บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 บทเรียน

ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในฟาร์ม ใบหน้านิ่งขรึม เหล่าคนงานต่างก้มหน้าก้มตาทำงานไม่มีใครกล้าที่จะเผชิญหน้าเข้าใกล้เพราะรู้ดีว่าเหตุการณ์เมื่อวานทำให้นายหัวแห่งเกาะกระเช้าไข่มุกหัวเสียมากแค่ไหน

“นายหัว”

เปรมณัชรีบเข้ามาหาเพราะร้อนใจพอ ๆ กับเจ้านาย

“เจอตัวยัง”

“เอ่อ...”

“ตามไปคุยที่ห้อง” น้ำเสียงที่ติดขัดของลูกน้องคนสนิทและบริเวณนี้ไม่เหมาะที่จะคุยเรื่องสำคัญ เขาจึงเหลียวหน้าไปบอกให้เดินตามหลังมา

เมื่อเข้ามาในที่ปลอดภัย เก็บเสียงพอที่จะเอ่ยถาม ตุลธรจึงเป็นฝ่ายเปิดประเด็นทันที

“มันหนีไปกบดานที่ไหน”

“ไม่มีร่องรอยเลยครับ”

“เป็นอย่างที่ฉันคิดจริง ๆ”

ชัยวัฒน์ไม่มีทางทำคนเดียวโดยที่ไม่มีคนค่อยช่วยเหลือและไข่มุกที่ขโมยไปแน่นอนว่าจะต้องนำไปจ่ายหนี้สินในบ่อนการพนัน ซึ่งเป็นใครไม่ได้นอกเสียจากคนที่คอยราวี ตีตลาดแข่งกับเขามาโดยตลอด ‘พิภพ’ เจ้าของคาสิโนและร้านจิวเวลรี่ชื่อดัง

“ตามไปบุกที่บ่อนดีไหมครับ”

“ไม่” ตุลธรส่ายหน้าไปมา

“ในเมื่อเรารู้แล้ว ทำไมนายหัวไม่ไปตามตัวมันล่ะครับ” ลูกน้องคิ้วขมวดอย่างไม่เข้าใจ

“อย่าลืมสิ หลานสาวชัยวัฒน์อยู่ในกำมือเรา”

“เออจริงด้วย ว่าแต่นายจะส่งข่าวให้มันรู้เมื่อไหร่ครับ ผมจะได้ออกจากเกาะไปจัดการให้”

“ให้มันรู้เอง”

“ห๊ะ!?” คราวนี้เปรมณัชอุทานเสียงดัง เก็บความงุนงงไว้ไม่อยู่

“ฉันต้องการให้มันเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาฉันเอง”

“กว่ามันจะรู้ ของของนายมันคงขายไปหมดแล้ว”

“ไม่นานหรอก เชื่อฉันสิ” เพราะเขารู้ว่าพรพระพายเพิ่งจะเรียนจบและคิดว่าสองอาหลานน่าจะสนิทสนมกันพอตัว ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่กลับมาเยี่ยมอาตัวเองหรอก

ที่สำคัญเมื่อคืนเขาถือวิสาสะเช็คโทรศัพท์มือถือและรายชื่อโทรเข้าล่าสุดก็เป็นเบอร์ของ ‘ชัยวัฒน์’

“ฮ๊าดเช่ย!” จู่ ๆ ตุลธรก็จอมออกมา

“หึ ผมว่านายหัวต้องโดนผู้หญิงคนนั้นด่าอยู่แน่เลยที่จับตัวเธอมาแบบนี้”

“ไอ้เปรม!”

