ตอนที่ 9
แสงแดดอ่อนๆที่ส่องลงมาจากหน้าต่างบานใหญ่บนหัวเตียงทำให้ลิต้า รู้สึกตัวตื่นเธอค่อยๆลืมตาขึ้นมาพลันในหัวปวดแปลบสาวหน้าหวานร้องออกมาแล้วเอามือกุมหัวไว้ พลันนึกย้อนกลับไปยังเหตุการณ์เมื่อคืน จำได้ว่านัดเพื่อนๆไปเลี้ยงฉลองที่ตนกลับมาจากไปเรียนต่อที่อเมริกา ใช่แล้วเมื่อคืนเราไปเที่ยวคลับของบ้านยัยเมย์ แล้วทำไมปวดหัวอย่างนี้ละ ร่างบางค่อยๆยันตัวขึ้นจากที่นอนด้วยความลำบากสายตาพยายามปรับแสงให้เข้าที่ ก่อนจะมองสำรวจไปรอบๆห้องเมื่อพบว่าเป็นห้อของตนเองก็เบาใจ
“ตื่นแล้วเหรอยัยตัวดี” ลดาเดินเข้ามาพร้อมถาดที่มีข้าวต้ม
ลิต้าค่อยๆหันไปตามเสียงเมื่อเห็นว่าเป็นลดา จึงฉีกยิ้มให้ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อยๆ แกล้มทำหน้าสำนึกผิด “แม่ทำไมพูดแบบนี้ละค่ะ” เป็นอยากที่เธอคิดไว้ไม่มีผิดตื่นขึ้นมาคนแรกที่จะเห็นก็คงไม่พ้นแม่เธอแล้วก็คำต่อว่าเล็กๆน้อยๆตามฉบับของแม่เธอต้องตามมาสมทบแน่
“ก็เมื่อคืนก่อนออกจากบ้าน…บอกแม่ว่าจะรีบกลับแล้วก็จะไม่ดื่มจนเมาไม่ใช่หรอ” เธอวางถาดข้าวตนมื้อเช้าที่ตอนนี้กลายเป็นมื้อกลางวันไปแล้วเพราะคนกินพึ่งตื่นลงบนโต๊ะทำงานข้างเตียง
“แม่ค่ะ…ลิต้าไม่ได้ตั้งใจดื่มนะคะ…แค่เผลอไปหน่อยเลยเป็นอย่างนี้” เธอหัวเราะแห้งๆส่งให้มารดา รู้ดีว่าแก้ตัวยังไงก็คงฟังไม่ขึ้น
“นี่ดีนะ…ที่เพื่อนๆเราดีพากลับมาส่งบ้านไม่อย่างนั้นลูกคงนอนอยู่ข้างถังขยะแล้ว…ว่าแต่ลูกจำเรื่องเมื่อคืนได้รึเปล่า ว่าทำอะไรไว้” พอนึกถึงเหล่าเพื่อนๆของลูกสาวก็นึกถึงคำบอกเล่าเหตุการณ์ระทึกขวัญ(คนอื่น)หรือจะเรียกว่าประสบการณ์เหม็นที่เมื่อคนมีคนได้รับโชคครั้งให้จากลูกสาวเธอขึ้นมาทันที
“จำได้สิคะ…เมื่อคืนนี้หนูเจอเพื่อนที่คลับแล้วเล่นเกมกันนิดหน่อยแล้วก็ดื่มเหล้าจนเมาหลับไป” เธอจำได้ว่าเหมือนจะกังวลจนคว้าแก้วเหล้าเข้าปากไม่เลือกเพื่อหาความกล้า ก่อนจะรู้สึกโลกหมุนและดับไปในเวลาต่อมา
“ไม่ใช่แค่นั้น…รู้ไหมเมื่อวานนี้ตอนหนูเมย์กับหนูกานหิ้วปีกลูกมาส่ง…ตัวลูกเหม็นกลิ่นอ้วกไปหมดหนูเมย์บอกแม่ว่าลูกอ้วกใส่หนูเจนด้วย” เธออดจะถอนหายใจออกมาไม่ได้คิดไม่ออกเลยว่าถ้าคนที่ลูกสาวตนอ้วยใส่เมื่อคืนเป็นคนที่มาเที่ยวคลับคนอื่นๆที่ไม่ใช่เพื่อนๆกันป่านนี้เธอคงต้องไปประกันตัวลูกสาวเป็นแน่ แต่ถ้าเรื่องไม่ถึงตำรวจก็คงจะกลับมาพร้องรอยแผลและก็คงไม่พ้นโดนเพื่อนหิ้วปีกเหมือนเคย
“หายปวดหัวแล้วอย่าลืมโทรไปขอโทษเขาด้วยละรู้ไหม” เธอย้ำลูกสาวอีกครั้ง เพื่อนหาง่ายแต่เพื่อนที่ไว้ใจได้เป็นสิ่งที่หาอยากที่สุดในปัจจุบันเธอไม่อยากในลูกเสียเพื่อนดีๆเพราะเรื่องแบบนี้
“ค่ะแม่… หนูจะรีบโทรไปขอโทษเลยค่ะ” ถึงแม่ไม่บอกเธอก็ต้องโทรไปขอโทษอยู่ดีนั่นแหละแม้จะรู้ดีว่าเพื่อนตนไม่ใช่พวกคิดเล็กคิดน้อยแบบนั่น แต่ตอนนี้ก็คงนั่งรอนอนรอโทรศัพท์จากเธออยู่เหมือนกัน
“ไปอาบน้ำแล้วออกมากินข้าวต้มซะล่ะ” เธอหันกลับไปมองลูกสาวที่นั่งอยู่บนเตียงและเอ่ยสั่งอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องไป
ส่วนลิต้าเมื่อเห็นมารดาหายลับออกจาห้องไปแล้วก็ลุกขึ้นมองหากระเป๋าถือของตนที่คิดว่าจะต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งในห้องนอนของเธอก่อนจะเจอมันอยู่ที่โซฟาปลายเตียง เธอหยิบมันขึ้นมาแล้วเปิดหาโทรศัพท์เครื่องเรียบๆของตนที่ราคามันก็แพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันขึ้นมากดหาเบอร์โทรหาคู่กรณีหรือผู้ถูกเธอกระทำอย่างไม่เติมใจ
เธอไม่ลังเลที่จะกดโทรออกทันทีและเป็นอย่างที่คิดเมื่อปลายสายกดรับแทบจะทันทีเหมือนกำลังรอสายของเธออยู่โดยเฉพาะ คุยกันอยู่นานกว่าคู่กรณีเหตุการณ์หนองเน่าเมื่อคืนจะยอมยกโทษให้โดยมีอาหารมือใหญ่และที่สำคัญต้องไรเครื่องดื่มที่ทำให้เมาเป็นของรับขวัญ
“อ้าวตาราฟทำไมวันนี้ตื่นสายจังละ” กิ่งแก้วถามด้วยความแปลกใจพระปกติชายหนุ่มจะออกไปทำงานเช้าทุกวัน ไม่ว่าจะทำงานดึกหรือมีนัดสังสรรค์กับเพื่อนยันฟ้าสางยังไงก็จะต้องออกจากบ้าน 7 โมงเช้าทุกวัน ราฟาเอลเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมาไม่เคยเสียงานเลยสักครั้งไม่ว่าอะไรก็ไม่เคยทำให้มารดาเป็นทุกข์เลยเขาเป็นคนที่สามารถพึ่งพาและดูแลครอบครัวได้อย่างดีติดอยู่อย่างเดียวคือไม่ค่อยมีเวลาให้กับครอบครัวเท่าไรเป็นเหตุให้นางรู้สึกน้อยใจอยู่บ่อยครั้ง
“พอดีผมนัดประชุมบอร์ดไว้ 10 โมง ครับและก็ไม่มีงานยุ่งผมเลยออกจากบ้านช้าหน่อยได้” เขาตอบมารดาก่อนจะเดินมานั่งโซฟาข้างมารดา เขาพิงแผ่นหลังกว้ากับโซฟาอย่างสบายๆ
