7
“บ้า! ไปช่วยงานนมอ่อนดีกว่า” คนที่ได้ชุดสวยๆ จากห้องเสื้อของ แบรนด์ดังไปสิบกว่าชุดจากเจ้าชายผู้เย็นชา เตรียมจะเดินหนี
“เดี๋ยวสิไอโกะ! ผู้ชายบางคนน่ะก็ทำเป็นปากร้ายใส่คนที่ตัวเองชอบนะ เพราะอะไรรู้ไหม?” อาซามิรีบรั้งแขนของเพื่อนสาวเอาไว้
“ไม่ต้องบอก เราไม่อยากรู้” คนที่เขินจนหน้าแดงก่ำ รีบดึงมือออก แล้วเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว
อาซามิหัวเราะตามอย่างขำๆ ก่อนจะแอบล้วงกล่องใส่ของขวัญใบเล็กขึ้นมาแกะออกดู ปรากฏว่าข้างในเป็นกล่องกำมะหยี่สีครีม เธอจึงรีบเปิดดูของที่อยู่ด้านในทันที
“ขะ...เขาให้แหวนเพชรเม็ดใหญ่กับเราทำไมเนี่ย?” เธอจ้องมองแหวนเพชรเม็ดงามอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าชายหนุ่มที่หล่อเหลาดุจเจ้าชายกรีก จะให้ของมีค่าขนาดนี้กับเธอ ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ด้านคนที่อินเลิฟสุดๆ นั่งผิวปากมาตลอดทาง จนคนสนิทอดหันไปเอ่ยแซวไม่ได้ จากตอนแรกที่คิดว่าตนกับลูกน้องที่มาด้วยจะได้เข้าไปเก็บศพ ผู้เป็นนายแล้วนำกลับไปทำพิธีไว้อาลัยที่บ้าน เพราะเหลือบไปเห็นสีหน้าเอาเรื่องของไดอิจิเข้า ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ครั้นจะลงจากรถไปลากผู้เป็นนาย กลับก็ทำไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายสั่งเอาไว้ให้รออยู่แต่ในรถ จึงได้แต่พากันแอบลุ้นว่าสถานการณ์จะออกมาในรูปแบบไหน
“เป็นยังไงบ้างครับบอส”
“ยูกิสวยอย่างกับนางฟ้า คืนนี้ฉันคงจะนอนฝันดีแน่ๆ” หิรัญบอกด้วยสีหน้าเคลิ้มๆ
“แหม...พวกผมก็ลุ้น กลัวว่าคุณไดอิจิจะ...”
“มันไม่กล้าหรอก ขนาดฉันยืนจีบยูกิต่อหน้าต่อตา มันยังไม่ขัดคอเลย”
“คุณไดอิจิอาจจะกลัวบอสพูดเรื่องข้อตกลงหรือเปล่าครับ” ชาญชัยออกความเห็น
“ก็อาจจะใช่”
“แล้วคืนนี้บอสจะไปหาคุณแพมไหมครับ?”
“ไม่ล่ะ ไม่มีอารมณ์ ตรงกลับเพนต์เฮาส์ได้เลย”
“ครับ” ชาญชัยขานรับก่อนจะล้วงมือถือมาพิมพ์แชตไปยกเลิกนัดของนางเอกดัง คู่ขาคนล่าสุดของเจ้านาย ที่ช่วงหลังๆ มักจะขอนัดเจออยู่บ่อยๆ
ซึ่ง...ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังไม่รู้ว่า คนอย่าง หิรัญ ซานเตียนโน่ ไม่ชอบให้ใครตามจิก ยิ่งพอสาวที่หมายปองมานานเรียนจบและกลับมาไทยแบบนี้ โอกาสที่นางเอกดังจะได้เจอกับผู้เป็นนายอีกนั้น แทบจะเป็นศูนย์เลยก็ว่าได้
หิรัญนั่งอมยิ้มและจินตนาการไปถึงการได้นอนกกกอดนางฟ้าคนสวยในทุกๆ ค่ำคืน ก็ทำให้เคลิ้มหนักเข้าอีก ยิ่งได้มาเห็นรอยยิ้มหวานๆ เขาก็อยากจะดึงเธอเข้ามากอด จูบ ลูบคลำ ให้หายอยาก เอ๊ย! ให้หายคิดถึง
วันต่อมา...เวลา 10:49 น (ก่อนหน้าวันขึ้นชก 4 วัน)
เยลลี่ ผู้จัดการสาวประเภทสองกดรหัสที่แป้นพิมพ์หน้าห้องของนางเอกในสังกัดได้ไม่ถึงสองวิ ประตูห้องก็เปิดออก
“แพม แพม ตื่น” เยลลี่สะกิดเรียกคนที่นอนอยู่บนโซฟาให้ตื่นมาคุย เพราะกลัวว่าจะไปถึงกองถ่ายละครช้า
“อื้อ...” คนที่เมาเละเมื่อคืนครางตอบเบาๆ อย่างรู้สึกปวดหัว
“ตายแล้ว! ทำไมเป็นแบบนี้เนี่ย วันนี้มีถ่ายละครด้วย” เยลลี่ต่อว่า หลังได้กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยมาปะทะจมูกเข้าอย่างจัง
“แพมปวดหัวมาก ไปไม่ได้หรอกค่ะพี่เยลลี่” นางเอกสาวขยับตัวลุกนั่งด้วยท่าทางเพลียๆ หลังเห็นขวดเหล้าวางอยู่ข้างๆ โซฟา
“ไม่มา เสี่ยเบี้ยวนัดแพมมาสี่ครั้งแล้วค่ะ”
