บทที่ 5 โดนทิ้ง
แก้วลดาชำเลืองมองคนตัวโตซุกหน้าหล่อคมกับเต้าสวยอวบอั๋น เธอรู้สึกอายเหลือเกินที่เผลอไผลมีอะไรกับเขาอีกครา ทั้งที่พยายามจะไม่ให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น แต่ทว่าเพียงเขาสัมผัสเรือนร่างของเธอก็อ่อนยวบอย่างห้ามใจไม่ได้ เขาช่างมีอิทธิพลต่อเธอยิ่งนัก ขนาดเมธัสอดีตแฟนหนุ่มไม่เคยทำให้รู้สึกเช่นนี้มาก่อน
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งตื่นจากภวังค์
“ค่ะ” ใบหน้าจิ้มลิ้มหันไปอีกด้าน ไม่กล้าสบตาเขา
“แก้ว”
“คะ”
“หันหน้ามาทางนี้” สั่งเสียงเข้มแกมบังคับ
“เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าคะ แก้วขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” ไม่พูดเปล่าเตรียมจะก้าวลงจากเตียง แต่ช้าไปกว่าอนาวิลที่คว้าร่างอรชรเข้าสู่อ้อมแขน
“จะไปไหนแก้ว” กระซิบถามข้างใบหูของคนตัวเล็กพลางทอดสายตามองลำคอระหง
“คุณธันย์ปล่อยเถอะ แก้วจะรีบไปอาบน้ำต้องไปทำงานอีก” พยายามขัดขืนเล็กน้อย อกแกร่งที่เปลือยเปล่าแนบชิดกับแผ่นหลังเล็กส่งผลให้แก้วลดาร้อนรุ่มทั่วสรรพางค์ บัดนี้เริ่มหายใจติดขัด
“เขินเหรอ” เขาถามเสียงอ่อน สังเกตเห็นใบหน้างดงามแดงระเรื่อ
“ปะ เปล่าค่ะ”
“งั้นเหรอ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างไม่เชื่อกับคำตอบ จากนั้นกดจูบแก้มนุ่มหนัก ๆ อย่างมันเขี้ยว “หอมจังเลย แก้มของเธอ”
“ไอ้คนฉวยโอกาส” บ่นอุบอิบแต่คนหูดีได้ยินชัดเจนและมิวายแกล้งเธอคืน
“ว่าฉันเหรอแก้ว แบบนี้ต้องโดนทำโทษ” สิ้นประโยคคำพูด อนาวิลพลิกร่างอรชรหันมาประชันหน้าก่อนทาบริมฝีปากหนาบนกลีบปากอบอิ่ม มอบจูบแสนหวานในยามเช้าอย่างหยอกเย้า ขบเม้มกลีบปากนุ่มเบา ๆ จนหนำใจและปล่อยเป็นอิสระเพราะกลัวคนตัวเล็กจะขาดอากาศหายใจ
“คุณธันย์”
“ว่าไงเหรอ” ฝ่ามือหยาบกร้านเชยคางมนขึ้นมาประสานสายตา จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตอย่างสื่อความหมาย
“ทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนเหรอคะ” อดไม่ได้จะเอ่ยถาม
“ไม่เคย ฉันทำแบบนี้กับเธอคนแรก”
คำพูดของเขาทำใจของเธอเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ ก่อนจะใจแป้วในประโยคถัดมา
“ปกติคนที่นอนกับฉันจะแยกย้ายหลังเสร็จกิจทันที ไม่เคยค้างด้วยหรอก”
“อ๋อค่ะ” เอ่ยตอบเสียงแผ่วเบา แอบคิดเล่น ๆ เธอคือคนที่เท่าไรของเขาแล้ว
“เป็นอะไร”
“เปล่าค่ะ แก้วขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวไปทำงานสาย”
“ฉันจะรอ ไปทำงานพร้อมกัน ห้ามปฏิเสธ”
“ก็ได้ค่ะ” แก้วลดาตอบเสียงอ่อน ยอมทำตามคำสั่งของเขาอย่างว่าง่ายเพราะใกล้สาย
ระหว่างการทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นเหมือนทุกวัน กระทั่งเพื่อนในแผนกชวนคุย
