บทที่ 2 ค่าตัว
บทสวาทเมื่อคืนจบลงในช่วงเวลาตีสาม ทำเอาแก้วลดาไร้เรี่ยวแรงทีเดียวกว่าหญิงสาวจะตื่นก็เป็นเวลาบ่ายของอีกวัน ทันทีที่ลืมตาขึ้นกลับพบใบหน้าคมคายซุกทรวงอกอวบอั๋นและแขนกำยำโอบกระชับเอวคอดแน่นราวกับกลัวเธอจะหาย
ดวงตากลมโตมองสำรวจหน้าคมคาย คิ้วเข้มดกดำ จมูกโด่งคมสัน ริมฝีปากหยักได้รูปและที่ทำให้เธอใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะก็ตรงบทรักสุดเร่าร้อน ยอมรับได้เลยตอนแรกเจ็บแต่ช่วงหลังกลับชอบก็เขาเอวดีเหลือเกิน
“แกคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ยแก้ว” มือเล็กยกขึ้นมาประคองหน้าจิ้มลิ้มพลางส่ายไปมา ส่งผลให้คนกำลังหลับใหลสะดุ้งตื่น ค่อย ๆ ปรือตาขึ้นทีละนิด
“ตื่นแล้วเหรอ กี่โมงแล้วล่ะ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“ขอตัวก่อนนะคะ” แก้วลดาไม่ตอบคำถามคนตัวโตเนื่องจากยังคงอับอายกับฉากรักเมื่อคืน เธอรีบตวัดผ้าห่มออกจากเรือนร่าง เท้าเล็กแตะลงสู่พื้นหมายจะหยิบเสื้อผ้าบนพื้นขึ้นมาสวมใส่ แต่ไม่ทันจะลุกขึ้นยืนก็ล้มลงกองกับพื้นเสียก่อน
“โอ๊ย”
“เป็นอะไรไหม” อนาวิลรีบลงจากเตียงไปดูคนตัวเล็ก
“ไม่เป็นไรค่ะ” ส่ายหน้าไปมา เธอไม่กล้าบอกเขาว่าเจ็บตรงนั้น
“จะไปไหน”
“แก้วจะไปอาบน้ำ จะได้รีบกลับบ้าน”
“อืม” ตอบรับในลำคอสั้น ๆ ก่อนอนาวิลจะช้อนร่างอรชรเข้าสู่อ้อมแขน
“ท่านประธานคะ คือแก้ว…” เธอพูดเพียงเท่านั้นก็ต้องเงียบลง เนื่องจากสายตาคมจ้องเขม็งอย่างไม่พึงพอใจ เขาไม่ชอบให้ใครขัดใจ
“ถ้าไม่อยากให้ฉันเสียเวลามากกว่านี้ก็เงียบซะ”
“ค่ะ” ตอบเสียงแผ่วเบา ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาเป่ารดต้นคอขาวเนียนทำให้ใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ยิ่งนึกถึงบทรักเมื่อคืนหน้าเริ่มร้อนผ่าวขึ้นทันใด
“เป็นอะไร” อนาวิลสังเกตใบหน้างดงามแดงระเรื่อ
“เปล่าค่ะ”
“รีบอาบน้ำ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” เขาวางคนตัวเล็กในอ้อมแขนลงทันทีที่ถึงห้องน้ำ
แก้วลดาใช้เวลาชำระร่างกายประมาณยี่สิบนาทีก็เรียบร้อย จากนั้นย่างกรายไปหาคนตัวโตที่นั่งปลายเตียงในสภาพสวมใส่ชุดคลุมอาบน้ำ
“เสร็จแล้วเหรอ” เงยหน้ามองคนตัวเล็ก
“แก้วขอตัวกลับก่อนนะคะ” เธอไม่ตอบคำถามเขาแต่เลือกเอ่ยจุดประสงค์ของตนเอง
“นั่งลงก่อนสิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
นัยน์ตาคู่สวยปรายตามองพื้นที่ว่างข้างเขาก่อนเอ่ยตอบ
“ไม่เป็นไรค่ะ แก้วยืนได้”
“อืม ตามใจ” อนาวิลไม่ได้ซักไซ้มากมาย เขาเด้งตัวลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะข้างหัวเตียงก่อนเดินมาหาเธออีกครั้ง “ฉันขอเลขบัญชีด้วย”
