1 คุณหมอหน้านิ่งกับเลขาฯ คนใหม่
1
คุณหมอหน้านิ่งกับเลขาฯ คนใหม่
ตรีชวาทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อผู้มีพระคุณต่อครอบครัวขอให้ช่วยไปเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของว่าที่ผู้อำนวยการคนใหม่ ดาเนียลต้องการเลขาฯ ส่วนตัวที่ทำงานละเอียดและไว้ใจได้ ตั้งแต่เข้ามาทำงานสองเดือนเขาเปลี่ยนเลขาฯ มาแล้วสามคน คนสุดท้ายเพิ่งลาออกไปเมื่อสามวันที่แล้ว โดยให้เหตุผลว่าเจ้านายคนนี้จู้จี้และละเอียดมากเกินไป
“ตรีช่วยหน่อยได้ไหม ฉันไม่รู้จะหาใครแล้ว” แอเรียลเอ่ยด้วยน้ำเสียงขอร้อง
ตรีชวานิ่งไปเล็กน้อยคล้ายกำลังตัดสินใจ ตั้งแต่ดาเนียลกลับมาเธอกับเขาเจอหน้ากันนับครั้งได้ ถึงจะทำงานที่เดียวกันแต่ด้วยหน้าที่แล้วจึงแทบไม่ได้เจอกันเลย อีกทั้งชายหนุ่มไม่ค่อยกลับบ้าน ส่วนใหญ่มักจะนอนที่โรงพยาบาลมากกว่า
“แล้วงานที่ตรีทำอยู่ล่ะคะ” ตรีชวาถามกลับ
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ฉันจัดการได้ ตรีมาช่วยเรื่องนี้เถอะ” แอเรียลขอร้องอีกครั้ง
“ได้ค่ะ” ตรีชวาจำใจตกลงทั้งที่ความจริงแล้วอยากจะปฏิเสธ แต่เพราะเกรงใจและไม่อยากให้ผู้มีพระคุณต้องเป็นกังวลอีก
“ขอบใจมากนะจ๊ะ ถ้าอย่างนั้นเริ่มงานพรุ่งนี้เลยนะ ส่วนงานเก่า เดี๋ยวฉันให้ดาเนียลจัดการหาคนไปแทนให้เร็วที่สุด”
เสียงเคาะประตูทำให้คนที่กำลังนั่งอ่านเอกสารละสายตาจากตัวหนังสือนั้น สายตาคมมองไปที่ประตูและอนุญาตให้เข้ามาได้ ดาเนียลมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาให้ห้องทำงานด้วยสีหน้าเรียบเฉย พอใจที่เห็นเธอแต่งตัวเรียบร้อยและรู้จักกาลเทศะ
ตรีชวาสังเกตเห็นว่าในมือของดาเนียลถือปากกาอยู่ และเขียนอะไรลงไปในกระดาษที่อยู่ตรงหน้า เธอไม่ได้ถามว่าคืออะไรเพราะเข้าใจว่าคงเป็นงานที่เขากำลังทำอยู่
“การแต่งหน้าแต่งตัวของเธอผ่าน” ดาเนียลเอ่ยคำแรก
“คุณดูการแต่งตัวด้วยหรือคะ” ตรีชวาถามด้วยความแปลกใจ เดาได้ว่ากระดาษแผ่นนั้นกับข้อความที่เขาเขียนเมื่อครู่คงเป็นการประเมินอะไรสักอย่างแน่ๆ
“มันเป็นเรื่องพื้นฐานที่ต้องดู”
“ค่ะ” เชิญตามสบายค่ะ ตรีชวาต่อให้ในใจ มิน่าเล่าใครๆ ถึงอยู่กับเขาไม่ได้ เพราะพฤติกรรมแปลกๆ แบบนี้นี่เอง
“คุณพ่อบอกว่าเธอเรียนหนังสือเก่ง ฉันถามจากหัวหน้างานของเธอ เขาก็บอกว่าทำงานได้ดีกว่าคนอื่น ดังนั้นฉันหวังว่าเธอจะดีจริงอย่างที่ทุกคนพูดนะ” สายตาของเขาจ้องมองมาที่ตรีชวา แม้ใบหน้าจะเรียบเฉยไม่แสดงท่าทีใดๆ ให้เห็น แต่คนฟังก็เริ่มรู้สึกหมั่นไส้และอยากรู้เหลือเกินว่า มาตรฐานคำว่า ‘ดี’ ของพ่อเจ้าประคุณอยู่ตรงไหน
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำสั้นๆ ไม่พูดอะไรต่อ
“นั่งลงก่อนสิ” เขาชี้ไปที่เก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม “เธอรู้หน้าที่ของเลขาฯ ที่ดีใช่ไหม”
“พอทราบค่ะ”
“เธอมีหน้าที่ติดต่อประสานงานให้ฉัน และดูแลในทุกๆ เรื่อง หวังว่าเธอจะทำมันได้ดีนะ”
“ค่ะ”
“โต๊ะทำงานของเธออยู่ที่หน้าห้อง ฉันให้คนจัดโต๊ะทำงานให้บางส่วนแล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่คนนั่งไปจัดการเอง เอาละ ทีนี้เป็นเรื่องของฉันที่เธอต้องรู้”
“ค่ะ” ตรีชวาหยิบสมุดและปากกาพร้อมทั้งเครื่องอัดเสียงขึ้นมาเตรียมความพร้อม
ดาเนียลมองเลขาฯ คนใหม่ด้วยความพอใจ
“ฉันไม่ดื่มกาแฟดื่มแต่ชาร้อนและโกโก้ ชาร้อนถ้าไม่ใส่นมจะต้องฝานมะนาวบางๆ ใส่มาด้วย ถ้าฉันจะให้ใส่นมก็ต้องใช้นมอย่างดีที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ใช้ครีมเทียม ชาจะต้องเป็นชาเอิร์ลเกรย์เท่านั้น ฉันไม่ดื่มชาแบบอื่น โกโก้ต้องเป็นโกโก้ยี่ห้อแวนฮูเตนจากเบลเยียม นอกนั้นฉันไม่เอา ฉันชอบขมและหวานไม่มากนัก ห้ามใส่น้ำตาลในโกโก้ แต่ให้ใส่นมข้นหวานแทน และต้องเป็นของแท้เท่านั้น”
“ค่ะ”
“เธอมีหน้าที่รายงานฉันทุกเรื่อง ดูแลตารางงาน ติดต่อประสานงานกับแผนกต่างๆ จะไม่มีวันหรือเวลาที่แน่นอนในการทำงาน ดังนั้นต้องเปิดมือถือตลอดเวลา เธอต้องทำได้ทุกอย่างตั้งแต่เป็นแม่บ้านยันสายสืบ”
“ค่ะ” ตรีชวารับคำ
“ฉันเป็นคนตรงต่อเวลา เธอต้องมาถึงที่ทำงานก่อนเจ็ดโมงครึ่งจะกลับบ้านได้คือหกโมงเย็นเป็นต้นไป แต่ถ้าฉันมีผ่าตัดเธอก็ต้องอยู่ด้วย สรุปก็คือจะกลับบ้านได้ก็ต่อเมื่องานของฉันจบลงเท่านั้น”
“อะไรนะคะ! ไม่มีเวลาเลิกงานแน่นอนหรือคะ แบบนี้เท่ากับว่าทำงานมากไปหรือเปล่า” ตรีชวาได้ข่าวมาว่าเขาทำงานหามรุ่งหามค่ำ ชนิดที่เรียกว่าไม่หลับไม่นอนกันเลยทีเดียว แล้วแบบนี้จะเอาเวลาที่ไหนพักผ่อน
“ไม่มากเกินไปหรอก เธอเป็นเลขาฯ ส่วนตัวนะอย่าลืมสิ หรือว่าแค่นี้ทำไม่ได้” สายตาของดาเนียลท้าทายตรีชวาเหลือเกิน
“ดิฉันทำได้แน่นอนค่ะ” หญิงสาวยืนยันเสียงดัง
“ถ้ากลัวกลับดึกแล้วจะตื่นมาทำงานไม่ทัน ก็ไปจัดการเรื่องที่พักในโรงพยาบาลซะ”
“ค่ะ”
“เอาละ มาเริ่มงานกันเลย สิ่งแรกที่เธอต้องทำคือศึกษาตารางงานของฉัน จากสมุดจดตารางงานที่ฉันทำขึ้นมาเองเล่มนี้ให้ละเอียด แต่ก่อนจะอ่านมันช่วยชงชามาให้หน่อย แล้วอย่าลืมที่ฉันบอกไปเมื่อกี้ว่าอะไรไม่ใส่ อะไรใส่ได้”
“ค่ะ” ตรีชวารับคำแล้วรีบไปจัดการทันที แค่เริ่มต้นเขายังทำให้อึดอัดได้ขนาดนี้ จะอยู่ได้นานหรือไม่ก็ยังไม่รู้ ผู้ชายอะไรเรื่องมากจริง ละเอียดจนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นผู้ชาย เฮ้อ!
ตรีชวาเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับชา หญิงสาววางมันลงบนโต๊ะทำงานของเขาอย่างระมัดระวัง คุณหมอหนุ่มมองถ้วยชาเล็กน้อยแล้วพยักหน้าด้วยความพอใจ
“ฝานมะนาวได้บางดี ไม่เสียแรงที่เป็นลูกน้าขวัญ แต่ชาสีอ่อนไปหน่อยนะ ใช้เวลากี่นาทีในการแช่”
“สองนาทีค่ะ”
“เพิ่มเป็นสี่ถึงห้านาที ฉันชอบสีเข้มกว่านี้”
“ค่ะ”
“มื้อกลางวัน ถ้าฉันไม่มีนัดกับใคร เธอต้องมากินข้าวกับฉัน”
“แต่” ตรีชวาอ้าปากจะแย้ง แต่ดาเนียลพูดต่อว่า
“ถือเป็นหน้าที่ในฐานะเลขาฯ ส่วนตัว แต่ถ้าเธออยากออกไปกินข้าวกับเพื่อนบ้างก็บอกฉันได้ เพียงแต่ขอเตือนไว้อย่างว่า ฉันไม่ชอบคนประเภทเอาเรื่องส่วนตัวมาคุยเวลางาน และอีกอย่างนะ ถ้าเธออยากจะคุยกับแฟน ฉันก็ไม่ว่า แต่ไม่ควรเป็นเวลางาน เข้าใจนะ”
“ดิฉันยังไม่มีคนรักค่ะ ดังนั้นเรื่องนี้คุณหมอไม่ต้องเป็นห่วง”
“ก็ดี” ดาเนียลพยักหน้าและซ่อนความพอใจไว้
“คุณหมอมีเรื่องจะสั่งเท่านี้ใช่ไหมคะ”
“เท่าที่นึกออกตอนนี้มีแค่นี้ อย่าลืมไปศึกษาตารางงานของฉันให้ดี อ้อ เกือบลืมบอกไป ทุกเช้าต้องมารายงานด้วยว่าในแต่ละวันฉันต้องทำอะไรบ้าง”
“ค่ะ”
“ไปได้แล้ว” เขาเอ่ยปากไล่พร้อมขยับแว่นให้เข้าที่
ตรีชวาชำเลืองมองเขาเล็กน้อย นึกอยากจะกรี๊ดใส่หน้าผู้ชายคนนี้ดังๆ สักทีแต่ก็ไม่กล้า ทำได้แค่เพียงเดินออกมาจากห้องแล้วย่นจมูกใส่ประตูเท่านั้น
เลขาฯ คนใหม่นั่งตรวจสอบและจดบันทึกตารางงานที่คนเก่าทำไว้อีกครั้ง ดาเนียลมีงานล้นมือจริงๆ นอกจากจะเป็นแพทย์ในโรงพยาบาล และเป็นผู้บริหารในฐานะผู้อำนวยการด้วยแล้ว เขายังเป็นอาจารย์พิเศษให้กับมหาวิทยาลัยถึงสามแห่งด้วยกัน ตารางงานจึงแน่นทุกวัน จะมีได้พักบ้างก็แค่เพียงวันอาทิตย์ช่วงบ่ายและวันจันทร์
ตรีชวานั่งทำงานต่อไปอย่างเงียบๆ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เจ้านายของเธอโทรศัพท์มาสั่งให้ออกไปรับประทานอาหารกับเขาเมื่อวางสายเขาก็เดินออกมาจากห้องทำงานแล้วมาหยุดตรงหน้าโต๊ะของเธอในเวลาอันรวดเร็ว
“ฉันคิดว่า เธอจะรอฉัน” คุณหมอหนุ่มพูดเมื่อเห็นว่าตรีชวายังไม่พร้อม
“ดิฉันไม่คิดว่าคุณหมอจะออกมาจากห้องเร็วค่ะ”
“ไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่ดีเลย แต่เอาเถอะ ถือว่านี่เป็นครั้งแรก แต่ต่อไปเธอต้องรู้ว่าฉันเป็นคนที่ทำอะไรเร็ว ไม่ชอบความชักช้า”
“ค่ะ” ตรีชวารับคำสั้นๆ พร้อมที่จะไปแล้ว
“ไป” ดาเนียลก้าวเดินนำ ในขณะที่ตรีชวาถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินตามไปอย่างเงียบๆ
จะรอดไหมเนี่ย!
การรับประทานอาหารกลางวันทำให้ตรีชวารู้สึกอึดอัดมาก แม้ว่าร้านอาหารที่นั่งอยู่จะหรูหราสักแค่ไหน อาหารที่อยู่บนโต๊ะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพราคาแพงและรสชาติอร่อยแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อต้องมานั่งกินต่อหน้าแฟรงเกนสไตน์อย่างเขา มันก็ทำให้ทุกอย่างดูกร่อยไปจริงๆ
“ทำไมกินน้อยจัง ไม่อร่อยหรือไง” ดาเนียลถามเมื่อเห็นตรีชวากินไปเพียงเล็กน้อย
“อร่อยค่ะ”
“อร่อยแล้วทำไมไม่กินเยอะๆ หรือว่าเกร็งที่จะต้องมานั่งกับฉัน” เขามองออกว่าตรีชวาดูอึดอัดและไม่กล้าทำอะไรในแบบที่เป็นตัวเอง
“ก็ เอ่อ ใช่ค่ะ” เธอยอมรับตรงๆ ว่ารู้สึกเช่นนั้น
“ฉันไม่ใช่ยักษ์ ไม่ต้องเกร็ง ฉันไม่กินเธอแน่”
“ค่ะ” ตรีชวารับคำเสียงเบาแล้วเริ่มลงมือกินอาหารอีกครั้ง
“อาทิตย์หน้าเดฟจะกลับมาบ้าน” จู่ๆ ดาเนียลก็เปลี่ยนเรื่องพูด
“จริงเหรอคะ” สีหน้าและน้ำเสียงของตรีชวาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ใช่”
“ดีจัง” เธอยิ้มออกและเริ่มรู้สึกว่าอาหารตรงหน้าอร่อยขึ้นมาก
“เธอไม่ควรเรียกเดฟว่าพี่ เพราะเธอกับเดฟไม่ใช่พี่น้องกัน มันไม่เหมาะ”
“แต่พี่เดฟให้ดิฉันเรียกแบบนี้ค่ะ”
“เดฟเป็นคนไม่ถือตัว แต่เธอต้องรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร เรื่องแค่นี้ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องให้ฉันพูดเลย”
“ดิฉันเรียกว่าพี่เดฟมาตั้งแต่เด็กค่ะ ถ้าจะให้เปลี่ยนก็คงไม่ชินสักเท่าไร” ตรีชวาเม้มปากแน่น ผู้ชายคนนี้กำลังบอกในทางอ้อมใช่ไหมว่า เธอกับเขาคนละระดับกัน และเธอไม่ควรตีตัวเสมอน้องชายของเขา
“ฟังดูไม่มีเหตุผล แต่เอาเถอะ จะพยายามเข้าใจ ถ้าจะให้ดีก็ฝึกพูดไว้ตั้งแต่ตอนนี้ พอเดฟกลับมาจะได้รู้สึกชินปากไง”
ตรีชวานับหนึ่งถึงร้อยในใจ แล้วตักอาหารที่มีบนโต๊ะกินจนหมด เพื่อให้ความโมโหจากคำพูดของคนปากร้ายหายไป ดูเหมือนว่าดาเนียลจะเป็นฝ่ายพอใจมากกว่าที่เห็นตรีชวากินข้าวได้มากขึ้น แม้ว่าจะกินเพราะความโมโหก็ตามที
“กินหมดแบบนี้ก็ดีนะ คนที่ทำอาหารจะได้รู้ว่ามันอร่อยแค่ไหนเพราะกินจนเกลี้ยงไม่เหลือสักชิ้นในจาน” ดาเนียลอมยิ้มเล็กน้อย
ตรีชวาหน้าแดงขึ้นทันที แต่เดาความหมายที่อีกฝ่ายพูดไม่ออก ตกลงว่าชมหรือด่าทางอ้อมกันแน่
“ดิฉันจะถือว่านี่เป็นคำชมนะคะ” สาวน้อยย้อนกลับด้วยรอยยิ้มทั้งที่ในใจอยากจะเถียงกลับไปมากกว่า
“คิดได้แบบนั้นก็ดี ไหนแม่บอกว่าเธอช่างพูดช่างเจรจา แต่ทำไมดูเหมือนว่าจะพูดเป็นอยู่ไม่กี่คำ หรือว่าอยู่กับฉันแล้วพูดไม่ออก”
“ยังไม่มีอะไรให้พูดต่างหากค่ะ เรื่องบางเรื่องเราต้องรู้จักอดทนหรือไม่ใส่ใจมันมากนัก เพื่อไม่ให้มันมารบกวนการทำงาน แต่ถ้าอดทนไม่ไหวก็อาจจะต้องพูดหรือตอบโต้บ้าง ไม่อย่างนั้นคนอื่นอาจจะคิดว่าเราอ่อนแอ จะทำอะไรกับเราก็ได้” แววตาของตรีชวาเป็นประกาย อย่างน้อยเธอก็บอกให้เขารู้แล้วว่าจะไม่ยอมตกเป็นฝ่ายถูกกระทำแต่เพียงฝ่ายเดียว
“ฉันรับฟังข้อโต้แย้ง แต่มันต้องมีเหตุผล ไม่ใช่สักแต่ว่าเถียงเพื่อเอาชนะ” ดาเนียลสบตาคนที่ตอบโต้ตนเอง
“ดิฉันทราบค่ะ”
“รู้แล้วก็เตรียมตัวกลับไปทำงานได้แล้ว” ชายหนุ่มลุกขึ้นทันที
ตรีชวาถอนหายใจโล่งอก รีบลุกขึ้นเดินตามไปเช่นกัน
“วันนี้คุณหมอมีผ่าตัดใหญ่ตอนแปดโมงเช้า จากนั้นตอนบ่ายสามถึงหกโมงเย็นมีสอนที่มหาวิทยาลัย เมื่อเช้าคุณอรอินทราแจ้งว่าจะมาพบคุณหมอ และชวนคุณหมอไปกินข้าวกลางวันกับเธอค่ะ” เสียงเลขาฯ สาวรายงานตารางชีวิตของวันนี้อย่างชัดถ้อยชัดคำ ไม่ตกหล่นแม้แต่เรื่องเดียว
“เธอตอบอรอินทราไปว่าไง” คุณหมอหนุ่มถอนหายใจเบาๆ เมื่อได้ยินชื่อนั้น
“ดิฉันตอบไปว่า ต้องเรียนถามคุณหมอก่อน แต่คุณอรอินทราบอกว่ายังไงก็จะมาค่ะ”
“ฉันไม่ต้องการกินข้าวกับอรอินทรา และเธอมีหน้าที่จัดการเรื่องนี้”
“แต่เธอเป็นว่าที่คู่หมั้นของคุณหมอนะคะ” ตรีชวามองหน้าคนสั่งด้วยความแปลกใจ
สาวสังคมคนสวยที่ชื่อว่าอรอินทรา เป็นลูกสาวเพื่อนสนิทของคุณหมอดนัย ครอบครัวทางฝ่ายหญิงต้องการเกี่ยวดองกับทางนี้มาก ซึ่งท่าทีที่อรอินทรามีต่อดาเนียลนั้นทั้งแสนชื่นชอบและชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด
“แค่คนคิดจะจับคู่ แต่ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัว และเธอมีหน้าที่กันไม่ให้ผู้หญิงคนนี้เข้าใกล้ฉัน เข้าใจไหม” สีหน้าและท่าทางของดาเนียลดูจริงจังเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้
“เธอทั้งสวยทั้งน่ารักนะคะ”
“จะสวยจะน่ารักอย่างไรก็ช่าง ฉันมีคนกินข้าวกลางวันด้วยอยู่แล้วก็คือเธอ ทำไมต้องเป็นคนอื่นด้วย”
“แต่...” ตรีชวาทำหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ดาเนียลพูด
“ไม่มีแต่ เธอเป็นเลขาฯ ต้องทำตามคำสั่งของเจ้านาย”
“แล้วถ้ามีธุระล่ะคะ”
“ช่วยแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อยสองวันด้วย”
“อะไรนะคะ ต้องแจ้งล่วงหน้าด้วย มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอคะ”
“ไม่”
“แต่ดิฉันว่าเกินไป”
“ฉันอนุญาตให้เถียงได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องยอมรับทุกเรื่องที่เธอแย้ง”
“ดิฉันไม่ได้เถียง เพียงแต่แสดงความคิดเห็นเท่านั้น” ตรีชวาเม้มปากเล็กน้อย
“แบบนี้เรียกว่าเถียง เธอมีหน้าที่ทำตามที่ฉันบอก ไปชงโกโก้มาหน่อย ฉันอยากจะดื่มก่อนเข้าผ่าตัดใหญ่” ดาเนียลตัดบท
ตรีชวาได้แต่เก็บความไม่พอใจเอาไว้ แล้วรีบไปทำตามที่อีกฝ่ายต้องการทันที
เจ้าของใบหน้าสวยเฉี่ยวแต่งตัวเปรี้ยวปรี๊ดเผยสัดส่วนที่งดงามจนใครๆ อิจฉาเดินผ่านโต๊ะเลขาฯ และกำลังจะเอื้อมมือเปิดประตูห้องผู้อำนวยการโรงพยาบาล แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงห้ามของใครคนหนึ่งดังขึ้น
“คุณหมอไม่อยู่ค่ะ” ตรีชวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่สุภาพ
“แต่ฉันโทร.มานัดแล้ว” อรอินทราเชิดหน้าใส่ราวกับไม่สนใจสิ่งที่ได้ยิน
“ดิฉันโทร.กลับไปเพื่อจะแจ้งให้ทราบ แต่คุณไม่รับสาย วันนี้คุณหมอไม่สะดวกไปกินข้าวกลางวันกับคุณเพราะติดผ่าตัดใหญ่ และมีภารกิจอื่นเต็มวันแล้วค่ะ”
“ฉันจะเข้าไปนั่งรอในห้องพี่แดน” อรอินทราสะบัดเสียงใส่ ไม่สนใจว่าใครจะบอกอะไร
“เชิญที่ห้องรับรองดีกว่าค่ะ”
“ฉันจะไม่นั่งที่อื่น นอกจากห้องทำงานพี่แดนเท่านั้น” อรอินทรายืนยันในสิ่งที่พูด
“ห้องทำงานเป็นห้องส่วนตัวของคุณหมอด้วย ดิฉันเกรงว่าจะไม่เหมาะ”
“ไม่เหมาะตรงไหน เธอรู้หรือเปล่าว่าฉันกับพี่แดนกำลังจะหมั้นกัน”
“ดิฉันว่าถ้าให้เหมาะสมเชิญที่ห้องรับรองดีกว่า” ตรีชวาพยายามทำตามคำสั่งของแดเนียลให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าตอนนี้สาวสวยที่ยืนตรงหน้าจะแสดงความไม่พอใจออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว
“เธอเป็นใครแล้วฉันเป็นใคร รู้บ้างหรือเปล่าว่าคนอย่างเธอไม่มีสิทธิ์มาพูดจาแบบนี้กับฉัน” แววตาของอรอินทราแสดงความดูแคลนออกมาอย่างชัดเจน
“ดิฉันมีหน้าที่ทำตามสิ่งที่คุณหมอสั่งเท่านั้นค่ะ”
อรอินทราโกรธจนหน้าแดง ความโมโหทำให้กล้าผลักตรีชวาจนเกือบล้มลง ดีที่ดาเนียลเข้ามารับตัวเลขาฯ สาวไว้ทัน พร้อมกับมองหน้าคนที่แสดงกิริยาไม่ดีด้วยความไม่พอใจจนรู้สึกได้
“พี่แดน” อรอินทราหันมาเห็นเขาจึงร้องเรียกเสียงหวาน แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสายตาเย็นชาของชายหนุ่ม ซ้ำแดเนียลยังมีท่าทีสนใจเลขาฯ สาวอย่างออกนอกหน้า
“เป็นอะไรมากไหม” ดาเนียลถามตรีชวาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แววตาห่วงใยคู่นั้นทำให้เธอเกือบจะทำตัวไม่ถูก
“ไม่ค่ะ” ตรีชวาส่ายหน้าเล็กน้อย
“เลขาฯ ของพี่แดนซุ่มซ่ามเองนะคะ” อรอินทราแก้ตัว
“ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผมเห็นจะตรงกันข้ามกับที่คุณอรพูด” คุณหมอหนุ่มหันมาหาอรอินทรา
“ก็เลขาฯ พี่แดนไม่ยอมให้อรเข้าไปนั่งรอที่ห้องทำงานนี่คะ” อรอินทรารีบบอก
“ตรีชวาทำตามหน้าที่ และผมเป็นคนสั่งเองว่าไม่ชอบให้ใครวุ่นวายในห้องทำงาน คุณควรไปรอห้องรับรองถูกต้องแล้ว” ดาเนียลเอ่ยเสียงเรียบ
“แต่พี่แดนก็รู้ว่าเราสองคนกำลังจะหมั้นกัน อีกอย่างครอบครัวเราสนิทกันแค่ไหน ทำไมต้องมากพิธีด้วยคะ”
“จะอย่างไรก็ช่าง แต่ผมไม่ชอบให้คนมาวุ่นวายในห้องทำงาน และไม่ชอบให้ใครมาทำร้ายเลขาฯ ส่วนตัวผม” สีหน้าและท่าทางของดาเนียลบ่งบอกเลยว่าไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
“คุณดาเนียล” ตรีชวาอุทานเบาๆ ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะปกป้องขนาดนี้
“ดูเหมือนว่าพี่แดนจะปกป้องแม่เลขาฯ คนนี้เกินไปหน่อยนะคะ” อรอินทรามองหน้าตรีชวาด้วยความไม่พอใจ และเริ่มรู้สึกไม่ชอบมากขึ้นเมื่อดาเนียลเอ่ยปากปกป้องต่อหน้า
“ตรีชวาเป็นคนของผม ถ้าทำผิดผมควรจะเป็นคนตำหนิหรือลงโทษเองไม่ใช่คนอื่น”
“แต่อรยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” อรอินทราแก้ตัวให้ตัวเองดูดีขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะดาเนียลพูดตามจริงในสิ่งที่เห็นมา
“ผมได้ยินกับหูและเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น”
“อย่าโกรธเลยนะคะ อรแค่ไม่พอใจที่เลขาฯ พี่แดนทำเหมือนอรเป็นคนอื่น ทั้งที่เราสองคนกำลังจะหมั้นกันอยู่แล้ว” อรอินทราตรงเข้ามากอดแขนเขาไว้อย่างประจบและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ดาเนียลกลับดันตัวเธอออกห่างอย่างสุภาพพร้อมเอ่ยถามกลับไปว่า
“คุณอรมาที่นี่มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“อรมาชวนพี่แดนไปกินข้าวกลางวันด้วยกันค่ะ”
“ผมให้เลขาฯ บอกคุณแล้วนี่ว่า วันนี้ผมไม่ว่าง”
“อรไม่ได้รับสายเพราะเห็นว่าเป็นเบอร์แปลก แล้ววันนี้พี่แดนไม่ว่างจริงๆ เหรอคะ”
“วันนี้ตารางผมเต็ม ถ้าคุณอรจะนัดช่วยนัดล่วงหน้าสักสองอาทิตย์ ผมจะได้ให้ตรีชวาจัดเวลาให้”
“แหม ทำไมต้องทำขนาดนั้นด้วยคะ อรไม่ใช่คนอื่นเสียหน่อย”
“เราต้องประสานงานกับหลายฝ่ายทุกอย่างจึงพลาดไม่ได้ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อน” คุณหมอหนุ่มตัดบท
“งั้นวันนี้อรกลับก่อนก็ได้ค่ะ แต่คราวหน้าอรไม่ยอมแล้วนะ บายค่ะพี่แดน” อรอินทราส่งยิ้มหวานแล้วยอมเดินจากไปแต่โดยดี ในขณะที่ดาเนียลกลับโล่งอกที่เจ้าหล่อนไปเสียได้
อาหารกลางวันแบบง่ายๆ ถูกนำมาวางตรงหน้า ตรีชวามองอาหารสลับกับมองหน้าเขาด้วยความแปลกใจว่าดาเนียลกินง่ายขนาดนี้เชียวหรือ
“ทำไม มองหน้าฉันทำไม” ชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเห็นสายตาแห่งความสงสัย
“คิดไม่ถึงว่าคุณหมอจะกินง่ายขนาดนี้ค่ะ” ตรีชวาเอ่ยออกไปตรงๆ
“ฉันไม่ใช่คนเรื่องมาก”
“เรื่องวันนี้ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ” ตรีชวาเปลี่ยนเรื่องพูด
“เธอเป็นคนของฉัน ก็ควรจะเป็นฉันที่ตำหนิหรือต่อว่าไม่ใช่คนอื่น และเธอก็ควรระวังตัวเองให้มากกว่านี้ ไม่ควรปล่อยให้ใครมาทำอะไรได้ง่ายๆ”
“ดิฉันไม่คิดว่าคุณอรอินทราจะทำแบบนั้นค่ะ” ตรีชวาเอ่ยตามตรงพร้อมถามต่อว่า “ว่าแต่คุณหมอไม่กลัวมีปัญหาเหรอคะ เกิดคุณอรอินทราเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อแม่ ผู้ใหญ่จะมีปัญหากันหรือเปล่า”
“อย่าไปสนใจเรื่องไร้สาระพวกนั้นเลย กินข้าวเถอะ” ดูเหมือนดาเนียลจะไม่ยินดียินร้ายใดๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ตรีชวาจึงได้แต่ก้มหน้ากินข้าวไปเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรอีกเลย
ตรีชวายิ้มเมื่อเดินขึ้นมาบนตึกใหญ่และเห็นใครบางคนที่เฝ้าคิดถึงส่งยิ้มมาให้ พี่เดฟของเธอกลับมาแล้ว และยังคงเป็นคนเดิมที่น่ารักไม่เปลี่ยน
“ตรีใช่ไหม ไม่ได้เจอกันตั้งนานโตขึ้นเป็นกองเลย” ดีแลนด์พูดพลางเดินวนรอบตัวหญิงสาว ตรีชวาในตอนนี้ไม่ใช่เด็กน้อยถักผมเปียหน้าตาเหลอหลาอีกแล้ว ตอนนี้เป็นสาวเต็มตัวแถมสวยมากเสียด้วย
“ตรีสูงขึ้นแค่นิดเดียวเองค่ะพี่...” ตรีชวาชะงักเมื่อเห็นสายตาของดาเนียลจ้องมองมา
“คุณดีแลนด์”
“ทำไมเรียกเสียห่างเหินขนาดนั้น” ดีแลนด์ถามพลางยิ้มและเอื้อมมือไปขยี้ผมของสาวน้อยเหมือนที่เคยทำ
“มีคนบอกให้ตรีเรียกแบบนี้ค่ะ” ตรีชวาประชดในที
“ใครจะพูดอะไรก็ช่าง แต่พี่อยากได้ยินตรีพูดกับพี่แบบเดิมมากกว่า”
ตรีชวายิ้ม พี่เดฟของเธอยังคงเป็นพี่เดฟที่ใจดีเหมือนเคย
“มาถึงแล้วนายก็ควรพักนะ” เสียงดาเนียลเอ่ยขึ้นขัดจังหวะสีหน้าเขาบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด
“ทำท่าเครียดอีกแล้ว รู้แล้วครับ เดี๋ยวผมจะรีบไปพักเดี๋ยวนี้” ดีแลนด์ล้อเลียนท่าทางของพี่ชายด้วยท่าทีกวนโมโหเล็กน้อยตามประสา
“พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับนาย” ดาเนียลเอ่ยแล้วหันมาหาตรีชวาที่ยืนยิ้มไม่ยอมไปไหนว่า “กลับบ้านได้แล้วตรีชวา ตอนนี้ไม่มีอะไรให้ทำแล้ว” คุณหมอหนุ่มพูดจาขวานผ่าซาก ทำเอาตรีชวาหน้าชาในทันที
“ทำไมพูดกับน้องแบบนี้ แดน” แอเรียลเอ่ยเมื่อได้ยินดาเนียลไล่ตรีชวา
“ตอนนี้เป็นเวลาของครอบครัวครับ” นายแพทย์หนุ่มหันไปตอบมารดา
“แต่ตรีเป็นคนในครอบครัวเรานะพี่แดน” ดีแลนด์ย้อน
“ครอบครัวในที่นี้หมายถึงคนสายเลือดเดียวกันเท่านั้น” ดาเนียลเอ่ยเสียงเข้ม
“ขอตัวก่อนนะคะ ตรีต้องไปช่วยแม่แล้ว” ตรีชวาเอ่ยเสียงเบา
“อย่าเพิ่งไปตรี มานี่ก่อน” นายหญิงของบ้านร้องเรียกไว้ แล้วจับมือหญิงสาวเดินหายขึ้นไปชั้นบนด้วยกันทันที
