บทที่ 2 ยอมไปพบครอบครัวเชษฐา
เสียงเคาะประตูห้องของวเรณย์ดังขึ้นเป็นจังหวะ ก่อนชายหนุ่มจะลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินมาเปิดประตู พบกับ รดาวรรณยืนกอดอกมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ
“คุณแม่มีอะไรเหรอครับ” หญิงกลางคนไม่พูดพร่ำ เบี่ยงตัวเดินเข้าไปในห้องลูกชาย เลื่อนสายตามองดูกรอบรูป ที่มีภาพคู่ของเขาและรลิตาติดอยู่ตามมุมห้องมากมาย หญิงกลางคนถอนหายใจ เพราะรู้ว่าทั้งคู่คบหากันมาตั้งแต่มัธยมปลาย ความรักที่วเรณย์มีให้รลิตา ยากที่จะแยกทั้งสองออกจากกันได้
“แม่รู้นะว่ามันทำใจยาก แต่เรณย์ต้องบอกเรื่องนี้ให้รลิตาเข้าใจ” ชายหนุ่มแน่นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น
“แม่ครับ จริง ๆ แล้วทรัพย์สินที่คุณย่ายกให้ครอบครัวเรามันมากมายอยู่แล้ว บริษัทที่เป็นของกองกลางผมไม่อยากได้”
“พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า บริษัทเป็นของกองกลางอยู่ก็จริง แต่มันก็มีมูลค่าหลายพันล้านบาท แกจะทิ้งมันไปง่าย ๆ งั้นเหรอ ลืมไปแล้วหรือไงว่าพ่อเขาลงทุน ลงแรงไปตั้งเท่าไหร่ กว่าบริษัทจะเติบโตมาได้ขนาดนี้ ไม่งั้นคุณย่าคงไม่คิดยกทรัพย์สินส่วนนี้ให้แกเพียงคนเดียวหรอก ทรัพย์สินขนาดนี้แกคิดว่ามันหามาง่าย ๆ เหรอ กับแค่ผู้หญิงคนเดียวเลิกไม่ได้หรือไง” วเรณย์เดินไปเบี่ยงตัวลงนั่งยังเตียงนอนอย่างใช้ความคิด
“แต่ผมรักรลิตา ผมแต่งงานกับคนอื่นไม่ได้”
“ไม่ได้ก็ต้องได้ วันนี้คุณย่ายื่นคำขาดกับแม่มาแล้ว ว่าถ้าให้แกแต่งงานกับหนูไรยาไม่ได้ คุณย่าก็จะยกหนูไรยาให้กับนวพลพร้อมกับบริษัททั้งหมด ถ้าแกคิดว่ามันยุติธรรมสำหรับฉันล่ะก็ เราก็ขาดกันไป”
“แม่ครับ” วเรณย์หลับตาลงแล้วเรียกสติมารดา ก่อนหญิงกลางคนจะเดินเข้าไปกระชากกรอบรูปของรลิตาออกจากผนัง
“คุณแม่หยุดเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มพยายามห้ามมารดาก่อนเธอจะสะบัดตัวเขาออก
“ฉันไม่หยุด แล้วก็อย่าหวัง ว่าฉันจะยอมรับรลิตามาเป็นสะใภ้บ้านนี้ ฉันไม่ยอมให้ครอบครัวของโสรยาได้สิ่งที่พ่อแกลงทุนทำมาทั้งชีวิตไปอย่างง่าย ๆ หรอก ตัวแกเองก็เหมือนกัน ควรสำนึกว่าบริษัทนี้พ่อแกรักมากแค่ไหน ก่อนตายพ่อแกฝากฝังว่ายังไง ลืมไปแล้วเหรอ” วเรณย์ชะงัก ยังคงจำคำฝากฝังของบิดาไว้อย่างแม่นยำ
“AU คือบริษัทที่พ่อรักมาก เมื่อไม่มีพ่อแล้ว ช่วยคุณย่าดูแลบริษัทนี้แทนพ่อด้วย สัญญาได้ไหมว่าจะดูแลให้ดีที่สุด ให้เหมือนตอนพ่อมีลมหายใจอยู่” วเรณย์น้ำตาไหลพรากแล้วพยักหน้ารับปากด้วยความเต็มใจ ภาพในวันวานไหลย้อนกลับมาให้เขาค่อย ๆ ก้าวถอยหลังกลับไปนั่ง แล้วมองมารดาที่พยายามดึงเอารูปคู่ของเขาและรลิตาออกจากผนัง ก่อนมือหนาจะกำแน่นด้วยความคับแค้นใจอย่างถึงที่สุด
