บทที่ 10 ขอแยกห้องนอน
“ต่อให้มีลูกกับคุณจริง ๆ หนูก็จะไม่ให้ใครรู้หรอก คุณไม่ต้องห่วงว่าหนูจะเป็นภาระ” วเรณย์ขมวดคิ้วแล้วหันมองมายังรอยยิ้มไร้ความสะท้านของเธอ ก่อนเขาจะส่ายศีรษะให้กับกิริยาบ้า ๆ นั่น
“หนูขอถามอะไรหน่อยสิ”
“ถ้าผมอยากตอบก็จะตอบ” เขาตอบห้วน ๆ อันที่จริงเขาไม่อยากเสวนากับเธอเท่าไหร่ แต่วันนี้ความดีที่เธอดูแลคุณย่าทองฤดีทำให้เขาเริ่มใจอ่อนลงบ้าง
“ถ้าหากคุณรลิตามีคนอื่นระหว่างที่คบกับคุณ คุณจะทำยังไง” หญิงสาวหยั่งเชิง ก่อนชายหนุ่มจะนิ่งเงียบ แล้วพูดขึ้น
“ผมกับรลิตาคบกันมาเป็นสิบปี เธอไม่มีวันทำอย่างนั้น คุณกับเธอต่างกัน จำคำผมไว้นะ ว่าชาตินี้ทั้งชาติผมไม่มีวันรักใครนอกจากรลิตา สถานะของคุณก็แค่รอวันหย่าเท่านั้น อย่าคิดอะไรเกินเลยกว่านี้” ไรยาเก็บความเจ็บปวดไว้ในใจ แล้วปั้นหน้ายิ้มพูดขึ้น
“ไม่แน่นะคะ สักวันคุณอาจเปลี่ยนใจมารักหนูก็ได้ ตอนเด็ก ๆ คุณคอยช่วยหนูจากนวพลอยู่ตั้งหลายครั้ง เราอาจมีวาสนาต่อกันจริง ๆ ก็ได้” หญิงสาวตั้งใจพูดยั่ว ก่อนชายหนุ่มจะรู้สึกโกรธพลันเหยียบเบรกแล้วหันมายังไรยาด้วยสายตาตั้งมั่น
“ผมไม่เคยดูถูกคนก็จริง แต่ถ้าจำเป็นก็ไม่แน่ ผู้หญิงอย่างคุณไม่มีอะไรเทียบกับรลิตาเลยสักนิด” ไรยายิ้มรับราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นเคย ก่อนชายหนุ่มจะพูดทิ้งท้ายอีกครั้ง
“นับจากคืนนี้ไป ผมจะไปนอนห้องอื่น คุณก็นอนห้องเดิมไปแล้วกัน” คำพูดของเขาแน่ชัดว่าต้องการอยู่ห่างจากเธอเป็นดีที่สุด ก่อนหญิงสาวจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ถ้าถึงบ้านแล้ว หนูจะทำกับข้าวไว้ในครัว หากแยกห้องนอนไปแล้ว คุณหิวกลางดึกก็ลงมาอุ่นทานได้ตลอดเวลานะคะ” เธอพูดพร้อมรอยยิ้มเช่นเดิม
เมื่อถึงเรือนหอแล้ว หญิงสาวเข้าไปทำกับข้าวในครัว ขณะที่วเรณย์กลับขึ้นไปบนห้องแล้วจัดการแยกย้ายข้าวของออกไปนอนห้องอื่น น้ำตาของไรยาไหลลงอาบแก้ม รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวเชื้อโรคที่เขาไม่อยากอยู่ใกล้ ก่อนปาดน้ำตาออกมาแล้วพยายามสงบความรู้สึกตัวเอง มือที่หั่นผักและจับฉวยสิ่งของในครัวพยายามทำอย่างสุดความสามารถ เพื่อให้เขาทานอาหารให้อร่อย จะได้ทานมากขึ้น ด้วยรู้ว่าหลังจากรลิตาหายไปเขาก็ซูบผอมจนสังเกตได้
วเรณย์ทิ้งตัวลงยังเตียงนอน พร้อมหยิบมือถือเครื่องใหม่ขึ้นมาพลันกดโทรหาแฟนสาวด้วยความคิดถึง นานแล้วที่เขาไม่ได้กลิ่นกายของเธอ และนั่นทำให้เขาโหยหาเธอเป็นที่สุด ก่อนวเรณย์จะส่งไลน์ไปหาเธอเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเบี่ยงตัวไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนในที่สุด
“คุณอยู่ที่ไหน รู้ไหมว่าคิดถึง” รลิตาเปิดอ่านพลางปล่อยยิ้มอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า หญิงสาวที่นั่งดื่มเหล้าอยู่กับกลุ่มเพื่อนยกยิ้มมุมปากแล้วพูดกับตัวเองเบา ๆ
“คิดถึงฉันจนคลั่งไปเลยแล้วกันนะที่รัก” พูดจบ เธอก็วางมือลงแล้วหันไปนัวเนียกับชายอื่นเพื่อกลบเกลื่อนความว้าเหว่ภายในใจ
ท่ามกลางเรือนหอขนาดใหญ่ที่ทองฤดีจัดการให้นั้น แม้วเรณย์จะไม่เต็มใจอยู่กับเธอนัก ทว่าเขาก็กลับบ้านตรงเวลาเกือบทุกวัน สายลมอ่อนพัดโชยมาปะทะกายพร้อมสายตาเลื่อนมองไปยังวิวแม่น้ำกว้างด้านหน้าอย่างเงียบ ๆ เธอยืนทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามลำพัง ท่ามกลางสายตาของวเรณย์ที่ยืนมองเธอบนหน้าต่างกระจกชั้นสองของบ้าน พลางหวนระลึกถึงภาพที่เธอนั่งปอกผลไม้และพูดคุยกับคุณย่าทองฤดี ราวกับคุ้นเคยกันมานานแสนนาน ต่างกับรลิตาที่ไม่อยากเข้าหาคุณย่าของเขาเท่าไหร่นัก
“ผมอยากพาคุณไปเยี่ยมคุณย่า วันนี้เราไปเยี่ยมคุณย่ากันดีไหม” ชายหนุ่มเอ่ยชวน ขณะที่รลิตาส่ายศีรษะแล้วพูดขึ้น
“ฉันไป ก็ไม่ได้ทำให้คุณย่าของคุณซาบซึ้งหรอกค่ะ ไปให้คุณย่าค่อนแคะเอาเปล่า ๆ”
“ผู้ใหญ่น่ะ ถ้าเข้าหาบ่อย ๆ เดี๋ยวท่านก็ใจอ่อนเอง”
“ฉันไม่อยากไปค่ะ เราเลิกพูดถึงกันเรื่องนี้ดีกว่านะคะ ไปหาอะไรทำสนุก ๆ กันดีกว่า” ภาพในอดีตของแฟนสาวเลื่อนขึ้นมาให้เขาขบคิด พลางจับจ้องมองไปยังไรยา หญิงสาวตัวเล็กผิวขาวละเอียดที่ยืนเหม่อมองไปยังแม่น้ำกว้างด้านหน้า
วเรณย์ตัดสินใจละจากภาพนั้น แล้วเบี่ยงกายลงมาหาอะไรทาน เพราะท้องของเขาเริ่มทวงถามหาอาหาร เมื่อเปิดสำรับที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารดู พบว่าไรยาทำอาหารไว้ให้เขามากมายหลายอย่าง อดไม่ได้ที่เขาจะตักกิน เมื่อคำแรกเข้าปากชายหนุ่มจึงย่อตัวลงนั่ง แล้วตักอาหารฝีมือไรยากินจนลืมไปว่ารังเกียจเธอมากเพียงใด
ไรยาหยิบเอากิ๊บแมลงปอสีชมพูขึ้นมา หากสมองกับหัวใจทำงานร่วมกันก็คงดี เธอรู้ทั้งรู้ว่าวเรณย์มองเธอเหมือนตัวน่าขยะแขยง แต่หัวใจกลับเรียกร้องให้ทนอยู่ต่อ เพื่อเขาจะได้สืบทอดทรัพย์สินที่เหลืออย่างถูกต้อง เธอไม่อยากเห็นบริษัทตกไปเป็นของครอบครัวโสรยา ผู้ที่ดูถูกเธอมาทั้งชีวิตว่าเป็นเพียงลูกสาวคนขับรถ ก่อนภาพของคุณหญิงทองฤดีจะหวนกลับมาให้เธอได้ขบคิดทบทวนอีกครั้ง
