ตอนที่ 5 สั่งสอน
จมูกคมสันโน้มลงไปตามซอกคอขาวใช้ริมฝีปากดูดเม้มเป็นจ้ำ ๆ ยิ่งกดแรงเม้มเท่าไร ร่างบางยิ่งดิ้นรนตอบโต้อย่างไม่ยินยอม
“คุณตุลย์! อย่าทำแบบนี้”
“ทีอย่างนี้ทำมาเป็นกลัว ตอนหนีทำไมไม่คิดห๊ะ” เขาชะโงกหน้าขึ้นไปมองใบหน้าหวานที่นอนสั่นกลัว
“ฉันขอโทษ ฉันไม่หนีแล้ว แต่คุณอย่าทำอะไรฉันได้ไหม” มือบางพยายามสะบัดมือออก ทว่าแรงกดของคนบนร่างจับไว้แน่น ไม่มีทางจะปล่อยให้เธอพยศได้
“สายเกินไปที่จะขอร้อง”
ตุลธรแสยะยิ้มมุมปาก เขาต้องการสั่งสอนคนที่กล้าขัดคำสั่งให้หลาบจำด้วยการก้มลงไปประกบริมฝีปากบาง
“อื้อ!”
พรพระพายเม้มปากตัวเองไว้แน่น ไม่ยอมเปิดปากให้โอกาสเขาได้รุกล้ำเข้ามา
เมื่อไม่ได้อย่างที่ต้องการเขาจึงปล่อยมือคนตัวเล็กให้เป็นอิสระข้างหนึ่ง ก่อนจะใช้มือซ้ายตัวเองรวบเอาไว้ข้างเดียว ส่วนมือขวาเลื่อนลงมาบีบคางมนให้เผยอปาก เพื่อสามารถสอดลิ้นร้อนเข้าไปได้
จูบที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของพรพระพายแถมยังเกิดจากผู้ชายแปลกหน้ายิ่งส่งผลให้เธอสั่นตกใจ พยายามไม่ให้ลิ้นตัวเองสัมผัสกับเขา ทว่ายิ่งหนีก็ยิ่งรู้สึก
ตุลธรไม่คิดสงสารเขาดูดตวัดอย่างดุดัน และเมื่อได้รู้ว่าเธอจูบไม่เป็นยิ่งทำให้เขาอยากสั่งสอน อยากให้รู้รสชาติความหวานฉ่ำมันเป็นยังไง ลิ้นหนาไล้เลียกลีบปากล่างดูดดึงด้วยความเร้าร้อนจากนั้นจึงขยับลงมาจูบตามซอกหูแล้วกัดเบา ๆ ให้เธอสะท้านหวั่นไหวกับสัมผัสที่เขาสร้างขึ้น
“อื้ออ! พะพอได้แล้ว”
“...” เขาไม่ตอบกลับแต่เลื่อนมือมากระชากเสื้อเชิ้ตตัวนอกออกโดยไม่ไยดี
ไม่นานพรพระพายเหลือเพียงเสื้อกล้ามสีขาวที่เห็นร่องอกชัดเจน ดวงตาคมไล่มองฉายความต้องการออกไป เขาใช้นิ้วเขี่ยกรอบหน้าเลื่อนต่ำลงเรื่อย ๆ จนไปหยุดกลางร่องอก
ทำเอาพรพระพายหายใจไม่ทั่วท้องกับสิ่งที่กำลังเผชิญ
“คุณจะไม่หยุดใช่ไหม”
“อืม”
“ต่ำ! แม้แต่ในป่าก็ยังไม่เว้น” เธอไม่คิดเลยว่าผู้ชายคนนี้จะเลวและแสดงกิริยาต่ำทรามได้มากขนาดนี้ เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่าที่เขาพูดคือความจริง
“ปากดีแบบนี้อยากโดนจูบให้ปากเปื่อยใช่ไหมห๊ะ!”
คำพูดอีกฝ่ายทำเอาตุลธรเดือดขึ้นมาอีกครั้ง เขาส่งมือไปบีบคางให้เชิดหน้าสู้สายตาของเขา ก่อนจะก้มลงไปจูบอย่างรุนแรงและป่าเถื่อน
รสชาติที่ไม่มีความอ่อนโยนนอกเสียจากความสะใจที่ได้ปราบพยศผู้หญิงใต้ร่าง
แต่แล้วใบหน้าคมก็สัมผัสได้ถึงรสชาติบางอย่างที่ไหลรินแตะริมฝีปากของเขา
“ฮือๆ” เธอนอนนิ่งไม่ขัดขืน ร้องไห้อย่างไม่คิดอาย
ทำเอาร่างสูงใหญ่หยุดชะงักทันที “หยุดร้อง!”