“ถ้างั้นพรุ่งนี้คุณแม่นัดครอบครัวของเชษฐามาได้เลย ผมจะไปพบพวกเขา” หญิงกลางคนชะงัก พลันหันมายังลูกชาย
“หมายความว่าลูกยอมแล้วงั้นเหรอ”
“คุณแม่จัดการตามนี้แล้วกัน ผมง่วงละ ขอนอนก่อน” เขาเอนตัวลงนอนพลันหันหลังให้มารดาอย่างใช้ความคิด
“อย่างนั้นก็ได้ แม่จะรีบนัดคุณเชษฐาให้เจอกันที่ร้านอาหารร้านตอนเที่ยง” รดาวรรณปล่อยยิ้มกว้างออกมาอย่างโล่งใจ ก่อนจะหันไปปิดไฟแล้วเดินออกจากห้องของวเรณย์ในที่สุด
ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่ง ครอบครัวของเชษฐามานั่งรออยู่ก่อนแล้ว พร้อมสายตาสั่นไหวของไรยาฉายแววสัดส่ายไปมาด้วยความตื่นเต้น นานหลายปีแล้วที่เธอไม่เคยพบเขา วันนี้เป็นวันแรกที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนเสียงของรดาวรรณจะเอ่ยทักขึ้น ทำให้เชษฐาหันไปแล้วรีบลุกขึ้นยกมือไหว้ด้วยท่าทางอ่อนน้อม
“สวัสดีค่ะ ขอโทษที่ต้องให้รอนะคะ พอดีรถติดมาก ๆ” หญิงกลางคนพูดคุยอย่างเป็นกันเองไม่ถือตัว ผิดกับครอบครัวของโสรยาที่ยังยึดติดว่าอดีตของเชษฐาคือคนขับรถเก่าของสามี
ไรยายกมือไหว้หญิงกลางคน แล้วหันไปยกมือไหว้ชายหนุ่ม ที่เดินหน้าบึ้งเข้ามาอย่างไม่เต็มใจนัก หญิงสาวนั่งมองเขาอย่างเงียบ ๆ ทว่าความรู้สึกเก่าก่อนไหลย้อนมาให้เธอตัดสินใจเอ่ยถามด้วยความโหยหา
“ไม่เจอกันนานเลยนะคะ คุณเรณย์สบายดีไหม” รดาวรรณแอบเอื้อมไปสะกิดลูกชาย เขาจึงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ก็ดี" เชษฐาเห็นดังนั้น เลยหันไปสั่งอาหาร ก่อนทั้งหมดจะนั่งทานข้าวและเจรจาถามสารทุกข์สุกดิบ รดาวรรณพูดคุยกับเชษฐาพร้อมรอยยิ้มอ่อนอยู่นานสองนาน ก่อนเธอจะส่งสัญญาณบางอย่างให้ชายกลางคน
“มีร้านนวดอยู่ข้าง ๆ เราไปร้านนวดกันดีไหมคะ ปล่อยให้เด็ก ๆ เขาทำความรู้จักกันจะดีกว่า”
“แบบนั้นก็ดีครับ” เชษฐาตอบรับรดาวรรณ พร้อมหญิงกลางคนจะกระซิบกับลูกชายด้วยน้ำเสียงตั้งมั่น
“อย่าทำเสียงานล่ะ” หลังจากทั้งหมดออกไป ภายในห้องอาหาร เหลือเพียงเขาและหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มอยู่สองคน ชายหนุ่มเอื้อมมาตักอาหารเข้าปากโดยไม่พูดอะไร ยังคงเย็นชาไร้ความรู้สึก เว้นระยะจากทุกคนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“ไม่เจอกันนาน คุณเรณย์ยังเหมือนเดิมเลยนะคะ” หญิงสาวเป็นฝ่ายชวนคุย ก่อนชายหนุ่มจะหยุดกิน แล้วตั้งมั่นจับจ้องมองเธออย่างมีความหมาย
“ยกเลิกงานแต่งซะ” คำพูดหนักแน่นของเขาทำให้ไรยาหุบยิ้ม หน้าชาขึ้นมา ก่อนเธอจะปั้นหน้านิ่งแล้วพูดขึ้น
