บทที่ 3 ออกจากบ้าน
“น้องแก้วคะ รบกวนนำแฟ้มเอกสารอันนี้ไปให้ท่านประธานเซ็นหน่อยค่ะ แล้วรับกลับมาเลยนะพี่ต้องการใช้ด่วน” มณีนุชหัวหน้าแผนกการตลาดยื่นเอกสารแก่แก้วลดา
“ได้ค่ะพี่มณี” ส่งยิ้มหวานแก่หัวหน้า
“ฝากด้วยนะ” ตบบนไหล่มนแผ่วเบาก่อนเดินจากไป
แก้วลดานำแฟ้มเอกสารมาแนบอกพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วตรงไปยังชั้นผู้บริหาร แต่เมื่อมาถึงกลับไม่พบกับซอนย่าเลขาของอนาวิล
“เฮ้อ เอาไงดีทีนี้” พ่นลมหายใจเฮือกหนึ่ง
นับจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นซึ่งผ่านมาแล้วเกือบสองเดือน ระหว่างเธอและอนาวิลทุกอย่างกลับมาสู่สถานะเดิม เขาเป็นเจ้านาย ส่วนเธอก็เป็นแค่ลูกน้อง ทุกครั้งบังเอิญเจอหน้ากันไม่มีการพูดถึงคืนนั้นอีกเลย
“เอาเถอะแก้ว แกทำได้อยู่แล้ว” รวบรวมความกล้าก่อนเอื้อมมือเคาะประตูห้อง รอเพียงไม่นานเจ้าของห้องก็ตอบกลับมา
“ขออนุญาตคะท่านประธาน”
เสียงหวานคุ้นหู ส่งผลให้คนกำลังวุ่นวายกับกองเอกสารถึงกับเงยหน้าขึ้นมอง
“มีอะไร” เอ่ยถามเสียงเรียบ ทว่าในใจกลับเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ เพราะตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมาเขาแทบไม่มีอะไรกับใครเลย เนื่องจากติดใจในเรือนร่างของคนตรงหน้า
“แก้วนำเอกสารจากแผนกการตลาดมาให้ท่านประธานเซ็นค่ะ”
“วางลงสิ”
“ค่ะ” แก้วลดาวางแฟ้มตรงหน้าชายหนุ่มและไม่ยอมออกไปทันใดเพราะต้องนำกลับไปด้วย ซึ่งทำให้อนาวิลมองเธออย่างฉงน
“มีอะไรอีก”
“รบกวนท่านประธานเซ็นเลยได้ไหมคะ คือแก้วต้องนำกลับไปด้วย” บอกอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เขาในตอนนี้ช่างแตกต่างกับคืนนั้นอย่างสิ้นเชิง คืนนั้นเขาอ้อนเธอหนักมากหนำซ้ำยังเซ็กซี่อีกต่างหากทำเธออ่อนระทวยไปหมด แค่น้ำเสียงทุ้มกระซิบข้างหูพร้อมลมอุ่นเป่ารดต้นคอ ใจก็เต้นแรงแทบปะทุออกนอกอก
“แก้วลดา แก้วลดา”
“คะ”
“เป็นอะไร ฉันเรียกเธอหลายครั้งแล้ว”
“ปะ เปล่าค่ะ”
“นี่แฟ้มของเธอ ฉันเซ็นให้แล้ว” เขายื่นแฟ้มแก่คนตรงหน้า
“ขอบคุณนะคะ” เธอรับมากอดแนบอกพร้อมส่งยิ้มหวานแก่เจ้านายหนุ่ม รอยยิ้มหวานกลับทำให้คนอีกฝ่ายหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก
“แค่นี้เองใช่ไหม” ไม่ใช่อะไรหรอกที่รีบไล่เธอออกจากห้อง เพราะอยากกลบเกลื่อนความรู้สึกในใจ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันทำไมต้องหวั่นไหวกับผู้หญิงคนนี้
“ค่ะ”
อนาวิลมองตามแผ่นหลังเล็กจนลับหาย ทั้งที่มีคนมากมายเข้ามาในชีวิตกลับไม่เคยมีใครทำให้หวั่นไหวเท่านี้มาก่อน หากจะบอกว่าเพราะเขาได้เป็นคนแรกของเธอก็ไม่น่าจะใช่
“ช่างมันเถอะ” สลัดความคิดในศีรษะทิ้ง แล้วจัดการเอกสารตรงหน้าต่อ
