจากจะถนัดกดราคารับซื้อแล้ว ยังถนัดจัดปาร์ตี้กันแทบทุกคืนอีกด้วย ล่าสุดมียิงปืนขึ้นฟ้าอีกต่างหาก

มาทีหลัง แล้วยังมาสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นแบบนี้อีก เป็นพวกไม่มีสามัญสำนึกเลยจริง ๆ

เธอเคยเข้าไปเตือนพวกเขาแล้วสามครั้งในระยะหนึ่งเดือนมานี้ ทางนั้นก็รับปากส่งเดชว่าจะระวังเรื่องเสียงและจะปรามคนของตัวเอง ไม่ให้ทำอะไรแบบนั้นอีก แต่ก็เห็นทำอยู่แบบเดิม เลยไปปรึกษากับผู้นำชุมชน ทางนั้นคงพรรคพวกกัน บอกแต่ให้เธอใจเย็น ๆ ค่อยคุยกันไป

ต้องรอให้ไอ้กระสุนพวกนั้นมันลอยลงมาทำร้ายคนก่อนหรือ ถึงจะกระเตื้องกันได้ เธอไม่อยากให้ตัวเองและคนในบ้านต้องมารับเคราะห์จากคนที่เอาแต่สนุกไปวัน ๆ โดยไม่นึกถึงเพื่อนร่วมโลกอย่างคนพวกนี้

จอดรถเรียบร้อย ลงไปยืนมองหาคน เห็นชายในวงเหล้าที่พอพูดคุยคุ้นหน้ากันบ้าง เพราะเป็นผู้จัดการของที่นี่ ก็ออกปากร้องทักเขาไป “คุณที”

“อาเจ้มาเว้ย”

เสียงโหวกเหวกโวยวายดังอยู่ที่กลุ่มคนตรงโต๊ะด้านหลังของชายชื่อ ‘ที’ ดรัลรัตน์หาได้สนใจไม่ มองสำรวจคนในลานที่นั่งดื่ม นั่งร้องเพลงกันแล้ว ค่อยออกปากถามพร้อมรอยยิ้ม

“ฉลองอะไรกันคะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel