ตอนที่ 3
ตอนที่ 3
พุดแก้วมองคนที่เดินเข้ามาพร้อมเดฟด้วยความแปลกใจ เธอไม่รู้จักพวกเขามาก่อน โดยเฉพาะชายที่มีผมสีน้ำตาลประกายทองและดวงตาเป็นสีมรกตซึ่งกำลังจ้องมองอย่างไม่ละสายตา
พุดแก้วไม่ชอบสายตาของชายคนดังกล่าวแต่ก็พยายามสงบสติอารมณ์ไว้ ในขณะที่อีกคนที่เดินตามหลังท่าทางสุภาพและเป็นมิตรมากกว่า เจ้าของบ้านคนสวยยกมือไหว้ทักทายและยิ้มให้เดฟเหมือนเคย
นิโคลัสนิ่งไม่รับไหว้หรือแม้แต่ส่งยิ้มตอบ เขาไม่คิดว่าคนดูแลหลานจะเป็นสาวรุ่นเช่นนี้ ที่สำคัญต่างจากในภาพถ่ายที่เห็นมาก่อนหน้าเหลือเกิน ตัวจริงของพุดแก้วดูสวยกว่าภาพที่นักสืบส่งไปให้ เขาพิจารณาคนตรงหน้าอย่างละเอียด นิโคลัสชอบดวงตาคู่นั้น แม้จะดูหวานแต่แฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยว นี่กระมังที่เดฟหรือใครอีกหลายคนบอกว่าเธอน่าสนใจ
“พี่เดฟไม่บอกว่าจะมา แก้วจะได้ให้คนทำกับข้าวไว้ให้” พุดแก้วส่งยิ้มให้คนคุ้นเคยอย่างเป็นกันเอง
“ไม่ต้องหรอก อาหารที่นี่อร่อยทุกอย่างอยู่แล้ว ยิ่งเป็นฝีมือป้าสมใจยิ่งอร่อย” เดฟพูดถึงแม่บ้านของพุดแก้วอย่างอารมณ์ดี
“ปากหวานกับคนแก่นะคะ” ป้าสมใจที่ถูกพูดถึงเดินผ่านมาพอดี
“ก็อร่อยจริงๆ นี่ครับ แต่ขอร้องว่าอย่าให้แก้วทำนะ ผมไม่อยากท้องเสียอีก” เดฟล้อเลียนด้วยสายตาและคำพูด ทำเอาพุดแก้วอดหัวเราะไม่ได้
“ป้าไปจัดโต๊ะดีกว่า เดี๋ยวกินข้าวด้วยกันเลยนะคะ ป้าทำไว้หลายอย่างเลย” ป้าสมใจบอกพร้อมทั้งเดินจากไปทันที
“พี่เดฟพาใครมาคะ” พุดแก้วกระซิบถามชายหนุ่ม พร้อมชำเลืองมองคนมาใหม่ที่ไม่พูดไม่จาเอาแต่จ้องหน้าเธอ
“จริงสิลืมไปเลย นี่นิโคลัส อเล็กซิส ชาโรนอฟเป็นพี่ชายของมิคาเอล ส่วนคนนี้วูฟล์เป็นบอดี้การ์ด” เดฟแนะนำอย่างเป็นทางการ
พุดแก้วสบตาคนที่เดฟแนะนำ เมื่อรู้ว่าเขาเป็นใครและทำอะไรไว้กับพี่สาวบ้าง ถึงจะรู้สึกไม่ดีด้วยแต่ก็ไม่พูดอะไรนอกจากรอฟังว่า อีกฝ่ายจะเอ่ยอะไรออกมา
“สวัสดีค่ะ” พุดแก้วทักทายก่อนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“สวัสดี” นิโคลัสโต้ตอบเป็นภาษาไทยได้อย่างชัดเจน
“คุณพูดไทยชัดนะคะ”
“ผมมีแม่เป็นคนไทย ดังนั้นก็ต้องเรียนภาษาไทยไว้บ้าง เผื่อมีคนด่าจะได้รู้” นิโคลัสตอบหน้าตาย
“พวกเขามาทำไมคะ พี่เดฟ” พุดแก้วหันมาถามเดฟด้วยความสงสัย คงไม่ใช่แค่มาทำความรู้จักแน่ๆ มันต้องมีบางอย่างและน่าจะเป็นเรื่องไม่ดีสักเท่าไหร่
“ผมขอให้เดฟพามาเอง ผมมีเรื่องต้องพูดกับคุณ แต่อยากคุยเป็นการส่วนตัว พอจะมีเวลาไหม”
