บทนำ เด็กในบ้าน
บทนำ
เด็กในบ้าน
เสียงหัวเราะที่ดังเข้ามาในบ้านทำให้เด็กหนุ่มเจ้าของใบหน้าที่ผสมผสานความเป็นยุโรปกับความเป็นไทยไว้ได้อย่างลงตัววัยสิบห้าปีต้องนิ่วหน้าด้วยความหงุดหงิด เขาไม่ชอบให้มีสิ่งใดมาทำลายสมาธิตอนที่อ่านหนังสือ แต่ดูเหมือนว่าไม่ชอบอะไรก็จะได้เจอสิ่งนั้น ถ้าจะให้เดาอีก เจ้าของเสียงหัวเราะที่รบกวนเวลานี้ก็คือน้องชายวัยสิบขวบ และยายเด็กหญิงตัวดีวัยห้าขวบ ลูกสาวของแม่ครัวกับคนขับรถที่บ้านเป็นแน่
เด็กหนุ่มละสายตาจากหนังสือที่ตัวเองกำลังอ่านแล้วลุกขึ้นเดินไปดูที่หน้าต่างให้แน่ใจว่าใช่ตามที่คิดหรือไม่ แล้วก็จริง เจ้าน้องชายตัวดีกับยายเด็กนั่นกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน ช่างไม่รู้เสียบ้างเลยว่าเขากำลังอ่านหนังสือ ดีแลนด์หรือเดฟและตรีชวาหันมาเมื่อเห็นว่ามีใครมอง
“พี่แดน” น้องชายร้องทักด้วยรอยยิ้ม แต่เด็กหญิงอีกคนกลับหน้าซีดและรีบวิ่งไปหลบอยู่หลังน้องชายทันที
“เสียงเบาๆ หน่อย พี่กำลังอ่านหนังสือ” ดาเนียลหรือแดน ปริยากรโสภณ ลูกชายคนโตของนายแพทย์ดนัย ปริยากรโสภณ กับแอเรียล โจนส์ ปริยากรโสภณ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง หน้าตายิ่งไม่ต้องพูดถึง บึ้งตึงอย่าบอกใคร
“ครับ”
“ส่วนเธอ...ตรีชวา เป็นผู้หญิงก็ไม่ควรที่จะหัวเราะเสียงดัง เพราะนอกจากมันจะดูไม่ดีแล้วมันยังน่ารำคาญมากด้วย” คำต่อว่านั้นทำให้เด็กหญิงหน้าซีดกว่าเดิม
“ตรีกลับบ้านไปก่อนนะ อยู่ตรงนี้เดี๋ยวโดนดุอีก” เดฟพูดกับเพื่อนเล่นของเขาด้วยความเป็นห่วง เด็กหญิงรีบวิ่งไปทันทีเมื่อฟังจบ ส่วนคนหน้าบึ้งได้แต่ยืนมองจนลับตา
12 ปีต่อมา
ดวงตาคู่หวานมองหนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมและอาลัยอาวรณ์ เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้เจอกัน ไม่รู้ว่าเมื่อไรผู้ชายที่หล่อและแสนดีคนนี้จะกลับมา เดฟจะเดินทางไปเรียนต่อทางด้านการขับร้องที่ออสเตรีย ซึ่งใช้เวลาหลายปีทีเดียวกว่าจะได้กลับบ้าน
“ลูกควรกลับไปนอนได้แล้วตรี ตอนนี้ดึกมากแล้ว” นายตฤณเตือนลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ตรีชวาแอบมายืนมองงานเลี้ยงส่งดีแลนด์ตั้งแต่หัวค่ำจนตอนนี้ดึกมากแล้ว
“ขอหนูอยู่ที่นี่ต่ออีกนิดนะคะพ่อ พรุ่งนี้ก็คงไม่ได้เจอกันแล้ว”
นายตฤณได้แต่ส่ายหน้า แม้จะเห็นใจความรู้สึกของบุตรสาว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเตือนว่าให้รีบเข้านอนเสีย ตรีชวารับคำแล้วก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ภาพที่เห็นคือคนที่เฝ้ามองกำลังโอบกอดสาวน้อยหน้าตาสะสวยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขาก็เป็นอย่างนี้ เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า เจ้าเสน่ห์กับเพศตรงข้ามเสียเหลือเกิน ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ไปจะมีอีกกี่คนที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้
“ตั้งใจเรียนนะตรี พี่ฝากดูแลพ่อกับแม่ด้วย” เดฟมองเพื่อนเล่นวัยเด็กด้วยสายตาที่เอ็นดู เขารับของที่ตรีชวามอบให้
“ค่ะ พี่เดฟ” หญิงสาวรับคำใบหน้าเศร้าสร้อย
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“ใจหายค่ะ” เด็กสาวบอกตามตรง ดีแลนด์หัวเราะแล้วเอามือขยี้ผมสาวน้อยเบาๆ
“เดี๋ยวก็ได้เจอกัน แต่ตรีคงเหงาไม่นานเพราะพี่แดนน่าจะกลับมาก่อน”
เขาน่ะหรือ ไม่เห็นจะอยากเจอเลย เป็นผู้ชายที่ไม่น่าคุยด้วยเลยสักนิด ถึงจะหล่อเหลาคมคาย แต่ก็ชอบทำหน้าบึ้งตึงตลอดเวลา จ้างให้ตรีชวาก็ไม่อยากเข้าใกล้หรอก
“ขอให้พี่เดฟเดินทางปลอดภัยนะคะ” ตรีชวาอวยพรอีกครั้ง
“ตั้งใจเรียนนะรู้ไหม เด็กน้อย” ดีแลนด์ส่งยิ้มให้อีกครั้ง
“ค่ะ”
นายแพทย์ดนัยกับแอเรียลภรรยาชาวอังกฤษมองผลการเรียนของเด็กสาวที่อุปการะไว้ด้วยความพอใจ ทั้งคู่มีแต่ลูกชายไม่มีลูกสาว จึงเอ็นดูตรีชวาเหมือนลูกสาวอีกคน และเธอก็ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังด้วยผลคะแนนที่ดีเยี่ยมเสมอ
“ทำได้ดีมาก ตรี” แอเรียลเอ่ยชมเด็กสาวจากใจจริงพร้อมทั้งยื่นบางอย่างให้
“ขอบพระคุณค่ะ” ตรีชวามองซองสีขาวที่นายหญิงของบ้านส่งให้เล็กน้อย ก่อนที่จะรับไว้ด้วยความเกรงใจ
“อยากจะเรียนต่อด้านไหน” นายหญิงของบ้านถาม
“อยากเรียนต่อด้านอาหารและโภชนาการค่ะ”
“ก็ดีนะ เรียนด้านนี้พอจบก็เข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลของเราได้” นายแพทย์ดนัย ประมุขของบ้านเห็นดีด้วย นายตฤณกับนางขวัญข้าวยิ้มเมื่อเห็นว่าท่านเจ้าของบ้านเมตตาลูกสาวของพวกตน
“ตรีก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ ตรีอยากช่วยงานที่โรงพยาบาลค่ะ”
“ฉันดีใจนะที่ตรีคิดแบบนี้ ฉันเริ่มแก่แล้ว อยากจะให้คนที่ไว้ใจได้มาช่วยงานเหมือนกัน”
“ไม่นานคุณแดนก็จะกลับมาแล้วนี่ครับ” นายตฤณเอ่ย พูดถึงลูกชายคนโต สองสามีภรรยาก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วมองหน้ากัน
“แดนอยากหาประสบการณ์ต่ออีกหลายปี พวกเธอก็รู้ว่าเขาเป็นคนจริงจังกับทุกเรื่อง แดนอยากจะเก่งกว่านี้ และมีประสบการณ์มากกว่านี้แล้วค่อยกลับมาสานงานต่อที่โรงพยาบาล”
“บางทีถ้าคุณท่านขอร้อง คุณแดนอาจจะยอมกลับมาก่อนกำหนดนะคะ” ขวัญข้าวแนะนำเจ้านายของเธอต่อ
แอเรียลกับดนัยมองหน้ากัน และถอนหายใจออกมาพร้อมๆ กัน
“เธอรู้ดีนี่จ๊ะขวัญว่าแดนเป็นคนอย่างไร ลองได้ตัดสินใจแล้วเขาไม่มีทางเปลี่ยนใจ พ่อคนนี้พูดคำไหนคำนั้น” แอเรียลถอนหายใจเบาๆ
“คุณแดนคงอยากหาประสบการณ์เพิ่มก่อนที่จะกลับเข้ามารับช่วงต่อการบริหารโรงพยาบาลแบบจริงจัง” นายตฤณกล่าวด้วยสีหน้าและน้ำเสียงชื่นชม ส่วนตรีชวานั้นรู้สึกหมั่นไส้คนที่ถูกกล่าวถึงเป็นที่สุด
“ก็คงจะเป็นแบบนั้น แดนต่างจากเดฟเหลือเกิน เขาจริงจังกับทุกเรื่อง ส่วนเดฟกลับไม่จริงจังกับอะไรเลย ดีที่ว่าเอาดีทางดนตรีได้ ไม่อย่างนั้นฉันกับคุณนายคงต้องเครียดจนนอนไม่หลับแน่นอน” นายแพทย์ดนัยกล่าว
“คุณเดฟเก่งนะคะ เธอมีเสน่ห์” ขวัญข้าวแก้ต่างให้ดีแลนด์
“มีเสน่ห์มากเกินไปก็ไม่ดีหรอกนะ ตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่มฉันแทบจะนับจำนวนบรรดาสาวๆ ที่เข้ามาติดพันเจ้าเดฟไม่หวาดไม่ไหวเลย ควงคนนั้นทีคนนี้ที” คุณหมอวัยกลางคนบ่นด้วยความอ่อนใจเมื่อพูดถึงความเจ้าสำราญของลูกชายคนเล็ก
“แต่พี่เดฟใจดีค่ะ” ตรีชวายิ้มเมื่อพูดถึงคนที่คิดถึงตลอดเวลา
“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะตรีคือน้องสาว พี่ไม่ดูแลน้องได้อย่างไร”
ตรีชวาหุบยิ้มแล้วก้มหน้า มันก็คงจะจริง เขาดูแลและดีกับเธอในฐานะพี่ชาย ซึ่งคงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แน่
7 ปีต่อมา
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหลาราวกับภาพวาดของศิลปินชั้นสูง เจ้าของดวงตาสีฟ้าก้าวลงมาจากรถยนต์คันหรูด้วยท่าทางที่สง่างาม ยืนมองบริเวณรอบๆ ด้วยความคิดถึง เกือบสิบห้าปีที่เขาจากที่นี่ไป เขากลับมาแล้วและกำลังจะไปหาพ่อกับแม่ที่รออยู่ในบ้าน แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมีแมวไทยสีเหลืองสลับขาวตัวใหญ่วิ่งสวนออกมาพร้อมกับร่างระหงของใครบางคนที่วิ่งตามมาด้วย เจ้าแมวตัวแสบหยุดลงด้านหลังของเขา และเอาตัวถูที่ขากางเกงของเขาไปมาอย่างประจบ
ตรีชวาชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ เธอรีบยกมือขึ้นทำความเคารพตามมารยาท
ดาเนียลมองหน้าสาวน้อยที่ยกมือไหว้ตนด้วยความพึงพอใจ ไม่เจอตั้งนานเจ้าหล่อนโตขึ้น สวยหวานเหมือนนางในวรรณคดีที่เคยเห็นในรูปวาด
“นี่ตรีชวา เด็กในบ้าน หนูสกปรกใช่ไหม” เขาเอ่ยถาม รอยยิ้มล้อเลียนปรากฏขึ้นที่มุมปาก
“ค่ะ” ตรีชวารับคำเบาๆ
“ไม่เจอกันนานโตขึ้นมาก แต่ทำไมยังวิ่งซนเหมือนเด็กอยู่อีก”
“ดิฉันกำลังจับแมวอยู่พอดีค่ะ” ตรีชวาหน้าบึ้งเล็กน้อย กี่ปีเขาก็ไม่เปลี่ยน ชอบหาเรื่องเหน็บแนมเธออยู่เรื่อย
“ไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่ดีนัก แต่การจับแมวไม่จำเป็นต้องวิ่ง แค่ร้องเรียกมันดีๆ อย่าทำให้มันตกใจแค่นี้ก็ได้แล้ว” เขาพูดพลางก้มลงไปอุ้มเจ้าแมวตัวแสบขึ้นมาส่งให้
ตรีชวารับแมวมาอุ้มแต่ไม่ยอมมองหน้าเขา
“เวลาที่คุยกันเธอควรมองหน้าฉัน เพราะมันถือเป็นมารยาทพื้นฐาน” เขาตำหนิต่อหน้าตรงๆ เพราะรู้สึกไม่พอใจที่ตรีชวาไม่ยอมมองหน้าและพูดด้วย
“ดิฉันขอตัวก่อนค่ะ คุณดาเนียล” ตรีชวาเลือกไปให้พ้นหูพ้นตาเขาดีกว่า จะได้ไม่ต้องถูกตำหนิหรือต่อว่าใดๆ อีก
“เชิญ” เขาเป็นฝ่ายเดินเข้าบ้านก่อนด้วยซ้ำ ทิ้งให้คนตัวเล็กยืนเม้มปากด้วยความเจ็บใจอยู่ตรงนั้นคนเดียว
ตรีชวาคิดว่าดาเนียลจะเปลี่ยนไปบ้าง ไม่เจอกันเกือบสิบห้าปี เขายังเหมือนเดิมทุกอย่าง หรืออาจจะแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ ผู้ชายหน้านิ่ง ยิ้มไม่เป็น ชอบทำหน้าดุ ปากร้ายจนเธอไม่กล้าเข้าใกล้ ทุกอย่างเหมือนเดิมเป๊ะ
ดาเนียลกำลังจะมารับหน้าที่ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลต่อจากคุณท่าน ใครจะเชื่อว่าผู้ชายปากร้ายคนนี้คือคุณหมอที่เก่งติดหนึ่งในสองของโลก ตรีชวาไม่อยากคิดเลยว่าคนไข้จะกลัวเขามากแค่ไหนยามที่เข้ารับการรักษา ยิ่งไม่ยิ้มด้วยแล้วคงต้องไม่บอกว่าน่ากลัวแค่ไหน