“เอาทำไมคะ” คิ้วโก่งสวยเลิกขึ้น
“เรื่องเมื่อคืน”
แก้วลดารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ คำพูดของเขาไม่ต่างกับมีดเล่มคมปักกลางหัวใจ
“ท่านประธานจะคุยกับแก้วแค่นี้เองใช่ไหมคะ” ไม่อยากจะพูดกับเขาไปมากกว่านี้ เพราะรู้สึกเหมือนโดนด้อยค่ายังไงไม่รู้ ถึงเงินจะเป็นส่วนสำคัญของชีวิตแต่ก็ไม่ได้อยากได้มาด้วยวิธีแบบนี้ มันไม่ต่างกับการขายเรือนร่างให้กับคนรวย
“เธออยากได้เงินเท่าไรก็บอกมา ฉันยินดีจ่ายไม่อั้นถือว่าชดใช้ในสิ่งที่เธอสูญเสีย” อนาวิลคิดว่าแก้วลดาต้องการเป็นฝ่ายเรียกค่าตัวจึงไม่ได้ขัดข้อง ยอมให้เธอเสนอมาโดยดี
“ช่างมันเถอะค่ะ เมื่อคืนก็แค่ความผิดพลาด ท่านประธานก็คงไม่ได้อยากให้เกิดขึ้นใช่ไหมคะ” ถ้าเธอไม่เมาจนเดินเข้าห้องผิด คนที่อยู่ในห้องนี้กับเขาคงเป็นซอนย่า
“เอาเลขบัญชีมาเถอะ ฉันไม่อยากเอาเปรียบเธอ”
“แก้วขอตัวก่อนนะคะ” เอ่ยตัดบท มือเรียวคว้าเสื้อผ้าบนพื้นขึ้นมา แล้วตรงไปห้องน้ำก่อนจะรีบเปลี่ยนและออกไปจากห้องทันใด ไม่แม้เหลียวมองคนตัวโตสักนิด
เท้าเรียวก้าวลงจากแท็กซี่ พ่นลมหายใจเฮือกหนึ่งพลางทอดสายตามองบ้านขนาดกะทัดรัดเบื้องหน้า เธออาศัยอยู่กับครอบครัวของลุง พ่อแม่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุตั้งแต่เธออายุสิบขวบ
เมื่อก่อนเคยอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยความสุข ทว่าตั้งแต่ลุงเสียชีวิตเมื่อสามปีก่อน ภาระในบ้านทุกอย่างตกเป็นหน้าที่ของเธอ เธอต้องทำงานหนักตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อเลี้ยงดูป้าและลูกสาวของป้า
“กลับมาแล้วเหรอนังแก้ว”
แก้วลดากำลังจะก้าวเท้าขึ้นบันไดบ้านต้องหยุดชะงัก หันหลังกลับไปมองลูกพี่ลูกน้องของตัวเองที่มีอายุมากกว่าเธอสองปี แต่ชอบหาเรื่องกันไม่เว้นวัน ไม่รู้จะจงเกลียดจงชังอะไรนักหนา
“พี่นิดามีอะไรกับแก้วหรือเปล่าคะ”
“ทำไมแกเพิ่งกลับมาป่านนี้ เมื่อคืนบอกว่าจะไปงานเลี้ยงบริษัทไม่ใช่เหรอ” ภานิดามองแก้วลดาอย่างจับผิด
“เมื่อคืนแก้วเมานิดหน่อยเลยไปค้างบ้านเพื่อน”
“แกไปค้างบ้านเพื่อนจริงเหรอนางแก้ว แล้วรอยแดงที่คอแกล่ะ”
“แก้วขอตัวก่อนนะคะ” แก้วลดาดึงผมมาปิดตรงรอยแดง จากนั้นหันหลังเพื่อจะขึ้นไปบนห้องแต่ถูกภานิดากระชากผมอย่างแรงจนแทบหงายหลัง
“เจ็บนะพี่นิดา ปล่อยแก้ว” มือเรียวพยายามจะแกะมือภานิดาออกจากศีรษะ
“แกนี้มันสำส่อนจริง ๆ”
“เอะอะเสียงดังอะไรกัน” ภาสินีมารดาของภานิดาเดินมาหยุดข้างบุตรสาว
“แม่ก็ดูนังแก้วสิ มันไปนอนกับใครไม่รู้กลับมาคอแดงเชียว”
“ไหนอีแก้ว” ภาสินีจับไหล่มนของแก้วลดาพร้อมมองดูบริเวณคอระหงตามคำบอกของลูกสาว
