ตอนที่หนึ่ง เหตุแห่งหายนะ 4
เมื่อตั้งขบวนรถม้าพร้อมข้าหลวงกราบทูลเชิญเจ้าหลวงแสนสุริยะพร้อมพระชายาและพระโอรสทั้งสองเสด็จขึ้นราชพาหนะ ข้าหลวงที่ตามเสด็จวางแผนการเดินทางเพื่อความปลอดภัยของกษัตริย์อย่างรัดกุมเพื่อให้ศัตรูไม่ทันเล่ห์ โดยการถวายคำแนะนำให้เจ้าหลวงแสนสุริยะทรงรถม้าประจำของราชองครักษ์ปล่อยให้ราชพาหนะคันจริงนั้นว่างเปล่า เหตุผลเพื่อรักษาพระองค์จากการถูกปองร้าย
อุบายนี้คิดขึ้นโดยหนานหลวงราชองค์รักษ์ผู้จงรักภักดีที่คอยเฝ้าระแวดระวังภัยให้พระองค์เรื่อยมา หนานหลวงนั้นภักดีเสียจนบางครั้งเจ้านางสร้อยสุดาจันทร์ทรงไม่พอพระทัยที่เสรีของพระนางนั้นถูกลิดรอนลงเรื่อยๆ แม้แต่การเสด็จกลับครั้งนี้เป็นต้น เจ้านางทรงไม่พอพระทัยเมื่อหนานหลวงทูลเรื่องการสับเปลี่ยนรถม้าถวายแด่เจ้าหลวงแสนสุริยะ เจ้านางทรงมิเชื่อว่าศัตรูจักกล้าเข้ามาทำร้าย แต่เจ้าหลวงแสนสุริยะก็ทรงปลอบใจเจ้านางให้คลายพระทัย เพราะอย่างไรเสียหนานหลวงก็ทำเพราะความห่วงใย องครักษ์คนนี้ย่อมทำสิ่งใดด้วยเหตุผลเสมอ
“หากทุกอย่างพร้อมแล้วก็ออกเดินทางเถิด” องค์เหนือหัวแห่งเวียงเชียงรุ้งทรงมีพระกระแสรับสั่ง เหล่าทหารจึงเคลื่อนขบวนออกจากพลับพลาที่ประทับชั่วคราวนั้น
ขบวนรถม้าเคลื่อนผ่านมาทางริมน้ำระมิงค์เรื่อยๆ เจ้านางสร้อยสุดาจันทร์ทรงโปรดการทอดพระเนตรทิวทัศน์สองข้างทางด้วยมีไม้ใหญ่น้อย มวลดอกไม้ที่เต็มไปด้วยสีสันและมีสัตว์ป่าโผล่มาให้ได้เห็นบ้าง เป็นธรรมชาติที่งดงามและหาดูไม่ได้ในรั้ววังหลวงที่มีแต่สวนอันวิจิตร แต่นั่นล้วนเกิดจากฝีมือมนุษย์ ความสวยงามนั้นจึงเทียบเคียงมิได้กับความงามตามธรรมชาติ
“เจ้าพี่เพคะ หยุดรถม้าสักหน่อยได้ไหมเพคะ” เจ้านางทรงหันมาขอร้องพระสวามี
“ทำไมหรือ”
“น้องอยากได้ดอกไม้นั่นเหลือเกินเพคะ ดอกไม้ป่าช่างงามแท้” เจ้านางทรงแหวกผ้าม่านให้กว้างขึ้น ให้พระสวามีได้ทอดพระเนตรทุ่งดอกไม้สวยงามที่แข่งกันบานเบ่งอวดสายตาผู้พบเห็น
“หยุดมิได้ดอก หนานหลวงอยากรีบเคลื่อนขบวนให้ถึงวังหลวงให้เร็วที่สุด ด้วยเกรงว่าเราอาจจะถูกปองร้ายอยู่ คงไม่อยากหยุดขบวน หากเจ้าอยากได้ดอกไม้นี้พี่จะให้ทหารขุดไปปลูกในรั้ววังในให้เจ้าสักสองแปลงใหญ่ๆ หรือหากเจ้าเห็นว่ามันน้อยไป พี่ก็จักให้ทหารยกแปลงดอกไม้ริมน้ำระมิงค์นี้ไปไว้ที่วังหลวงทั้งแปลง”
เจ้านางสร้อยสุดาจันทร์สดับพระดำรัสของพระสวามีแล้ว ทรงส่ายพระพักตร์น้อยๆ อย่างไม่พอพระทัย