“แหะ ขอโทษคร้าบ”

เปรมณัชเกาศีรษะตัวเองแก้เก้อเมื่อโดนสายตาคมดุ

“เอ่อ...แล้วหลานสาวชัยวัฒน์ นายหัวจะให้มาขัดดอกจริงเหรอครับ” เขาไม่เคยเห็นการกระทำแบบนี้ของเจ้านายมาก่อนเพราะตุลธรเป็นคนที่ตรงไปตรงมา ออกจะขวานผ่าซากด้วยซ้ำ

ถ้ามีใครทำผิดก็จะจัดการคนนั้นทันที ไม่มีทางที่จะเอาบุคคลที่สามมาเกี่ยวข้อง

“ไม่จริงแล้วฉันจะลากตัวมาทำไมวะ” ตุลธรหย่อนตัวนั่งลงเก้าอี้ประจำของตัวเองพร้อมทั้งตะคอกกลับไป

“แล้วเธอไม่โวยวายเหรอครับ”

“โวยวายไปก็เหนื่อยเปล่า”

“นายหัวออกจากบ้านอย่างนี้ เธอไม่คิดหนีเหรอครับ”

“ฉันขังไว้ในบ้าน ทางเดียวที่จะออกจากบ้านได้คือหน้าต่าง ยัยนั่นคงไม่กล้าเสี่ยงตกเหวตายหรอก”

อึก!

เปรมณัชกลืนน้ำลายลงคอทันที นึกไม่ถึงว่าเจ้านายจะโหดไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ

“เอ่อ...แล้วหนี้ที่บอกไปนายหัวบวกดอกเบี้ยเพิ่มเหรอครับ ความจริงมันแค่ประมาณห้าล้าน ว่าแต่ทำไมดอกเบี้ยโหดจัง” เขายังมึนงงกับเรื่องนี้ไม่หายเช่นกัน ทว่าในตอนนั้นไม่กล้าเอ่ยทักเพราะโดนห้ามปรามด้วยแววตาซะก่อน

“หรือนายหัวถูกใจเลยอยากจับมาทำเมีย”

“ไอ้เปรม!” ดวงตาคมจ้องลูกน้องแข็งทื่อทันควัน

“คร้าบบบบ” ทำเอาเปรมณัชหดตัวขานรับพร้อมลากเสียงยาว

“คนที่จะเป็นนายหญิงของเกาะนี้ได้ ไม่ใช่ผู้หญิงแบบพรพระพาย” น้ำเสียงจริงจังหลุดออกมา แค่นึกถึงบางอย่างก็ทำให้ตุลธรเกิดอาการหัวเสียขึ้นมา

“ทำไมล่ะครับ เธอสวย ดูดี กว่าผู้หญิงที่ผ่านมาของนายหัวอีกนะผมว่า”

“สวยแต่รูปนะสิ” ตุลธรพึมพำเบา ๆ คนเดียว

“อะไรนะครับ”

ดวงตาคมเหลือบมองนิ่ง บ่งบอกว่าควรหยุดถามต่อเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น

“แหะ ๆ ผมแค่สงสัยเฉย ๆ” เปรมณัชหัวเราะกลบเกลื่อน ก่อนจะนึกบางอย่างได้

“ว่าแต่เธอต้องอยู่แต่ในบ้านนายหัว ไม่มีสิทธิ์ออกมาด้านนอกเลยเหรอครับ”

“มึงเป็นไร มึงอยากให้เมียมึงรู้ไหมว่ามึงถามถึงผู้หญิงคนอื่นเกินสามประโยคแล้วหา!?”

“อุ้ย! เล่นแรงนะครับเนี่ย ไม่อยากรู้แล้วครับ”

“ออกไป!”

ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ

ไม่ทันที่เปรมณัชจะลุกออกจากห้อง จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูหน้าห้อง ทำให้เปรมณัชลุกไปเปิดประตูให้คนด้านนอกเข้ามา

“นายหัวครับ มีคนเจอผู้หญิงแปลกหน้าเดินอยู่ท้ายเกาะครับ”

“ไหนนายหัวบอกว่าเธอไม่กล้าปีนหน้าต่างหนีไงครับ”

ปัง!