“ฮือๆ” พรพระพายสะอึกสะอื้นเพราะกลัวตัวเองต้องตกเป็นเหงื่อของใครก็ไม่รู้
นี่เธอทำเวรทำกรรมอะไรไว้ถึงได้มีสภาพเหมือนตายทั้งเป็นแบบนี้
“หยุดร้องเดี๋ยวนี้!” เสียงเข้มตะคอกอีกครั้ง
ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครหน้าไหนกล้าปฏิเสธเขาสักครั้ง ถ้าจะมีก็เห็นจะมีแค่ผู้หญิงคนนี้ที่ทำท่ารังเกียจเขาอย่างกับตัวเองดีนักดีหนา
เพราะหมดอารมณ์ตุลธรจึงลุกจากตัวพรพระพายทันที คนตัวเล็กนอนร้องนิ่ง ๆ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมอง
“ลุกขึ้น”
หมับ!
“บอกให้ลุกไงวะ” เมื่อเห็นคนตัวเล็กยังนอนนิ่ง เขาจึงกระชากเธอขึ้นมาพร้อมทั้งตวาดใส่ “เลือกสถานที่ดีนักใช่ไหม กลับบ้านไปอย่างหวังว่าฉันจะออมมือ”
เมื่อกลับมาถึงบ้านตุลธรจัดการมัดคนตัวเล็กไว้กับเสากลางบ้าน ก่อนจะเดินออกไปที่รถหน้าบ้านเพื่อหยิบของบางอย่างเข้ามา
ฟุ่บ!
ร่างสูงใหญ่ลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้า มองพรพระพายที่ตอนนี้นั่งเงียบไม่พูดไม่จาเหมือนหน้านี้ที่ตลอดทางเดินเธอไม่ปริเสียงโวยวายเลยสักแฮ่กซึ่งผิดนิสัย
“ฉันรู้ว่าเธอไม่เชื่อ ไม่รู้อาของเธอหลอกอะไรเธอไว้บ้าง แต่ฉันไม่ใช่คนเลวที่จะปรักปรำคนดี”
“...” เธอเงียบเหมือนเดิม
“นี่คือหลักฐานทั้งหมด” ตุลธรเปิดโทรศัพท์มือถือเป็นภาพกล้องวงจรปิดท้ายเกาะเอาไว้โดยเขาเพิ่งจะติดได้ไม่ได้และไม่มีคนงานในฟาร์มรู้เรื่องนอกจากเปรมณัชคนเดียว
หลักฐานชัดเจนทุกอย่าง!
ในภาพปรากฏชัยวัฒน์กำลังรีบร้อนที่จะออกจากเกาะพร้อมของกลางเต็มเรือและมีผู้ชายกระบวนการอีกสองคน
ภาพที่เห็นทำเอาพรพระพายอึ้ง นึกไม่ถึงว่าชัยวัฒน์จะเป็นคนลงมือขโมยเอง
‘อาชัยต้องมีปัญหาอะไรแน่ ๆ ถึงได้ทำแบบนี้’
“คราวนี้เธอก็เห็นหลักฐานทั้งหมดแล้ว ยังจะหนีโดยไม่คิดจะตอบแทนอีกรึเปล่า” เขาใช้น้ำเสียงปกติอย่างกับคนละคนจากที่ผ่านมา
“ฉันจะชดใช้ให้ แต่คุณไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันอย่างเมื่อกี้”
“ไม่อยากชดใช้ด้วยตัว!?”
ตุลธรเลิกคิ้วเป็นคำถาม
“มีใครบ้างอยากนอนกับคนที่ไม่รู้จัก ถึงฉันจะยังไม่มีเงินคืน แต่ฉันก็รักศักดิ์ศรีเหมือนกัน” เธอประกาศชัดเจน เธอจะไม่มีวันเสียตัวถ้าหากไม่เต็มใจ
“ถ้าอยากออกจากเกาะเร็ว บางทีการใช้ตัวก็น่าจะเป็นวิธีที่ดี”
“ฉันไม่ทำ”
“เธอไม่ทำ แต่ฉันอยากทำ”
“คุณจะบังคับฉันไม่ได้นะ”
“เดี๋ยวก็รู้ว่าเธอโดนบังคับหรือเต็มใจกันแน่” ร่างสูงใหญ่ยืนเต็มความสูงตัวเอง สาวเท้าเข้าไปเร็ว ๆ จากนั้นจึงเอื้อมมือไปลูบไล้แก้มสีแดงฉ่ำเพราะเหนื่อยจากการที่โดนเขาลากตัวกลับมา
พรพระพายสะบัดหน้าหนีอย่างรังเกียจ เล่นเอาตุลธรถึงกับโมโหกับท่าทีพวกนั้นจึงบีบพวงแก้มไว้แน่น
“อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย” หัวแม่มือปาดกลีบปากเบา ๆ “จูบก่อนหน้านี้ของเราเธออาจจะยังไม่ทันตั้งตัว คราวนี้ฉันมีเวลาให้เธอเรียนรู้ทั้งวันทั้งคืน”
“เอามือสกปรกออกไปจากตัวฉัน”
หมับ!
