2
แล้วถึงได้ยิ้มกว้างให้กลุ่มเด็กตัวเล็กตัวน้อย ทั้งหญิงและชายที่พากันวิ่งกรูออกจากแถว บางคนไปหาผู้ปกครอง บางคนวิ่งไปเล่นที่สนาม ที่ซึ่งมีเครื่องเล่นเยอะก็จริง แต่ค่อนข้างจะผุพังไปมาก
ร่างกลมในชุดนักเรียนตัวโคร่งที่เธอซื้อเผื่อให้ใส่ยาว ๆ จนจบอนุบาลวิ่งตรงมาทางนี้แล้ว พอถึง ก็โผเข้ากอดขาเธอแน่น ดีที่เกร็งตัวเอาไว้ทัน ไม่อย่างนั้นจะต้องเสียหลักเซเป็นแน่
กอดตอบกันอึดใจหนึ่ง เด็กชายสิปปภาสก็ค่อยผละออก เพื่อจะบอกกับเธอว่า “แม่ครับ สิปหิว กลับบ้านกัน”
“สิปจะกลับ สิปได้สวัสดีครับคุณครูจูนหรือยัง”
“สวัสดีแล้วครับ”
“งั้นไปห้องธุรการกับแม่ก่อน”
พอได้ยินว่า ‘ห้องธุรการ’ เด็กชายก็ร้อง พร้อมขืนตัวไว้ทันที “สิปไม่ไป สิปไม่ได้ต่อยใคร”
ดรัลรัตน์หรี่ตามองตอบ ร้อนตัวแบบนี้ ไม่ใช่ว่าไปมีเรื่องกับใครมาอีกแล้วหรือ สิปปภาสนี่ไม่ใช่แค่ตัวใหญ่อย่างเดียว ใจก็ใหญ่อีกด้วย ครั้งก่อนไปมีเรื่องกับเด็กโตกว่า เพียงเพราะเพื่อนตัวเองถูกรังแก แล้วครั้งนี้ทำท่าร้อนตัวนี่ น่าจะไปมีเรื่องมาอีก เดี๋ยวค่อยตะล่อมถามตอนขึ้นรถ ว่าไปก่อเรื่องกับใครมา กระตุกมือแล้วบอก
“แม่จะไปจ่ายค่าเรียนให้สิป ไปเร็วลูก”
ได้ยินแบบนั้น เด็กชายสิปปภาสถึงได้ยอมผ่อนแรงยื้อ เดินตามกันไปยังห้องธุรการหลังจากนั้น
สายตาคมติดเฉยเมยคู่หนึ่งมองนิ่งยังหญิงสาวที่คว้ามือเด็กชายร่างสูงใหญ่กว่าใครเพื่อน เดินตรงไปยังป้ายบอกทางว่า ‘ห้องธุรการ’ หูฟังวิกฤตการเงินไปพลาง ค่อยละสายตาจากทางนั้นมา บอกคู่สนทนาด้วยเสียงเรียบเรื่อยเนือย ๆ เล็กน้อย “ไม่ไหว ฝืนเปิดทำไมครับ”
“พี่สงสารเด็ก ๆ นี่คะคุณใหญ่”
“ไม่มีโรงเรียนคุณลออ โรงเรียนของรัฐก็มีเยอะแยะไปครับ”
“พี่รู้ค่ะ” ก็เพราะโรงเรียนของทางรัฐผุดขึ้นราวดอกเห็ดแบบนี้อย่างไรเล่า ถึงทำให้โรงเรียนอนุบาลของตนที่ก่อตั้งมานานร่วมครึ่งศตวรรษทำท่าจะไปไม่รอด แต่เจ้าของโรงเรียนอนุบาลกล้าพูดออกไปอย่างที่ใจอยากพูดอย่างนั้นหรือ ในเมื่อกำลังสร้างความอดสูใจให้ชายวัยเพียงสามสิบปีฟัง ถึงความจำเป็นที่อีกฝ่ายควรต้องเข้ามาโอบอุ้มตนให้พ้นจากวิกฤตนี้
“พี่ปิดไม่ลงหรอกค่ะ ไหนจะเด็ก ไหนจะครูเก่าที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ก่อตั้งอีก บางคนจะเกษียณปีนี้ปีหน้าแล้วด้วย พี่ปิดไป แกจะไปสมัครงานที่ไหนล่ะคะคุณใหญ่”
“เอ็นดูเขา ระวังเอ็นคุณลออจะขาดก่อน” เสียงขรึมบอกกลับด้วยโทนอารมณ์เดิม แม้เนื้อหาของคำพูดจะเด็ดขาด แต่ก็ฟังดูไม่ได้โหดร้ายมากมายเท่าไรนัก
“ปิดเถอะครับ เจ็บตอนนี้ยังไม่มากเท่ากับทิ้งเวลาไว้ให้มันนาน จนดอกเบี้ยธนาคารบานตะไทใช้ยันหลานก็ใช้ไม่หมด ถึงตอนนั้นคุณลออจะเจ็บเจียนตายเลยนะ เชื่อใหญ่เถอะ ยอมรับความจริงว่าที่นี่ทำกำไรให้เราไม่ได้อีกแล้วครับ”
สาวใหญ่มีศักดิ์เป็นญาติผู้พี่ นามว่าลออ เจ้าของโรงเรียนอนุบาลเอกชนได้แต่บอกเสียงอ่อนกลับไป “พี่ถึงได้เซ้งให้คุณใหญ่นี่ไง พี่รู้ว่าคุณใหญ่ใจบุญ ชื่อเสียงของคุณใหญ่ต้องกอบกู้โรงเรียนของคุณทวดได้แน่ ๆ เลยล่ะค่ะ”
“เอาชื่อคุณทวดมาอ้างทุกทีเลย เวลาจะหลอกใช้ผม”
เสียงท้วงเนิบเอื่อยของคนพูดกล่าวเย้ากลับมา สาวใหญ่ได้แต่หัวเราะแห้ง ๆ ทั้งคู่ยังคงสนทนากันอีกเป็นนาน ซึ่งไม่รู้ว่าหลังจากนั้นแล้ว จบการเจรจากันว่าอย่างไร โรงเรียนได้เปลี่ยนชื่อผู้บริหารหรือไม่
“น้องชายครูลออ”
“ใช่ที่ชื่อคุณใหญ่ไหมคะครูสาว”
“ใช่ค่ะ ได้ข่าวว่ายังเด็กอยู่เลย แล้วก็รวยมากด้วย ที่สำคัญกว่ารวยคือหล่อมาก ขนาดว่ายืนมองไกล ๆ ขนาดนี้ ความหล่อยังกระแทกเข้ามาในตาเลยนะคะ”
แต่ทว่าคู่สนทนาไม่ได้สนใจความหล่อของอีกฝ่าย ถามกลับอย่างมีความหวัง “ถึงว่า พอมาถึงครูลออแกแทบจะอุ้มเข้าห้องไปเลย คงจะกล่อมให้ซื้อโรงเรียนของเราหรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะ”
ครูอีกคนในกลุ่มสนทนารีบส่งเสียงให้หยุดคุยกันก่อน แล้วทักทายยังคนที่ผลักประตูกระจกเข้ามาใหม่ “อ้าวแม่น้องสิป ติดต่อเรื่องอะไรคะ”
“มาจ่ายค่าเทอมของน้องสิปค่ะ”
“จ่ายหมดเลยไหมคะ”
ปกติแล้ว เธอจะเป็นคนค่อนไปทางเขี้ยว เหนียวหนี้อยู่ไม่น้อย แต่หากเป็นเรื่องของสิปปภาส เธอสามารถควักเงินออกมาจ่ายให้ได้ทั้งหมด จึงพยักหน้าตอบไปว่า ‘ใช่’ แล้วดึงมือเด็กชายให้ยืนนิ่ง ไม่ยุกยิก ล้วงเอาธนบัตรออกมาชำระค่าเล่าเรียนด้วยความเสียดายอยู่ไม่น้อย
เงินทองกว่าจะหามาได้ ไม่ใช่ง่ายดายนัก แต่ดรัลรัตน์ก็สู้หามาจนได้ ลำพังตัวเธอเอง กินใช้จ่ายไม่เยอะแยะอะไร แต่สิปปภาสยังมีสารพัดค่าใช้จ่าย เด็กชายยังต้องมีชีวิตอีกยาวไกล เธอถึงได้จิกให้ทางบิดาของเขาส่งเงินมาดูแลบุตรชายตัวเอง อย่าได้ละเว้นหน้าที่ของพ่อโดยเด็ดขาด
และที่ขอ ก็ไม่ได้มากมายอะไรเลย ทุกบาททุกสตางค์เธอบวกออกมาเป็นตัวเลขให้เขารู้หมดทุกอย่าง แต่คนไร้ความรับผิดชอบก็ทำหน้าหนา ไม่ยอมส่งเงินให้ตามที่ตกลงกันไว้แต่แรก ต้องทวงอยู่เรื่อย มาครั้งนี้พวกนั้นกลับทำเงียบไป ไม่ใช่ว่าจะไม่รับผิดชอบสิปปภาสกันแล้วหรือ
รับใบเสร็จมา ค่อยพาสิปปภาสหันหลังกลับ ครูคนหนึ่งในห้องเอ่ยขึ้น “สิปบอกคุณแม่หรือยังครับ”
ดรัลรัตน์ใจหายวาบ หันไปถามทางคุณครูท่านนั้น “บอกเรื่องอะไรหรือคะ”
“โรงเรียนเราจะจัดทำบุญตักบาตร นิมนต์พระมาฉันเพล แล้วก็จัดกิจกรรมให้เด็ก ๆ ด้วยน่ะค่ะคุณแม่ น้องสิปได้แสดงด้วยนะคะ”
ค่อยโล่งใจ นึกว่าพ่อตัวใหญ่ของเธอไปก่อเรื่องเอาไว้อีก
“อ้อ อย่างนั้นหรือคะ แสดงเป็นอะไรครับ อย่างสิปนี่...” ดรัลรัตน์ทำท่าคิดหน่อยหนึ่ง ก่อนเดา “แม่ว่าต้องเป็นหมีแน่ ๆ เลย”
“เป็นท่อนไม้หรอกค่ะคุณแม่”