“ยัยตัวแสบ!” มือหนาฟาดบนโต๊ะทำงานเต็มแรง สงสัยเขาคงต้องรีบจัดการขั้นเด็ดขาด ก่อนที่จะยัยนั่นจะก่อเรื่องไปมากกว่านี้

เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง พรพระพายมองซ้ายมองขวาระวังตัวตลอดทางเดิน โดยที่ข้าง ๆ เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ไม่มีวี่แววว่าจะเจอบ้านผู้คนเลยสักนิด

“จะโดนฆ่าหมกป่ารึเปล่าเนี่ย”

เธอขนลุกซู่ ไม่อยากจะจินตนาการสภาพตัวเองต่อจากนี้ถ้าหากโดนจับได้ขึ้นมา แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็จะไม่มีทางยอมแพ้

ยิ่งเดินก็รู้สึกว่ายิ่งห่างออกไกลจากบ้านหลังนั้น มองไปทางไหนก็เป็นป่าทึบเหมือนกันหมด คล้ายกับว่าตอนนี้จะหาทางออกไม่เจอ

ด้านตุลธรหลังจากรู้ข่าวจากลูกน้องก็พุ่งออกจากห้องทำงานทันที บรรยากาศตึงเครียดโดยไม่มีใครกล้าปริปากสักคนเมื่อเห็นสีหน้านายหัว เขาสาวเท้าไปที่รถกระบะตัวเอง มีแค่เปรมณัชที่เดินตามหลังมาติด ๆ

“นายหัว เดี๋ยวผมให้คนงานไปช่วยตามหาครับ”

“ไม่ต้อง ฉันจัดการเอง” เขาบอกพร้อมเปิดประตูรถ

“แน่ใจนะครับ”

“อืม วันนี้ฉันไม่เข้าฟาร์มแล้ว แล้วห้ามให้ใครไปหาฉันที่บ้าน”

“ครับนายหัว”

เปรมณัชมองตามรถกระบะที่ขับออกตัวอย่างเร็ว ดูท่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องแหลกคามือเจ้านายแน่

พ่วงมาลัยรถหักเลี้ยวเข้าไปจอดในบ้านตัวเอง ร่างสูงใหญ่รีบลงจากรถแล้วดูร่องรอยของลูกหนี้ตัวแสบ ก่อนจะที่เดาทางออกทันทีจึงเดินอ้อมไปอีกทางเพื่อไปดักหน้าแทนที่จะไล่ตามหลัง ถึงเวลาที่เขาจะสั่งสอนบทเรียนสำหรับลูกหนี้สักที

คนตัวเล็กปาดเหงื่อตามกรอบหน้า ตอนนี้ทั้งรู้สึกเหนื่อยและรู้สึกกลัวขึ้นมา เพราะหากเจอกลุ่มคนก็ไม่รู้ตัวเองจะหนีเสือปะจรเข้หรือเปล่า

“ฮือ~ คุณอา”

ความกลัวทำให้นึกถึงต้นเหตุ คนที่เธอไม่คิดจะเชื่อว่าจะทำเรื่องใหญ่โตได้ ถึงแม้อดีตอาของเธอจะเคยมีประวัติด้านการเงิน แต่เขาก็ไม่เคยมีนิสัยลักขโมยมาก่อน

คนตัวเล็กสะอึกสะอื้นร้องไห้ออกมาทันที ทั้งเหงื่อทั้งน้ำตาผสมปนเปบนใบหน้าหวาน

ตึก!

“อะไรอ่ะ” พรพระพายกวาดสายตาตามเสียง

ไล่มองทุกซอกทุกมุมรอบตัว แต่ก็ไร้สิ่งมีชีวิต

จนกระทั่งสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างอยู่ด้านหลังตัวเองจึงค่อย ๆ หันกลับไปมอง ทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อสบสายตาคู่คมที่ยืนกอดอกมองเธออยู่ก่อนแล้ว

“คุณ”

“เธอคิดว่าจะหนีฉันพ้นเหรอ” ตุลธรยักคิ้วอย่างเหนือกว่า

แต่แล้วคนตัวเล็กก็หมุนตัวและวิ่งออกไปไกลโดยไม่คิดจะสนทนาต่อ

“หยุด!”

“...”