“อย่างกับเธอสะอาดมากนั้นแหละ หรือเอาอย่างนี้ ในเมื่อใช้ตัวขัดดอกไม่ได้ ฉันมีข้อเสนอใหม่”
“...” ดวงตากลมโตเงยหน้าไปสบตาข้อเสนอเจ้าเล่ห์ทันที
“ถ้าเธอซิง สะอาดพอ ฉันลดหนี้ให้ครึ่งหนึ่ง เอาไหม”
“ทุเรศ! อดอยากมากเหรอในสมองถึงได้มีแต่ข้อเสนอต่ำ ๆ”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ได้กลิ่นเธอแล้วร่างกายมันสูบฉีดดีอย่างจะหาที่ระบาย” ตุลธรไม่พูดเปล่าแต่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ซอกคอขาวก่อนจะสูดดมพร้อมฝั่งรอยรักเอาไว้
“ฉันบอกแล้วว่าจะไม่ออมมือ อาจจะหนักไปหน่อยนะ ทนเอาแล้วกัน”
คราวนี้มือหนาเลื่อนลงมาจับเสื้อเชิ้ตแล้วใช้แรงฉีกจากกันอย่างไม่ปราณี
“หยุด ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลย”
“ระหว่างรอเธอตัดสินใจ ฉันช่วยผ่อนคลายเธอไปพราง ๆ”
มือหนาจับขาเรียวแล้วสอดมือเข้าไปในผ้าซิ่น ค่อย ๆ ขยับมือ ไล้อย่างเบามือปลุกอารมณ์ให้อีกฝ่ายเคลิ้มตาม
“ฉันบอกให้หยุดไง ไอ้คนป่าเถื่อน”
“รู้ไหม ป่าเถื่อนเขาทำกันยังไง”
“ใครจะไปรู้กับแกเล่า”
“หึ ปากเก่งให้ได้ตลอดแล้วกัน” ตุลธรแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนจะก้มลงไปดูดริมฝีปากสีชมพูทันที
พรพระพายขัดขืนทุกวิถีทาง ทว่าเธอโดนเขามัดอย่างมากก็ได้แค่เม้มปากไม่ให้เขาสอดลิ้นเข้ามาอีกครั้ง
เมื่อคนตัวสูงเห็นอย่างนั้นจึงเปลี่ยนเป้าหมายจากริมฝีปากมาเป็นซอกคอขาวแล้วไล้ต่ำลงมาถึงร่องอก เลื่อนมือขึ้นมาสอดเข้าไปในเสื้อกล้ามจึงสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่พอดีมือและนุ่มนิ่มน่าสัมผัส
เขาขย้ำด้วยแรงปรารถนา ปลุกเร้าอารมณ์อีกฝ่าย อยากจะรู้ว่าจะทนได้แค่ไหนกัน ใช้เวลาไม่กี่วินาทีตุลธรก็สามารถฉีกเสื้อตัวจิ๋วได้สำเร็จ จนลงไปกองกับพื้นตามเสื้อเชิ้ต
แววตาสีนิลก้มลงมองก้อนเนื้อขาวเนียนด้วยความรู้สึกผู้ชายทั้งแท่ง อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจูบเนินอกแล้วฝากร่องรอยสีแดงฉ่ำ
“ไอ้บ้า ไอ้หื่น ไอ้โรคจิต!” เธอดิ้นรนจนแทบหมดแรงเพื่อให้ปากร้าย ๆ สัมผัสตัวเธอ
“นั่นแหละตัวตนฉัน คราวนี้พร้อมจะโดนลงโทษรึยังพรพระพาย” เขายักคิ้วข้างเดียวไม่สะทกสะท้านกับด่านั้น
“ไม่! กรี๊ดดดดดดด!”