“มิเป็นไรดอกเจ้าพี่ ดอกไม้ป่านั้นปล่อยให้มันสวยงามอยู่ในป่าตามที่ตามทางของมันเถิด เท่าที่มีอยู่ในอุทยานก็สวยงามมากแล้ว เพียงแต่น้องเห็นว่าดอกไม้เหล่านี้มันสวยงามแปลกตาไป อยากได้มาชื่นชมแค่สักช่อสองช่อเท่านั้นไม่ต้องขุดมาเสียหมดรากหมดเหง้า น้องเพียงแต่อยากไปเก็บด้วยมือตนเอง เจ้าพี่ทรงหยุดขบวนให้น้องได้หรือไม่เพคะ”
สายพระเนตรฉายแววอ้อนวอนของเจ้านางอันเป็นที่รักนั้นทำให้องค์ราชาต้องทรงถอนพระปัสสาสะ เพียงแค่หยุดขบวนคงไม่เสียหายเท่าไร เจ้านางสร้อยสุดาจันทร์ทรงโปรดเหล่าดอกไม้สวยงามมากเหลือเกิน หากไม่ได้ลงไปทอดพระเนตรด้วยพระองค์เองคงได้แต่เพ้อรำพันเสียดายมิหยุดหย่อน หรือถ้าพระองค์รับสั่งให้ทหารเอาเข้าไปปลูกที่อุทยานจริง เจ้านางคงจะทรงเคืองมากกว่าโปรด ดังเช่นคราที่แล้วพระองค์ทรงให้ทหารสร้างสวนพฤกษาอุทยานเป็นของกำนัลให้แก่เจ้านาง หากแต่เมื่อทรงเห็นแล้วแม้จะทรงโปรดในความสวยงามของมันมากสักเพียงใดแต่ก็ยังมิวายที่จะตรัสให้ทรงได้ยินว่า
“มันงดงามวิจิตรก็จริง แต่มันจะงดงามกว่านี้มากหากมันอยู่ในป่าอย่างที่มันควรจะเป็น น้องอยากเห็นมันในป่ามากกว่า หากเจ้าพี่พาเสด็จประพาสต้นได้จะยินดีกว่านี้มากเพคะ”
เมื่อดำริถึงเรื่องนี้ได้ เจ้าหลวงแสนสุริยะจึงมีรับสั่งให้ทหารหยุดขบวนรถม้าเพื่อให้พระชายาได้ลงไปชื่นชมดอกไม้ก่อนที่ขบวนจะเคลื่อนผ่านชายทุ่งไป
“มีอะไรหรือพระเจ้าค่ะ ขบวนเพิ่งเสด็จออกมา ยังไม่พ้นแดนผาผีคุ้มเลย เหตุใดพระองค์ถึงสั่งให้หยุดพระเจ้าค่ะ” หนานหลวงรีบลงจากรถม้าอีกคันหนึ่งเข้ามาทูลถามพระองค์ด้วยสีหน้าลำบากใจ เขาไม่อยากให้หยุดขบวนเลยเพราะแถบนี้ไม่ปลอดภัย ภูมิประเทศริมน้ำ และอีกฟากเป็นหน้าผามีโอกาสสูงที่ขบวนจะถูกลอบโจมตีบริเวณนี้ ยิ่งสายของเขาที่แฝงตัวอยู่ในรามัญและจักรคำรายงานมาว่าช่วงนี้เจ้าอยู่หัวทั้งสองเมืองนั้นส่งคนมาหารือกันอย่างลับๆ หลายครั้งเหมือนกับว่ากำลังเตรียมแผนการอะไรบางอย่างกันอยู่ หนานหลวงเกรงว่ากษัตริย์แห่งเวียงเชียงรุ้งจักเป็นอันตรายเหลือเกิน
“เราอยากชมดอกไม้ริมน้ำระมิงค์นั่นน่ะหนานหลวงเราขอเจ้าพี่ให้หยุดขบวนเอง เราอยากลงไปเก็บมาสักช่อสองช่อได้ไหม”
“จะดีหรือพระเจ้าค่ะ ถ้าหากเจ้านางทรงอยากได้ดอกไม้เหล่านั้น เดี๋ยวกระหม่อมไปเก็บมาถวาย ดีไหมพระเจ้าค่ะ”
“เราอยากลงไปชมทุ่งดอกไม้นั่นด้วยตนเอง เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นไม่ได้หรือหนานหลวง” เจ้านางตรัสกับราชองครักษ์
“หามิได้พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไม่มีสิทธ์ที่จะห้ามพระองค์ หากทรงมีพระประสงค์ก็สุดแท้แต่พระองค์ เพียงแต่ที่ทัดทานเพราะเกรงว่าจักไม่ปลอดภัยเพียงเท่านั้น”
“เราเข้าใจเจ้าหนานหลวง แล้วเราก็ขอบคุณเจ้าที่ห่วงเรา ถ้าเจ้าห่วงมากนักก็คุ้มกันเราระหว่างที่ชมทุ่งดอกไม้นั่นให้ดีก็แล้วกัน” เจ้าหลวงแสนสุริยะตรัส
“เป็นหน้าที่ของกระหม่อมอยู่แล้วพระเจ้าค่ะ”
“พวกเจ้าก็อย่าตามข้ามาหลายคนเกินไป ทุ่งดอกไม้งามๆ จะโดนทหารย่ำตายเสียหมด” สิ้นเสียงเจ้านางสร้อยสุดาจันทร์ทั้งกษัตริย์และราชองค์รักษ์ก็ลอบมองหน้ากันแล้วยิ้มกับความใส่พระทัยของเจ้านางแม้กระทั่งดอกไม้ก็ยังทรงเป็นห่วง
หนานหลวงสั่งทหารฝีมือดีหลายนายเดินนำเสด็จเจ้านางเพื่อชมทุ่งดอกไม้ป่าโดยมีนางกำนัลตามเสด็จไปสองสามคน ที่เหลือก็เฝ้าคอยดูแลองค์โอรสน้อยทั้งสองพระองค์ที่บรรทมอยู่ในรถม้า เมื่อเห็นเจ้านางทรงมีสีพระพักตร์พอพระทัยกับการได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามแล้วหนานหลวงเองก็เข้าใจดีว่าความสุขของเจ้านางคือสิ่งนี้
เจ้านางนั้นเดิมเป็นองค์หญิงผู้แก่นแก้วจากเมืองภูรัฐ พระองค์ทรงต้องอภิเษกสมรสกับเจ้าหลวงแสนสุริยะเพื่อเชื่อมไมตรีอันดีให้ทั้งสองเมือง หลังจากการอภิเษกสมรสการดำเนินชีวิตของพระองค์ก็ต้องทรงเปลี่ยนไปมาก เมื่อครั้งยังอยู่ภูรัฐพระองค์ทรงโปรดการเสด็จประพาสป่าเขาลำเนาไพรเยี่ยงชายชาตรี แต่ยามนี้ด้วยหน้าที่แม่เมืองจากที่พระองค์ทรงเคยได้เสด็จประพาสต้นอยู่เป็นเนืองนิจก็ต้องลดน้อยลงไปเพราะทรงมีพระราชภารกิจมากมายและเพื่อคำนึงถึงความปลอดภัย
บางครั้งการที่ช่วยให้พระองค์ทรงพระเกษมสำราญเพียงเล็กน้อยจากสิ่งที่ทรงโปรดหนานหลวงก็ยินดี เพราะหลังจากนี้ไปองค์ราชาและเจ้านางต้องทรงฝ่าฟันศึกหนักในการปราบปรามเมืองใต้บรรณาการที่คิดทรยศเป็นแน่แท้ หากแม้นปัญหาเหล่านี้หมดสิ้นไป บางทีพระองค์จะได้เสด็จประพาสป่าอย่างสบายพระทัย แต่กว่าวันนั้นจะมาถึงก็คงอีกนานเพราะว่าคนโกงแสนเล่ห์นั้นใช่ว่าจะกำจัดได้ง่ายดาย
อากาศริมทุ่งดอกไม้แสนบริสุทธิ์สร้างความพอพระทัยให้แก่เจ้านางสร้อยสุดาจันทร์ได้เป็นอย่างดี เจ้านางทรงชื่นชมดอกไม้นานาพันธุ์ก่อนที่จะสั่งให้นางกำนัลตัดถวายเพียงช่อสองช่อ แม้ว่าองครักษ์จะทูลถามว่าทรงต้องการได้พันธุ์ไม้นี้ไปปลูกหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่า
“ปล่อยมันไว้ตามที่ของมันเถิด เราอยากได้เพียงเท่านี้”