“ฉันบอกให้หยุดไงวะ! อยากตายในป่ารึไงห๊ะ” เพราะเริ่มจะรำคาญเสียงเข้มจึงตะโกนเสียงดังลั่น

พรพระพายไม่คิดจะฟัง นอกจากวิ่งหนีเอาตัวรอด ก่อนที่จะหามุมหลบให้ตัวเอง

“ออกมา อย่าให้ฉันต้องหาเธอเจอเอง” ตุลธรตะโกนออกไปอีกครั้ง เขาก้าวเท้าช้า ๆ ไม่ได้รีบร้อนเพราะยังไงเหงื่ออย่างเธอก็ไม่มีทางพ้นน้ำมือของเขา

“...” ไร้ซึ่งการตอบกลับ เธอนั่งปิดปากหลบหลังก้อนหินใหญ่ เนื้อตัวสั่นด้วยความหวาดระแวง ยิ่งเสียงฝีเท้าขยับเข้ามาเรื่อย ๆ ก็ยิ่งรู้สึกกลัวไปกันใหญ่

“ฉันให้โอกาสคิดแค่สามวิ คิดให้ดี เพราะฉันเป็นคนรักษาคำพูด” เมื่อรู้ว่าเป้าหมายอยู่บริเวณใดของป่า ตุลธรจึงเอ่ยออกไปเสียงดัง

‘จับได้ตรงไหน ฉันจับเธอขัดดอกตรงนั้น!’

“หนึ่ง”

“...”

“สอง”

“ฮือออ~” เสียงสะอึกสะอื้นดังอีกครั้ง เธอไม่สามารถปิดปากบังคับให้ตัวเองส่งเสียงได้อีกแล้ว

ตุลธรเท้าสะเอวอย่างเบื่อหน่าย ที่แท้ก็ไม่ได้เก่งอย่างกับปากเลยสักนิด เขาจึงตัดสินใจเดินไปหยุดตรงหน้าร่างบางทันที

“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ คุณตุลย์”

“ฉันให้โอกาสเธอเดินออกมาแล้ว เพราะงั้นไม่มีสิทธิ์ขอร้องความเห็นใจ” เอ่ยจับเขาจึงย่อตัวไปนั่งใกล้ ๆ แล้วกระชากแขนเล็กเข้าหาตัว

แววตาคมมีเลศนัยบางอย่างในเวลาที่มองสำรวจเรือนร่างขาวนวลที่ตอนนี้สั่นเป็นลูกนก

“ปล่อยฉัน อาฉันเป็นหนี้คุณก็จริง แต่คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับฉัน”

“เธอมีสิทธิ์เลือกด้วยเหรอ” มือหนาเอื้อมไปบีบข้างมนให้เงยขึ้นมาสบตากัน

“ฉันเป็นคนนะ ฉันมีชีวิต ไม่ใช่สิ่งของที่คุณจะทำอะไรอำเภอใจ แล้วฉันขอมีสิทธิ์เรียกร้องในฐานะสิทธิมนุษยชนคนหนึ่ง”

“หึ เธอนี่มันตลกเนอะ จำเอาไว้ว่าเธอไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้น เธออยู่ในฐานะลูกหนี้และเจ้าหนี้อย่างฉันจะทำไรก็ได้”

“...” เธอเม้นปากเป็นเส้นตรงด้วยความโกรธ จ้องหน้าคมไม่วางตา

“ฉันจะฆ่าเธอทิ้งตอนนี้ยังได้เลย”

“ป่าเถื่อน!” พรพระพายอดไม่ได้ที่จะต่อว่าออกไป

“อือ ฉันยอมรับ จะด่าอะไรอีกมั้ย”

“...” เธอเงียบไม่พูดต่อ

“ไม่ด่า งั้นก็ถึงเวลาที่เธอต้องใช้หนี้ฉันแล้ว” เขาโน้มหน้าหมายจะจูบปากบาง ทว่าพรพระพายกลับเบี่ยงหน้าหนี

“ฉันจะใช้หนี้คุณเป็นเงินไม่มีทางที่จะใช้ตัวแลกหนี้” ก่อนที่คนตัวเล็กจะประกาศชัดเจน

“เธอคิดว่าตัวเธอมีค่าพอกับเงินสิบล้านงั้นเหรอ ฉันจะบอกให้นะว่าทั้งหมดที่เธอชดใช้เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ส่วนเงินต้นให้อาเธอกลับมาชดใช้เอง!” เอ่ยจบตุลธรจัดการดึงสองแขนให้ราบไปกับก้อนหินใหญ่แล้วขยับขึ้นไปทับร่างบางทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel