3
“ฉันโยนลงไปแข้งหาหักไม่รู้ด้วยนะ นี่เพิ่งรู้นะว่าพูดได้ นึกว่าเป็นใบ้” คนห่ามพูดกับคนในอ้อมแขน เด็กสาวกำจิกเสื้อของเขา เม้มปากแน่นอย่างขัดใจ เขาพาเธอเดินไปที่รถก่อนจะยัดเข้าไป เธอทำท่าจะหนีแต่เขาล็อกรถเอาไว้อย่างแน่นหนา คุยอะไรกับพ่อแม่เธอสองสามคำก่อนจะขึ้นมานั่งประจำที่คนขับและขับรถออกมาจากแคมป์ของคนงาน
“คุณจะพาหนูไปไหน”
“ไปฆ่าดีไหม” เขาพูดอย่างมันเขี้ยว แยกเขี้ยวใส่เธอ ท่าทางเขาดูหงุดหงิดจนเธอทำตัวไม่ถูกเอาเสียเลย
“หนูรู้ว่าคุณลำบากใจ คุณทิ้งหนูไว้ตรงนี้เถอะค่ะ หนูจะไปทำตามทางของหนู”
“พูดเหมือนตัวเองเป็นนางเอกนิยายหรือไง ขืนทิ้งเธอเอาไว้ตรงนี้ ได้โดนลากไปรุมโทรม แถวนี้มีแต่...” เขายั้งปากเอาไว้ ปลายตามองเด็กสาวที่นั่งตัวเล็กลีบชิดไปกับประตูรถอีกด้าน
ร่างเล็กบอบบางแต่อวบอิ่มไปทั้งเนื้อทั้งตัวเมื่อสัมผัส เขาแตะลิ้นเลียริมฝีปากไปมา คืนนั้นยังจำรสรักของเธอได้ ถึงเขาจะโดนวางยาหรือเมา แต่ความหวานซาบซ่านของเธอยังติดลิ้นเขาไม่จืดจาง
สุรเชษฐ์สบถลั่นในใจ พับผ่าสิวะ!
นีรนุชรู้สึกอับอายต่อการกระทำของบิดามารดาเป็นอันมาก คิดว่าสุรเชษฐ์จะดูถูกเธอขนาดไหนกันนะ สีหน้าท่าทางรำคาญของเขาทำให้เธอแทบหายใจไม่ออก
เขาพาเธอมาที่บ้านหลังหนึ่ง เคยได้ยินคนงานก่อสร้างในแคมป์คุยกันว่าสุรเชษฐ์รวยมาก เขามีบ้านหลายจังหวัด รับเหมาก่อสร้างไปเรื่อย เขาวาดแปลนบ้านสวยและชอบใช้ชีวิตโลดโผนเลยยังไม่มีเมีย
“ลงมาสิ จะนั่งให้งอกรากอยู่ในนั้นหรือไง” เขาเปิดประตูน้ำเสียงหงุดหงิด เธอรีบตะกายลงจากรถ
“อุ๊ย!” เพราะรีบเลยสะดุดขาตัวเอง ดีที่เขารับร่างเธอเอาไว้
“ระวังหน่อยสิ” น้ำเสียงของเขาดุเข้ม สีหน้ารำคาญเธอไม่เลิก
เธอก็เข้าใจหรอกว่าเขาไม่อยากรับเธอมาเป็นภาระ
วันก่อนยังได้ยินเขาพูดกับบิดามารดาของเธอว่า ถ้าเขานอนกับผู้หญิงทุกคนแล้วต้องรับมาเป็นเมีย เขาคงมีเมียเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด เขาก็พูดจริงของเขา เธอพยายามเจียมเนื้อเจียมตัวให้มากที่สุด
เขาพาเธอเข้าบ้าน กระเป๋าเสื้อผ้าอะไรไม่มีสักอย่าง เขาจับเธอยัดใส่รถมาเลย
สุรเชษฐ์มองเธอด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ เขาเสยผมไปมา กวาดสายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
“อุ๊ย!” เขากระชากมือเธอให้เดินตามไปขึ้นรถอีกครั้ง
“จะพาหนูไปไหนคะ”
“ไปฆ่ามั้ง” เขาตอบเธอด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ก่อนจะกระชากรถออกจากบ้าน เธอได้แต่เม้มปาก มองคนที่ทำท่ารังเกียจเธอตาละห้อย
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเธอก็รู้ว่าเขาพาเธอมาซื้อเสื้อผ้า
“เลือกเอาสิ ไม่มีเสื้อผ้าใส่ไม่ใช่เหรอ”
เขาบอกอย่างขอไปทีขณะพาเธอมาเลือกซื้อเสื้อผ้า เธอยืนตาปริบๆ ไม่กล้าเลือกเพราะไม่มีเงินติดตัวสักบาทเดียว
“ทำไมไม่เลือกล่ะ ฉันไม่มีเวลารอเธอยืนเอ๋อ... อยู่ทั้งวันหรอกนะ”
“คะ... คือว่าหนู” เธออึกอักอ้ำอึ้ง
“อะไร” เขาทำเสียงรำคาญ ในขณะที่เธอจิกกระโปรงไปมา
“คือว่าหนูไม่มีเงินค่ะ” เธอบอกเขาเสียงเบาหวิว ก้มหน้างุดด้วยความอาย
สุรเชษฐ์ชะงัก เขากะพริบตาปริบๆ ยัยเด็กซื่อบื้อนี่แกล้งไม่รู้ หรือไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจะซื้อให้
เธอเอาแต่ก้มหน้ามองเท้าของตัวเอง มือขยุ้มกระโปรงยาวกรอบเท้าเก่าๆ ที่สวมอยู่ไม่วาง
“ฉันซื้อให้” เขาบอกในที่สุด เธอเงยหน้ามองเขาเหมือนประหลาดใจ
“รีบเลือกเข้าสิ ฉันต้องไปทำธุระอย่างอื่นอีก”
“ขอบคุณค่ะ” เมื่อรู้แน่ว่ายังไงก็ต้องมาอยู่กับเขาแล้วจริงๆ เธอจึงเลือกเสื้อผ้าไม่กี่ชุดและคิดว่าค่อยซักวนเวียนกันก็ได้
“อะไรของเธอ” เขามองหน้าแล้วหงุดหงิดเข้าไปอีก
เธอได้แต่กะพริบตาปริบๆ คิดไปว่าเขาคงหงุดหงิดที่เธอเลือกเสื้อผ้าหลายชุดหรือเปล่า เธอรีบดึงเสื้อผ้ากลับไปคืน จนพนักงานมองหน้า
“ทำเหมือนฉันไม่มีเงินจ่าย ยัยเด็กนี่ยังไง บ้าฉิบ!”
เขาดุเสียงเข้ม ก่อนจะจัดการเลือกเสื้อผ้าเสียเอง ไม่นานก็ได้เสื้อผ้าถึง 20 ชุด
“ชุดชั้นในไม่ซื้อหรือไง” คนห่ามๆ เอ่ยถาม คนถูกถามถึงกับหน้าแดงก่ำ ลามไปถึงใบหู เขาไม่คิดจะออมเสียงบ้างเลยหรือไงนะ