“อีแก้ว!! นี่แกไปเอากับใครมาสภาพถึงเป็นอย่างนี้ งามหน้าไหมล่ะ”
“แก้วจะไปนอนกับใคร มันก็เรื่องของแก้วเกี่ยวอะไรกับป้าด้วยล่ะ” เธอทนให้กับสองแม่ลูกนี้มากพอแล้ว คราวนี้ขอตอบโต้บ้างเถอะ พวกเขาจะได้รู้สักทีเธอไม่ใช่ที่รองมือรองตีนให้ใครมาทำร้าย
“อีแก้ว มึงกล้าเถียงกูเหรอ” ภาสินีง้างมือจะฟาดหน้าหวาน แต่ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงของใครคนหนึ่ง
“หยุดนะ! แม่จะทำอะไรแก้ว” เมธัสเดินไปหยุดตรงหน้าภาสินีเพื่อบังร่างของแก้วลดา
“พี่เมฆมานี้เลย” ภานิดาดึงแขนแกร่งของสามีมายืนข้างตนเอง
“นี่มันเรื่องอะไร” เมธัสมองหน้าภานิดาสลับมองแก้วลดา
“จะอะไรอีกล่ะ ก็นังแก้วนะสิไปนอนกับใครไม่รู้ ดูคอมันสิ” ภานิดาชี้ไปยังลำคอขาวเนียนของญาติผู้น้อง
“จริงเหรอแก้ว” เมธัสถามเสียงอ่อน มองอดีตแฟนด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ” กล่าวจบ แก้วลดาวิ่งขึ้นบันไดบ้านอย่างไว ไม่สนใจว่าใครจะพูดอะไรบ้าง เมธัสกำลังจะวิ่งตามหลังแก้วลดาขึ้นบันไดไปแต่ถูกภานิดารั้งไว้
“พี่เมฆไปไหนจะตามมันไปเหรอ”
“พี่ก็จะขึ้นไปดูแก้วไง”
“ฉันไม่ให้พี่ไปดูมันหรอก อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าพี่ยังอาลัยอาวรณ์แฟนเก่าของพี่อีก”
“โธ่เว้ย!! น่ารำคาญจริง” เมธัสแกะมือของภานิดาออกจากแขนแกร่งแล้วเดินจากไป นี่เขาคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่ทิ้งแก้วลดาแล้วแต่งงานกับภานิดาผู้หญิงคนนี้ไม่มีอะไรดีเลย
หลังจากแก้วลดาเข้ามาในห้องนอนรีบล็อกประตูทันใด เท้าเล็กก้าวไปล้มตัวนอนบนเตียงขนาดกะทัดรัด เธออยากออกจากบ้านหลังนี้เหลือเกินแต่ติดตรงที่ว่าก่อนลุงเสียชีวิตได้ฝากฝังให้ดูแลภาสินีและภานิดา เธอจึงไปไหนไม่ได้เพราะไม่อยากผิดคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับลุงผู้ล่วงลับ
“พ่อแม่ แก้วจะทำยังไงดี” ดวงตากลมโตแหงนหน้ามองเพดานห้องสีขาวล้วน ก่อนจะนึกถึงใบหน้าของเมธัสอดีตคนรัก แววตาที่เขามองเธอเมื่อสักครู่เต็มไปด้วยความห่วงใย เธอและเขาคบกันตอนเธอเรียนมหาวิทยาลัยปีสาม ซึ่งเขามีอายุมากกว่าเธอหลายปี
ความสัมพันธ์คนทั้งคู่เริ่มต้นมาจากตอนเธอทำงานพาร์ทไทม์ในร้านหนังสือ ซึ่งเขาเป็นลูกค้าประจำ เธอตกหลุมรักเขาเพราะเห็นเป็นคนดี ชอบเรียนรู้และรักเดียวใจเดียว
ตลอดเวลาที่คบกันเขาให้เกียรติเธอเสมอไม่เคยล่วงเกินเลย เขาเคยสัญญาจะแต่งงานกับเธอหลังจากเรียนจบ แต่ความฝันของเธอดันพังทลายลงเมื่อเขาขอเลิกและไปแต่งงานกับภานิดาแทน
ถึงจะเสียใจแต่ก็ทำใจได้แล้ว และไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมกับเมธัสเพราะเจ็บและจำ