ตลอดเวลาการทำงาน แก้วลดามักจะว้าวุ่นเพราะคิดถึงใบหน้าคมคายของเจ้านายหนุ่ม จนแทบไม่เป็นอันทำการทำงาน แค่ได้เจอเขาเพียงลำพังอีกครั้ง ฉากรักคืนนั้นก็วนเข้ามาในสมองอีกหนเป็นฉาก ๆ ราวกับหนังม้วนหนึ่ง
“น้องแก้วคะ เลิกงานแล้วกลับกันเถอะ” มณีนุชตบบ่าลูกน้องสาวแผ่วเบาก่อนจากไป
“แก้ววันนี้เงินเดือนออกแล้วไปกินปิ้งย่างกันไหม” ขวัญดาวเพื่อนในแผนกเอ่ยขึ้น
“ขอตัวละกัน วันนี้แก้วไม่ค่อยสะดวก”
“ไม่เป็นไร งั้นขวัญไปก่อนนะ พอดีคนอื่นรออยู่”
“อืม” ใจหนึ่งอยากไปนั่นแหละ แต่ติดตรงเงินเดือนเด็กจบใหม่น้อยกอปรกับมีภาระมากมาย จึงไม่อยากใช้เงินฟุ่มเฟือย
แก้วลดากลับมาถึงบ้านในช่วงเวลาหกโมงครึ่ง ไม่ทันจะก้าวเท้าขึ้นบันไดบ้านเสียงของป้าก็ดังขึ้น
“กลับมาแล้วเหรออีแก้วไหนเงินล่ะ เงินเดือนออกแล้วไม่ใช่เหรอ” ภาสินีแบมือขอเงินจากหลานสาวของสามี
“นี่คะ” แก้วลดาหยิบซองสีขาวในกระเป๋าสะพายยื่นแก่ผู้เป็นป้า
“แค่นี้เองเหรออีแก้ว ห้าพันมันจะพออะไร” ภาสินีมองเงินในซองก่อนโวยวายใส่คนตรงหน้า
“เงินเดือนแก้วแค่สองหมื่นเอง แก้วต้องจ่ายค่าผ่อนบ้านอีก ไหนจะค่าน้ำค่าไฟอีกต่างหาก แก้วให้ป้าห้าพันก็เยอะแล้ว ป้าเลิกเล่นการพนันเถอะจะได้มีเงินเก็บ”
เพียะ! ภาสินียกมือฟาดหน้างดงามอย่างจัง
“มึงมีสิทธิ์อะไรมาว่ากูอีแก้ว กูเลี้ยงมึงมาตั้งแต่พ่อแม่มึงตาย จำใส่สมองโง่ ๆ ของมึงไว้ด้วย กูคือผู้มีพระคุณของมึง อย่าเสือกมาว่ากู” ภาสินีเอานิ้วจี้หัวของแก้วลดาอย่างโมโห
“แก้วเหนื่อยที่จะต้องทนกับป้าแล้วนะคะ”
“ทำไมมึงจะทำอะไรกู” ภาสินีพูดอย่างท้าทาย
“แก้วไม่ทำอะไรป้าหรอกค่ะ แก้วแค่จะบอกว่าแก้วทนไม่ไหวอีกแล้ว แก้วจะไปจากที่นี่” แก้วลดาบอกอย่างที่ใจรู้สึก
“เออ มึงจะไปไหนก็ไป แต่ก่อนไปมึงเอาเงินค่าที่กูเลี้ยงดูมึงมาก่อน”
แก้วลดาสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ก่อนหยิบเงินในกระเป๋าที่ตั้งใจจะนำมาจ่ายค่าผ่อนบ้านยื่นแก่หญิงวัยกลางคน
“ก็แค่นี้” ภาสินีมองเงินในมือจำนวนหนึ่งพร้อมยิ้มกรุ้มกริ่ม
“รีบขึ้นไปเก็บของมึงสิ แล้วไสหัวออกจากบ้านกู” นับจากนี้เธอไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเงินของแก้วลดา เพราะเธอมีลูกเขยอย่างเมธัส
“ไม่ต้องไล่ค่ะ แก้วไปอยู่แล้ว” พูดจบ แก้วลดาหมุนตัวก้าวขึ้นบันได เพื่อเก็บสัมภาระ
หญิงสาวใช้เวลาไม่นานในการเก็บเสื้อผ้าก็เรียบร้อย ระหว่างกำลังยกกระเป๋าลงจากบันไดบังเอิญสวนทางกับเมธัสและภานิดา
“แก้วจะไปไหน” เมธัสคว้าท่อนแขนเรียว
“ไม่เกี่ยวกับคุณ” มือเรียวปัดแขนกำยำออกห่าง จากนั้นรีบก้าวลงบันไดแต่เมธัสยังคงวิ่งตามไม่เลิก
“เดี๋ยวก่อนสิแก้ว นี่แก้วจะไปไหน” เขาคว้าท่อนแขนเล็กอีกครั้ง
“พี่เมฆอย่าไปจับมัน” ภานิดาคว้าแขนแกร่งของสามีมากอด
“อย่ามายุ่งกับฉัน” แก้วลดาเอ่ยเสียงเย็น
“นังแก้วนั่นแกจะไปไหน” คราวนี้ภานิดาเป็นฝ่ายถามขึ้น เนื่องจากเพิ่งกลับมาจากทานอาหารนอกบ้านกับเมธัสเลยไม่รู้เรื่อง
“แม่ไล่มันออกไปเองแหละ เกลียดขี้หน้า” เสียงของภาสินีแทรกขึ้น
“ขอตัวก่อน” เธอไม่มีอะไรจะพูดกับคนในครอบครัวนี้อีกต่อไป นับจากนี้ถือว่าขาดกัน เมธัสจะวิ่งตามหลังแก้วลดาแต่ถูกภานิดารั้งไว้พร้อมพาขึ้นห้อง
วันนี้อนาวิลเคลียร์งานเสร็จเกือบสามทุ่ม ระหว่างทางกลับคอนโดเขาเห็นร่างคุ้นเคยของใครคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงป้ายรถเมล ไม่รอช้าจะหักพวงมาลัยรถไปอีกฝั่งก่อนแล่นรถไปจอด
“แก้วลดา”
“ท่านประธาน” แก้วลดาเงยหน้ามองคนตรงหน้าอย่างคาดไม่ถึง ไม่นึกเลยเวลานี้จะเจอคนรู้จัก
หลังจากออกจากบ้านของภาสินี เธอไม่รู้จะไปไหน ครั้นจะไปเปิดห้องเพื่อเช่าอยู่รายวันก็มีเงินแค่หนึ่งพันบาท เธอต้องเก็บไว้ใช้วันอื่น ๆ สุดท้ายไม่มีทางไปต้องมานั่งที่ป้ายรถเมล
“มานั่งทำอะไรตรงนี้” เอ่ยถามด้วยความห่วงใย ความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นเองโดยไม่รู้ตัว
“เอ่อ แก้ว...” พูดตะกุกตะกัก
“อย่าบอกนะว่าโดนไล่ออกจากบ้าน” เขามองดูกระเป๋าข้างลำตัวแก้วลดาก่อนช้อนตามองหน้าหวาน
“หน้าเธอเป็นอะไร โดนตบด้วยเหรอ” เขาเพิ่งสังเกตเห็นตรงแก้มนวลมีรอยแดง
“คือ แก้ว...”
“พูดมาสิแก้วลดา” เขย่าไหล่บอบบางทั้งสองข้างไปมา ส่งผลให้คนตัวเล็กเวียนศีรษะจนอยากอาเจียน
“ท่านประธาน แก้วเวียนหัว” มือเล็กดันอกแกร่งออกห่างก่อนวิ่งไปอาเจียน
“เธอท้องเหรอ”
“ฮะ!!” แก้วลดาหันไปมองหน้าคมคายอย่างฉงน
“ก็เธออาเจียน”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรคะ” เธอแค่โดนเขาเขย่าจนเวียนหัวแล้วอยากอาเจียนขึ้นมาเท่านั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับท้องสักหน่อย คราวก่อนตอนมีอะไรกับเขา เธอกินยาคุมฉุกเฉินทันและประจำเดือนเพิ่งหมดสองสามวันก่อน
“คืนนั้นฉันไม่ได้ป้องกัน เมื่อกี้เธอเพิ่งจะอาเจียน ถ้าให้ฉันเดานี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอโดนไล่ออกจากบ้าน” สรุปเองอย่างเสร็จสรรพ
“คือ...”
“เธอไม่ต้องกลัว ฉันไม่ไล่เธอไปทำแท้งหรอก ลูกทั้งคน”
“แต่แก้วไม่ได้...” กล่าวเพียงเท่านั้นก็ต้องเงียบลง เนื่องจากมีความคิดหนึ่งแวบเข้าในสมอง เธอจะยอมไหลไปตามน้ำก่อนแล้วค่อยอธิบายกับเขาทีหลัง ตอนนี้ขอเอาตัวรอดก่อน
“เธอท้องใช่ไหม” ถามย้ำอีกครั้งเพราะคนตัวเล็กเอาแต่เงียบ
“ค่ะแก้วท้อง”
“งั้นขึ้นรถ เรามีเรื่องต้องคุย” ไม่พูดเปล่าคว้ากระเป๋าพร้อมจูงมือแก้วลดาไปยังรถคันหรู