“คุณมีธุระจะคุยกับฉันหรือคะ” พุดแก้วย้อนถามด้วยความแปลกใจ สีหน้าและน้ำเสียงของนิโคลัสดูจริงจังมากจนรู้สึกได้ หญิงสาวหันมาสบตาเดฟเป็นเชิงปรึกษา ชายหนุ่มเลือกที่จะนิ่งไม่พูดอะไร เพราะรู้จุดประสงค์การมาของนิโคลัส และรู้ว่าหากพุดแก้วรู้เรื่องนี้ก็คงไม่ลงเอยง่ายๆ แน่
“ใช่ ถ้าคุณสะดวกก็คุยตอนนี้เลย” นิโคลัสเร่ง
ยังไม่ทันที่พุดแก้วจะตอบ เด็กชายวัยสี่ขวบก็วิ่งเข้ามากอดเธอไว้แน่น สองน้าหลานหัวเราะกันอย่างมีความสุข สร้างรอยยิ้มให้กับเดฟและวูฟล์ที่เพิ่งเห็นเด็กชายเป็นครั้งแรก ยิ่งนิโคลัสนั้นไม่ต้องพูดถึงแค่เห็นหน้าเขาก็หลงรักหลานชายตนเองแล้ว
“วันนี้พลาดทำน้าแก้วล้มไม่ได้” เด็กชายพูดจบก็หัวเราะลั่น
“เราล้มน้าไม่ได้หรอกน่าตัวแสบ ว่าแต่สวัสดีทุกคนหรือยัง” พุดแก้วแกล้งทำหน้าดุใส่หลานพร้อมหันเด็กน้อยมาหาทุกคนที่อยู่ตรงนั้น
อีวานพนมมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อมและหยุดยืนมองหน้านิโคลัส สองลุงหลานสบตากันตามสัญชาตญาณ นิโคลัสรู้สึกคิดถึงใครคนหนึ่งที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับเมื่อสบตาคู่นั้น พุดแก้วบอกหลานชายพร้อมทั้งจับเด็กน้อยให้หันไปทางเดฟ นิโคลัส และวูฟล์
“สวัสดีครับทุกคน” เด็กชายทักทายแล้วหันมาหาเดฟ
“ลุงเดฟ ช็อกโกแลตล่ะครับ”
“ทวงเลยนะ ไอ้เสือ” เดฟหัวเราะเบาๆ
“แล้วลุงสองคนนี้เป็นใครครับ” เด็กชายถามต่อ
“ลุงชื่อนิโคลัส อเล็กซิส ชาโรนอฟ เป็นพี่ชายของมิคาเอล อเล็กซิส ชาโรนอฟ รู้จักไหม” นิโคลัสย่อตัวลงมาถามเด็กชายตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมากขึ้น
“ชื่อยาวจังครับ แต่คล้ายชื่อพ่อผมเลย” แล้วอีวานก็หันมาพูดกับพุดแก้วที่ยืนอยู่ข้างๆ ว่า
“ชื่อยาวเหมือนพ่อเลยนะ น้าแก้ว”
“ต้องเหมือนสิ เพราะลุงเป็นพี่ชายของพ่อหนู” นิโคลัสบอกพร้อมทั้งทำท่าจะกอดอีวานแต่พุดแก้วแทรกตัวเข้ามาขวางเสียก่อน หญิงสาวสบตาเขาเป็นเชิงว่าให้หยุดแล้วหันมาพูดกับหลานชายว่า
“ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวจะได้มากินข้าวกัน” พุดแก้วตัดบท
“ครับ น้าแก้ว” เด็กชายรับคำแล้ววิ่งไปทันที
“คุณเสียมารยาทกับแขก” นิโคลัสเอ่ยคำแรกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย เมื่อครู่เขารู้สึกได้ว่าพุดแก้วพยายามจะกันหลานให้ออกห่าง
“ขอโทษนะคะแต่ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว อีวานควรจะอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวกินข้าว” หญิงสาวอธิบายตามจริง
“ถึงอย่างนั้นคุณก็ควรให้ผมพูดคุยกับเขาก่อน” นิโคลัสยังไม่ยอมแพ้
“คุณได้พบอีวานแน่ค่ะ แต่หลังจากที่หลานฉันกินข้าวกลางวันเรียบร้อยแล้ว” พุดแก้วตัดบทสั้นๆ แล้วเดินนำทุกคนไปที่ห้องอาหารโดยไม่สนใจว่าใครจะรู้สึกเช่นไร
“เดฟ นายกลับไปก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวเสร็จธุระแล้วฉันจะโทรไปบอก” นิโคลัสหันมาหาเดฟที่ยืนยิ้มอยู่
“เดี๋ยวฉันต้องกินข้าวกับแก้วก่อน ป้าสมใจสั่งไว้” เดฟตอบสั้นๆ แล้วส่งยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะเดินตามพุดแก้วไปอีกคน ทิ้งให้นิโคลัสยืนหงุดหงิดต่อไปคนเดียว
พุดแก้วรู้สึกไม่สบายใจที่เห็นอีวานพูดคุยอย่างสนิทสนมกับนิโคลัสในเวลานี้ เธอเดินไปหาเดฟที่นั่งจิบกาแฟอยู่ที่มุมห้องด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“พี่เดฟ เขามาทำไมคะ” พุดแก้วถามคำแรก เดฟแทบสำลักกาแฟที่กำลังดื่ม และได้แต่ถอนหายใจเบาๆ เพราะไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
“พี่ว่าเรื่องนี้แก้วคุยกับเขาเองดีกว่า” เดฟยังพูดไม่ทันจบ นิโคลัสก็เดินมาหาทั้งสองด้วยสีหน้าจริงจัง
“ผมคิดว่าเราต้องคุยกัน” ชายหนุ่มเอ่ยคำแรกพร้อมสบตาพุดแก้ว
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับพร้อมรับฟังสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปนี้
“ผมต้องการคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว” นิโคลัสเอ่ยเสียงเรียบ เดฟเฉไฉหันหน้าไปทางอื่น
“ถ้าอย่างนั้นเชิญที่ห้องทำงานค่ะ” พุดแก้วเดินนำไปก่อนทันที นิโคลัสจึงหันมาถามเดฟว่า
“นายจะอยู่รอใช่ไหม”
“คิดว่ารอดีกว่า” เดฟตัดสินใจเช่นนั้น เขาเองก็อยากรู้ว่าผลลัพธ์ของเรื่องนี้จะออกมาเป็นเช่นไร นิโคลัสแค่พยักหน้าแล้วเดินตามพุดแก้วไปทันที
ห้องทำงานของพุดแก้วเรียบร้อยและสะอาดสะอ้าน ในห้องมีรูปถ่ายของมิคาเอลกับสุภาพสตรีคนหนึ่ง ซึ่งไม่ต้องถามก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงที่ชื่อพุดกรองนั่นเอง สิ่งที่เห็นจากรูปนี้ก็คือความสุขที่นิโคลัสไม่เคยเห็นจากน้องชายตัวเอง
“คุณมีธุระอะไรก็ว่ามาค่ะ” พุดแก้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ก่อนผมจะคุยธุระ ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม ภาพนี้ถ่ายตั้งแต่เมื่อไหร่” นิโคลัสยังคงจ้องไปที่รูปนั้นอย่างไม่วางตา
“ก่อนที่พี่เขยจะกลับเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้สองเดือน” พุดแก้วตอบ
“ผู้หญิงในภาพคงจะเป็นพี่สาวของคุณสินะ หน้าตาธรรมดา ผมนึกว่าจะสวยหยาดเยิ้มเสียอีก” น้ำเสียงที่นิโคลัสเอ่ยถึงพี่สาวสุดที่รักทำให้พุดแก้วรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็พยายามเก็บอารมณ์เพื่อรักษามารยาท
“คนเรารักกันที่ใจหน้าตาไม่เกี่ยวหรอก การมองคนแค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกมันฉาบฉวยเกินไป และเราก็ไม่อาจใช้มันตัดสินได้ว่าคนคนนั้นเป็นเช่นไร”
“แหม เข้าใจพูดนะ” ชายหนุ่มไม่วายประชด
“คุณจะมาหาเรื่องฉัน หรือว่าจะมาคุยธุระกับฉันกันแน่ คุณนิโคลัส อเล็กซิส ชาโรนอฟ” พุดแก้วเรียกชื่อเต็มของเขาอย่างเป็นทางการ ความไม่พอใจเริ่มไต่ระดับสูงขึ้นมาอีกเล็กน้อย
“ผมถามเพราะไม่เคยเห็นพี่สาวของคุณ ความจริงตอนที่น้องชายของผมอยู่รัสเซียมีผู้หญิงที่สวยและอยู่ในตระกูลผู้ดีหลายคนมาชอบเขา แต่หมอนั่นกลับมารักผู้หญิงธรรมดาอย่างพุดกรอง”
“ขอโทษนะคะ กรุณาพูดธุระของคุณมาดีกว่า” พุดแก้วขัดขึ้นเพราะถ้าฟังต่อไปอีก เขาก็คงหาเรื่องว่าพี่สาวที่แสนดีของเธอเป็นแน่ และอาจจะคุยกันต่อไม่รู้เรื่อง
“พี่สาวคุณ...” นิโคลัสตั้งท่าจะเอ่ยถึงพุดกรองอีกแต่คราวนี้พุดแก้วขัดขึ้นมาก่อน
“คุณควรจะพูดธุระของคุณมาได้แล้ว ฉันไม่มีเวลามากนักหรอกนะ ฉันมีงานต้องทำหลายอย่าง ไม่ใช่พวกเศรษฐีที่จะได้ลอยไปลอยมาไร้สาระได้นานๆ” พุดแก้วเหน็บแนมเล็กน้อย
“คุณควรจะมีมารยาทกับแขกมากกว่านี้” นิโคลัสต่อว่าทันที
“ถ้าคุณไม่พูดธุระ ฉันจะไม่ฟังแล้วนะ” พุดแก้วเสียงแข็งขึ้น
“มารยาทไม่ไหว” ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นส่ายหน้า ซึ่งพุดแก้วพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจแล้วบอกว่า
“เข้าเรื่องได้แล้ว”
“ที่ผมมาวันนี้ก็เพื่อพบหลานชายตัวเอง” นิโคลัสเอ่ย
“ก็ได้พบแล้วนี่คะ”
“ใช่ เขาเหมือนมิคาเอลมาก”
“ค่ะ ผมสีเดียวกัน ตาก็สีเดียวกัน” หญิงสาวเห็นด้วยในเรื่องนี้
“โอเค ที่นี้เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ผมจะไม่อ้อมค้อมกับคุณให้เสียเวลาแล้วนะ” นิโคลัสพูดอย่างจริงจังและตรงไปตรงมา พุดแก้วเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างไม่หวั่นเกรงเช่นกัน
ว่าไงก็ว่ากันล่ะ งานนี้!