“นี่แก้วรู้หรือเปล่า ท่านประธานกิ๊กกับคุณซอนย่า”ขวัญดาวถาม
“ไม่รู้” แสร้งพูดปด
“ไม่แปลกแก้วจะไม่รู้ก็เพิ่งเข้ามาทำงาน” สายป่านเพื่อนอีกคนกล่าวขึ้น
“แก้วว่าเราอย่ายุ่งเรื่องของเจ้านายเลย” แก้วลดาพยายามจะตัดบทแต่เพื่อน ๆ ยังคงพูดต่อ
“ไม่ยุ่งไม่ได้หรอกแก้ว ในแผนกนี้มีใครบ้างไม่อยากได้ท่านประธานมาเป็นหลัว หล่อเหลาขนาดนั้น แถมดีกรีไม่ธรรมดาจบนอกด้วยนะ” ขวัญดาวอธิบาย
“ต่อให้เป็นเมียเก็บของท่านประธาน ฉันก็ยอม” สายป่านพูดพลางหัวเราะเบา ๆ
“โอ๊ย...แกคิดเหรอท่านประธานจะเอาแกนังสายป่าน สวยสู้แม่เลขานั่นไม่ได้เลย ถ้าเป็นแก้วว่าไปอย่าง ใช่ไหมแก้ว” ขวัญดาวหันไปขอคำตอบจากแก้วลดา ซึ่งส่งผลให้คนกำลังเหม่อสะดุ้ง
“วะ ว่าไงนะ”
“เป็นอะไรแก้ว” สายป่านถามขึ้นด้วยความห่วงใยพร้อมสะกิดแก้วลดา
“แก้วขอตัวไปห้องน้ำก่อน” ว่าพลางเด้งตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วย่างกรายจากไปทันใด
ขณะกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับเรื่องที่เพื่อนพูดถึงเมื่อสักครู่ จึงไม่ทันระวังบังเอิญชนเข้ากับร่างแกร่งของใครคนหนึ่ง แขนกำยำคว้าเอวคอดไว้ทันเลยไม่ทำให้หญิงสาวล้มลงกองกับพื้น
“พี่เมฆ” เมื่อเห็นว่าเป็นใคร แก้วลดารีบผลักเจ้าของอ้อมแขนออกห่าง
“แก้ว แก้วจริงด้วย พี่คิดถึงเหลือเกิน” คว้าข้อมือเล็กขึ้นมากุมด้วยความดีใจ
“อย่ามายุ่งกับฉัน” สะบัดแขนเรียวออกจากการเกาะกุมอย่างรุนแรง จ้องเขม็งคนตัวโตอย่างเกลียดชัง
“แก้วเป็นยังไงบ้าง เมื่อคืนตอนพี่รู้ว่าแก้วโดนไล่ออกจากบ้าน พี่เป็นห่วงมากเลยรู้ไหม พี่อยากจะออกไปตามหาแก้วแต่นิดาไม่ยอม”
“คุณไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับฉันระหว่างเรามันจบไปตั้งนานแล้ว” เธอไม่ได้รู้สึกกับคนตรงหน้าอีกแล้ว นับตั้งแต่วันที่เขาเลือกจะทิ้งเธอและแต่งงานกับภานิดา ความรักระหว่างเธอและเขาจบสิ้นตั้งแต่วินาทีนั้น
“พี่รักแก้ว รักเหมือนเดิม รอพี่กับนิดาหย่าก่อนนะแล้วเราจะแต่งงานกัน”
เพียะ!
“คนเห็นแก่ตัว” แก้วลดามองคนตรงหน้าด้วยแววตาขยะแขยง เขาพูดอย่างนี้ออกมาได้อย่างไร
“แก้ว” เมธัสมองหญิงสาวอย่างคาดไม่ถึงที่โดนเธอตบหน้า
“แล้วคุณขึ้นมาบนตึกนี้ได้ยังไง” แก้วลดากวาดสายตามองดูผู้คนรอบกาย ก่อนหน้านี้มัวแต่โมโหจนลืมเรื่องนี้ไปเลย หากใครมาเห็นเธอกับเขายืนคุยกันมีหวังต้องเกิดเรื่องแน่
“แก้วไม่ต้องทำเหมือนกลัวขนาดนั้นหรอก พี่ไม่ได้แอบขึ้นมาเอง พอดีบริษัทที่พี่ทำงานอยู่ส่งตัวพี่มาคุยเรื่องสัญญากับคุณธันย์”
“งั้นคุณก็ไปสิมายุ่งวุ่นวายกับฉันทำไม”
“พี่คิดถึงแก้ว พี่รู้ว่าแก้วทำงานที่นี่ก็เลยมาหา” เมธัสถือวิสาสะดึงร่างอรชรมากอด
“ปล่อยฉันนะ” พยายามขัดขืนสุดฤทธิ์ เธอกลัวมีใครจะผ่านมาเห็นเพราะตรงนี้เป็นที่สาธารณะ