“ช่างเสี่ยเถอะน่า ผู้ชายน่ะถ้าเขารัก ไม่ต้องตามเขาก็มาหา” คนที่รู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีวันนี้ รีบเอ่ยปลอบ
“แต่เสี่ยคบกับแพมมาได้สามเดือนแล้วนะ อยู่ๆ จะมาเทกันแบบนี้ได้ยังไง?” แพมพิมายบอกอย่างหัวเสีย คิดว่าตัวเองจะพิเศษกว่าดารา-นางแบบคนอื่นๆ แต่ก็เปล่า สุดท้ายเธอก็ไม่ต่างจากผู้หญิงคนก่อนๆ ของเขา ที่ลงเอยแบบเดียวกัน
“คบลับๆ นับว่าคบกันเหรอยะหลอน อีกอย่างช่วงนี้เสี่ยคงจะซ้อมหนักเพราะใกล้จะถึงวันขึ้นชกแล้ว คงไม่มีเวลามาหาเธอหรอก”
“พี่เยลลี่” แพมพิมายกลอกตาที่ถูกตอกย้ำความจริง ใช่! เธอคบกับเขาแบบลับๆ ก็จริง แต่มันก็มีข่าวหลุดออกไปเป็นพักๆ ว่ามีซัมติงที่ลึกซึ้งต่อกัน
“ทำใจเถอะแพม ผู้ชายลองมาไม้นี้ คงจะมีใหม่แล้วแหละ อีกอย่างเขาก็บอกชัดเจนตั้งแต่แรกว่าคบแบบไร้พันธะ จำไม่ได้เหรอ” เยลลี่เตือนสติ
“แต่แพมรักเสี่ยไปแล้วนี่จะให้ทำยังไงล่ะ” คนที่เหนื่อยล้ากับการทำงานหนักมาหลายปี อยากจะใช้ชีวิตแบบสุขสบายกับผู้ชายรวยๆ สักคน ซึ่งเธอก็แอบหวังให้คนคนนั้นเป็น หิรัญ ซานเตียนโน่
“ตัดใจซะแพม ยังสาว ยังสวย ยังสดในวงการ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือโกยให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ดีกว่านะ เรื่องอื่นค่อยไปว่ากันทีหลัง”
“พี่ก็นึกถึงแต่เงิน” แพมพิมายมองค้อนผู้จัดการสาวประเภทสองอย่างขุ่นเคือง
“อ้าว! งั้นพรุ่งนี้ก็นัดแถลงข่าวลาออกจากวงการซะ แล้วไปตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไล่จับเสี่ยรัญดีไหม?” เยลลี่ตอกกลับทันใด
“อย่ามาประชดสิ” แพมพิมายบอกเสียงอ่อน
“เอาเป็นว่าวันนี้พี่จะโทรไปลาคนที่กองให้ แต่พรุ่งนี้แพมต้องพร้อมทำงานนะ” เยลลี่สรุปสถานการณ์ เพราะดูทรงแล้วอีกฝ่ายคงไม่น่าจะไปทำงานได้
“ขอบคุณค่ะพี่เยลลี่” แพมพิมายยกมือไหว้อย่างดีใจ
“เฮ้อ...จริงๆ เลยนะ หล่อนนี่น่าตีชะมัด” เยลลี่ส่ายหน้าอย่างเพลียๆ ก่อนจะล้วงมือถือมากดต่อสายหาผู้กำกับคนดัง เพื่อจะลางานให้กับเด็กในสังกัดของตน ที่ตั้งแต่แอบไปกินตับกับเสี่ยใหญ่สายเปย์ ก็ดูเหมือนไม่ค่อยจะมีกะจิตกะใจในการทำงานเอาซะเลย
“วันที่เสี่ยขึ้นชก แพมขอลาอีกวันหนึ่งนะคะ” คนที่ได้คืบจะเอาศอกบอกด้วยสีหน้าทะเล้น
“ทำไม? จะไปเชียร์ที่ข้างสังเวียนชกงั้นเหรอ?”
“ค่ะ” แพมพิมายฉีกยิ้ม ทั้งที่เมื่อคืนเพิ่งจะนั่งร้องไห้ไปหยกๆ
“แพม! นี่สมองเธอคิดอะไรอยู่ฮะ ไม่กลัวตกเป็นข่าวหรือไง”
“ไม่กลัวค่ะ แพมอยากไปให้กำลังใจเสี่ย นะคะพี่เยลลี่”
“แล้วถ้าถูกนักข่าวถามล่ะ?”
“แหม...งานการกุศลนะคะ” แพมพิมายบอกข้ออ้างที่เตรียมเอาไว้
“เฮ้อ...ต่อให้เธอลาอีกวัน บัตรเข้างานก็ขายจนหมดเกลี้ยงไปแล้ว”
“แพมมีค่ะ” คนที่แอบไปซื้อมาบอกยิ้มๆ
“ให้ตายสิ หล่อนนี่ร่านสุดๆ เลย”
“นะคะพี่เยลลี่ ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวค่ะ แล้วแพมสัญญาว่าต่อไปจะไม่ดื้ออีก”
“ก็ได้ๆ” เยลลี่กลอกตากับความพยายามของอีกฝ่ายที่สามารถไปหาบัตรเข้าชมแมตช์การชกมวยคู่เด็ดแห่งปีได้ ทั้งที่บัตรขายหมดตั้งแต่เปิดจองได้ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ
“ขอบคุณค่ะ” แพมพิมายยกมือไหว้ผู้จัดการส่วนตัวอย่างดีใจ พลางคิดไปว่า...จะแต่งตัวสวยๆ ให้สะดุดตาเสี่ยใหญ่ เพื่อที่เขาจะได้เรียกหาเธอทันทีหลังจากที่การชกยุติลง
