ตอนที่ 3 ข้อตกลง
เมื่อลงมาถึงโต๊ะอาหารเขาเป็นฝ่ายหน้าหัวโต๊ะตามด้วยพรพระพายที่ถือวิสาสะนั่งลงข้าง ๆ โดยไม่ต้องรอเจ้าของบ้านเอ่ยชวน
“อายุเท่าไหร่” เขาเริ่มเปิดประเด็นถาม
“ยี่สิบสามค่ะ” คนตัวเล็กก็ยอมตอบดี ๆ
สมองทำการคำนวณอายุเขาและเธอทันที 7 ปี เธอและเขาห่างกัน 7 ปี
“เรียนจบจากที่ไหน”
พรพระพายก็ยอมตอบอีกตามเคย เพื่อเขาจะเห็นว่าเธอมีความสามารถมากพอที่จะให้ไปหางานอื่นใช้หนี้แทนการมาอยู่ที่เกาะกับเขา
“ตอนมอต้นล่ะ...เรียนจบจากที่ไหน!?”
“นี่นาย!...”
“...” แววตาอำมหิตเหลียวมองอย่างดุดัน
“เอ่อ...คุณตุลย์ มันเกี่ยวอะไรด้วย ฉันจะจบจากที่ไหน คุณรู้วุฒิปริญญาตรีปัจจุบันฉันก็น่าจะพอแล้ว”
“เธอมีหน้าที่แค่ตอบ”
“ไม่ตอบค่ะ นั่นมันเรื่องส่วนตัว ตกลงคุณจะปล่อยให้ฉันออกไปจากที่นี่ได้ยัง”
“ยัง ฉันบอกไปแล้วว่าเธอต้องอยู่จนกว่าจะเจอตัวอาเธอ”
“แล้วถ้าไม่เจอล่ะ” เธอไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้อาชัยจะรู้ข่าวคราวของเธอรึเปล่า บางทีอาชัยอาจจะคิดว่าเธอเรียนจบแล้วสามารถดูแลตัวเองได้แล้ว
หรือนี้อาจจะเป็นเหตุผลที่ชัยวัฒน์ย้ำเพื่อไม่ให้เธอกลับมาที่นี่และคงคิดไม่ถึงว่าเธอจะมาหา ไม่งั้นคงไม่สร้างเรื่องจนต้องหนีไปอย่างนี้
“อยู่ใช้หนี้ฉันจนกว่าจะหมด เธอถึงจะมีสิทธิ์ออกจากเกาะนี้!”
“ฉันขอหลักฐานว่าอาชัยทำเรื่องอย่างที่คุณพูดจริง ๆ”
“จำเป็นด้วยเหรอ”
“สิบล้านนะคุณตุลย์ ไม่ใช่สิบบาทที่จะชดใช้วันเดียวหมด แล้วมันไม่มีอะไรยืนยันได้เลยว่าสิ่งที่คุณพูดเป็นความจริง” คนตัวเล็กใช้เหตุผลเพื่อตามหาความจริง เธอหวังว่าผู้ชายตรงหน้าจะมีความเป็นธรรมพอ
“คำพูดของฉันมันไม่น่าเชื่อถือพอเหรอ” ตุลธรวางแขนบนโต๊ะ ก่อนจะโน้มตัวไปใกล้ ๆ
“ก็ใช่นะสิ เจอกันวันแรกคุณก็ป้ายยาสลบฉันแล้ว แถมยังจับมาไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ แบบนี้ให้ฉันเชื่อคุณได้ยังไง”
“ฉันไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลมาอธิบายเธอ เธอมีหน้าที่แค่ชดใช้ก็พอ”
“อย่าให้ฉันหนีไปได้นะ ฉันจะคิดบัญชีกับคุณที่จับฉันมากักขังไว้ที่นี่” ความลืมตัวทำให้พรพระพายเผลอพูดความในใจออกมา
ตุลธรยักไหล่กับท่าทีอวดเก่ง “คิดว่าหนีได้ก็เชิญ แต่ฉันเตือนไว้ก่อนว่าจับได้ เธอโดนลงโทษแบบที่ไม่คิดจะหนีครั้งที่สองแน่ เพราะฉะนั้นอย่าแม้แต่จะคิดแค่สักครั้ง”
ดวงตากลมโตกลอกตาไปมากับคำขู่พวกนั้น เธอไม่มีทางอยู่เฉย ๆ แน่ ทว่าระหว่างนี้ก็คงตามน้ำไปก่อน
“ฉันต้องทำอะไรบ้าง” สุดท้ายก็ต้องยอมเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
“ฟังให้ดี เพราะทั้งหมดที่ฉันบอกต่อไปนี้ เธอต้องทำทุกข้อ ไม่มีข้อแม้”
“...” พรพระพายนั่งมองเขาด้วยแววตาหวั่น ๆ
“ตอนกลางวัน เธอมีหน้าที่เป็นแม่บ้าน ทำความสะอาด ทำกับข้าว ทำทุกอย่างที่ผู้หญิงต้องทำ”
“...” เธอยอมรับชะตากรรมเพราะเข้าใจว่าหนี้ก้อนนี้มันใหญ่โตมาก แต่ถ้าให้เธอชดใช้แบบนี้แล้วเมื่อไหร่หนี้ก้อนนี้จะหมดกันล่ะ “ทำแบบนี้ชาติไหนจะใช้หนี้หมด สู้ปล่อยฉันไปแล้วทำงานอื่นใช้หนี้คุณไม่ดีกว่าเหรอ”
“ฟังให้จบ!” เสียงเข้มตะคอกอีกครั้ง
“...” คนตัวเล็กจึงต้องยอมเงียบปิดปากทันที
“ส่วนกลางคืน...หน้าที่ของเธอคือทำให้ฉันมีความสุข”
“ห๊ะ!” คราวนี้ดวงตากลมโตเบิกกว้างกว่าเดิมแถมยังอุทานด้วยความตกใจสุดขีด
“หูหนวกรึไง” ตุลธรชักสีหน้าทันทีเพราะพรพระพายไม่เพียงแต่ส่งเสียงดัง ทว่าหน้าตาเหว๋อจนเขาอดที่จะตะคอกใส่ไม่ได้
“ไม่มีทาง” คนตัวเล็กยกมือขึ้นมาปัดไปมา
มือหน้าวางบนโต๊ะโน้มหน้าไปใกล้หญิงสาว “เธอมีทางเลือกด้วยเหรอ”
“คุณคงไม่ได้หมายถึง...เอ่อ...หมายถึงเรื่องพวกนั้นใช่ไหม” น้ำเสียงสั่น ๆ เอ่ยถามออกมา
“ใช่”
พรพระพายอมยิ้มทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ
“ใช่ ฉันหมายถึงเรื่องบนเตียง!” ทว่าน้ำเสียงเข้มกลับตอบเสียงดังเน้นย้ำชัดเจน
“ฉันทำไม่ได้”
“เดี๋ยวฉันสอน”
“ไม่ ทำไมฉันต้องทำด้วย”
“เพราะฉันไม่ยอมขาดทุนไงล่ะ”
“ให้ตายฉันก็ไม่ทำ” คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนประกาศชัดเจน ก่อนจะก้าวเท้าถอยหลังเพื่อหนีจากน้ำมือชายแปลกหน้าที่พูดคุยกันไม่ถึงชั่วโมง
“อยากหนีก็วิ่งออกไปเลย ฉันจับเธอได้ตรงไหนฉันจับเธอขัดดอกตรงนั้น!”
อึก!
พรพระพายหน้าซีดไม่กล้าแม้แต่จะยกเท้าขยับหนี ท่าทางของเขาดูจริงจังมากจนเธอเริ่มจะกลัว
“ฉะฉันทำได้ทุกอย่างเลยนะ แต่เรื่องพวกนั้นไม่ทำได้ไหม”
“...” แววตาดุดันไล่มองหัวจรดเท้า แสยะยิ้มด้วยความพอใจ เธอสั่นไปทั้งตัวแค่คิดก็สนุกขึ้นมาแล้ว
“นะคุณตุลย์ ยกเว้นสักเรื่องได้ไหมคะ ฉันยอมทำตามคุณทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโดนคุณหลอกรึเปล่า คุณลองมาเป็นฉันดู ช่วยเห็นใจกันหน่อยได้ไหม!” ถึงจะกลัวคนตรงหน้ามากแค่ไหน แต่เธอก็ยังหยิบยื่นเหตุผลมาสู้อย่างไม่ยอมแพ้
“ไปทำกับข้าว” เขายักคิ้วอย่างเหนือกว่า ไม่สนใจคำพูดพวกนั้นเลยสักนิด
“คุณตุลย์!”
“ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมากพอจะมานั่งฟังลูกหนี้อย่างเธอ”
ตุลธรเบี่ยงหน้าไปทางอื่น บ่งบอกว่าจบข้อตกลงทั้งหมดแล้ว
คนตัวเล็กก้าวเท้าเข้ามาในห้องครัว น้ำหูน้ำตาพาลไหลออกมาเองทั้งที่เธอไม่คิดจะร้องไห้ ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลกกับชีวิตของเธอเหลือเกิน แค่อยากกลับมาเยี่ยมอาเท่านั้น ทำไมจู่ ๆ เธอต้องตกไปอยู่ในน้ำมือของผู้ชายคนนั้นด้วย
แต่แล้วสมองก็เริ่มประมวลผลบางอย่าง ท่าทางของเขาไม่เหมือนเจ้าของฟาร์มไข่มุกเลยสักนิดเดียว รูปร่างสูงใหญ่ ผิวเข้ม จมูกโด่งหน้าคม แต่ก็ดูดุร้ายอยู่ดีแถมผมเผ้าก็ฟูไม่เป็นทรง ถ้าบอกว่าเป็นโจรยังจะน่าเชื่อมากกว่าอีก โดยเฉพาะคำพูดคำจาไม่เหมือนนักธุรกิจจิวเวลรี่เอาซะเลย
‘หรือเขาจะโกหกเรา’
ความจริงแล้วเขาอาจจะไม่ใช่เจ้านายของอาเธอก็ได้ แต่อาจจะขู่เรื่องขึ้นมาหลอกเธอแล้วจับตัวมาที่นี่
แค่คิดคนตัวเล็กก็สยองกับชีวิตต่อจากนี้
เธอเดินไปชะโชกหน้าที่ริมหน้าต่างเพื่อดูลาดราว ทว่าเมื่อมองลงไปกลับเป็นเหวลึก ไกลออกไปเป็นทะเล เธอไม่มีทางกระโดดหนีทางนี้ได้
“ทำไรอยู่ห๊ะ! ถ้าช้าฉันเปลี่ยนใจกินอย่างอื่นแทน...”
“เอ่อ รู้แล้ว รู้แล้ว กำลังทำอยู่นี่ไง”
พรพระพายตั้งสติกับตัวเองอีกครั้งหันหน้ากลับเข้ามาในครัว ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ หาทางออกเพราะตอนนี้เธอทำได้แค่ตามน้ำไปก่อน รอให้เขาออกจากบ้านแล้วค่อยหาทางหนีอีกที
“ชาตินี้จะได้กินไหม”
“ฉันไม่ได้เสกนี่ที่จะได้ทันใจทุกอย่าง”
“...” ปากดี ปากดีเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ร่างสูงได้แต่คิดในใจ
“จะยืนจ้องอีกนานไหม”
“ทำกินเองแล้วกัน ฉันออกไปด้านนอก หวังว่ากลับมาคงไม่กระโดดลงเหวไปก่อนนะ”
“ชิ!”
พรพระพายอมยิ้มในใจ โอกาสที่รอคอยมาถึงแล้ว
“จำเอาไว้ จับได้เธอเจอดีแน่” ไม่วายตุลธรยังหันมาข่มขู่อีกครั้ง สีหน้าท่าทางไม่เป็นมิตร ดวงตาแข็งกร้าวสำรวจเรือนร่างนิ่มนวลด้วยเล่ห์นัยบางอย่าง ทำเอาคนที่สบตาคู่นั้นถึงกับกลืนน้ำลายอย่างหวาดหวั่น
ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะก้าวออกจากบ้านพร้อมทั้งปิดประตูแล้วล็อกกุญแจจากด้านนอก
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าคมทันทีเมื่อมองกุญแจในมือตัวเอง
ด้านพรพระพายวางมือจากทุกสิ่ง ก้าวเท้าวิ่งไปที่ประตูหลังจากด้านนอกเงียบสนิท โอกาสเดียวของเธอมาถึงแล้ว เธอไม่มีทางปล่อยให้มันหลุดมือเด็ดขาด
สองเท้าก้าวไปที่ประตูหน้าบ้าน ก่อนจะค่อย ๆ เปิดประตูเบา ๆ
ฟุ่บ!
“ว่าแล้วเชียว”
คนตัวเล็กเบะปากแล้วพ่นลมหายใจออกมาอย่างกับคิดไว้ก่อนแล้ว ดวงตากลมโตมองซ้ายขวาหาทางออกอื่น แต่แล้วเมื่อเดินสำรวจทั้งบ้านก็มีเพียงทางออกเดียว นอกจากหน้าต่างที่ก้มลงไปเป็นเหวลึก
“เอาไงดี” เธอเดินวนรอบบ้านเพื่อใช้ความคิด
“โทรศัพท์ ใช่! โทรศัพท์อยู่ไหนนะ”
พรพระพายรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนแล้วเข้าห้องนอนเผื่อจะหากระเป๋าสะพายของตัวเอง
“อ่า อยู่นี่เอง”
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรอบคอบกว่าที่คิดเพราะในกระเป๋ามีเพียงกระเป๋าสะตางค์ใบเล็กเท่านั้น ส่วนโทรศัพท์มือถือคงหนีไม่พ้นน้ำมือผู้ชายป่าเถื่อนคนนั้น
“ไม่มี! ไอ้คุณตุลย์บ้า นี่กะจะขังฉันไว้บนเกาะหรือไงนะ”
ความร้อนรนพุ่งเข้าใส่เธอเต็ม ๆ และน่าจะมีแค่ทางเดียวที่จะหนีจากบ้านหลังนี้ได้คือการปีนหน้าต่างหนีออกไป
เมื่อคิดได้พรพระพายไม่ลังเลอีกต่อไป ก้มมองเหวลึกด้วยความรู้สึกบางอย่าง
“อยากมากก็แค่ตกลงไปล่ะหว่า” แต่ยังดีเสียกว่าต้องตกเป็นของผู้ชายแปลกหน้า...ที่ไม่รู้ประวัติอะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย
พรพระพายปีนไปริมหน้าต่าง เกาะกำแพงและยืนบนขอบระเบียงที่ยื่นออกไปเพียงเล็กน้อย พยายามไม่มองลงไปเพราะอาจจะทำให้ขาสั่นได้
“อีกนิดเดียว”
น้ำเสียงสั่นเกร็งบอกตัวเองทุกย่างก้าว จนกระทั่งพาตัวเองสุดทางเดิน
ฟุ่บ!
“โอ๊ย”
เธอกระโดดอย่างไม่คิดว่าจะพลาดตกลงไปรึเปล่า ขอเพียงได้ลองแค่นั้นก็เกินพอแล้ว
จนสุดท้ายก็สามารถออกจากบ้านได้สำเร็จ เธอกวาดมองรอบทุกทิศที่มีแต่ต้นไม้ เป็นป่าทึบ ไม่มีบ้านหรือเส้นทางเป็นถนนเลย ทว่ามาถึงขนาดนี้แล้วพรพระพายไม่มีทางที่จะถอยนอกเสียจากไปตายเอาดาบหน้าเพราะไม่รู้ว่าถ้าเกิดพลาดโอกาสนี้ไปจะมีโอกาสแบบนี้อีกไหม