“พี่รักแก้วกลับมาคบกันเถอะ” เมธัสพร่ำบอกความรู้สึกที่มีต่อแก้วลดา
“คุณธันย์” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา ดวงตากลมโตเบิกกว้าง นี่เขามายืนตั้งแต่ตอนไหนแล้วได้ยินอะไรบ้าง
“อะแฮ่ม ขอโทษที่ขัดพวกคุณสองคนนะครับ แต่ตอนนี้เป็นเวลางาน” อนาวิลเอ่ยขึ้น ทำให้เมธัสยอมปล่อยแก้วลดาเป็นอิสระ
“คุณธันย์” เมธัสหันไปมองข้างหลังตัวเอง
“แก้วขอตัวก่อนนะคะ” แก้วลดาก้มหน้าเดินจากไป ปล่อยให้ชายหนุ่มทั้งสองอยู่ด้วยกัน
“ผมไม่เห็นรู้มาก่อนเลย คุณเมฆกับพนักงานของผมจะรู้จักกัน”
“แก้วเป็นคนรักของผม เราคบกันตั้งแต่เธอเรียนมหาลัยปีสาม”
“งั้นเหรอ” อนาวิลพยายามข่มอารมณ์พลุ่งพล่าน เนื่องจากคำพูดของเมธัสทำให้เขาหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก จู่ ๆ ก็แอบอ้างว่าแก้วลดาเป็นคนรักของตัวเอง ทั้งที่เขากับแก้วลดาอยู่ด้วยกันทั้งคืนและรู้สึกโมโหคนตัวเล็กยอมให้ชายอื่นกอดหน้าตาเฉย โดยไม่คิดขัดขืน
“ครับ”
“เชิญคุณเมฆไปห้องประชุมเถอะ ใกล้ถึงเวลาแล้ว” อนาวิลตัดบท ชายหนุ่มไม่อยากฟังเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเมธัสกับแก้วลดามากนัก ยิ่งฟังยิ่งหงุดหงิดเปล่า ๆ
หลังเลิกงานแก้วลดามายืนรออนาวิลที่ป้ายรถเมลตามที่นัดไว้เมื่อช่วงเช้า ทว่ารอไปสักพักจนเกือบหกโมงเย็นก็ยังไร้วี่แววของคนตัวโต เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่หลายรอบ หนำซ้ำฝนใกล้ตกเต็มที
“เมื่อไรคุณจะมาคะ คุณธันย์” แก้วลดาชะโงกมองไปทางตึกบริษัท ซึ่งขณะนี้ผู้คนเริ่มทยอยออกจากบริษัทใกล้หมดเต็มที
“อ้าวแก้วยังไม่กลับอีกเหรอ” ขวัญดาวเพิ่งออกมาจากบริษัทเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นแก้วลดายังนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล
“แก้วรอเพื่อนมารับ” เผยยิ้มอ่อน
“เหรอ”
“อืม”
“เออ แก้วยังจำเรื่องที่ขวัญเล่าเมื่อช่วงกลางวันได้ไหม”
“เรื่องอะไรเหรอ” คิ้วเรียวสวยเลิกขึ้นสูง
“เรื่องท่านประธานกับยัยแม่เลขานั่นไง แก้วรู้ไหมเมื่อกี้ขวัญเห็นท่านประธานพาแม่เลขานั่นนั่งรถออกไปด้วยกันแหละ”
“พวกเขาไปด้วยกันเหรอ” เอ่ยถามเสียงแผ่วเบา ในใจกำลังเจ็บปวด
“ใช่ บอกแล้วท่านประธานกับซอนย่ากิ๊กกัน” ขวัญดาวเผยยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงตัวสวยแต่แก้วลดากลับหน้าซีดเผือด
“เอ่อ แก้ว ขวัญไปก่อนนะแฟนมารับพอดี” ขวัญดาวพูดพลางเด้งตัวลุกขึ้น แล้วย่างกรายไปขึ้นรถเก๋งก่อนรถแล่นจากไป ทิ้งแก้วลดานั่งเพียงลำพัง
“เขาไปกับผู้หญิงคนนั้นเหรอ” แก้วลดามองเบื้องหน้าที่มีสายฝนโปรยปราย ท้องฟ้ามืดครึ้ม ขณะนี้ใจห่อเหี่ยวเหลือเกิน ทำไมกันนะเธอถึงเจ็บปวดราวกับถูกเข็มนับหมื่นเล่มทิ่มแทงเมื่อรู้ว่าเขาทิ้งเธอไปกับคนอื่น
