ตอนที่ 2 เปิดศึก
รถกระบะสี่ประตูขับเข้ามาท้ายหมู่บ้านในเวลาเกือบห้าทุ่ม ปกติเวลานี้คนงานในฟอร์มต่างแยกย้ายกลับไปนอนกันหมดแล้ว ทว่าการที่วันนี้ฟอร์มโดนขโมยไข่มุก ทำให้คนงานทั้งชายและหญิงต่างก็นั่งเฝ้ารอฟังความคืบหน้าจากนายหัวกันทั้งนั้น
“น่าจะฟื้นตอนเช้า” เปรมณัชมองหญิงสาวที่กำลังสลบพาดศีรษะกับพนักเบาะรถหลังจากโดนเจ้านายของเขาป้ายยาเพราะรำคาญเสียงโวยวาย
“ดี จะได้ไม่วุ่นวาย”
“แต่นายหัวลากตัวกลับมาด้วยแบบนี้ ผมว่าไม่วุ่นไม่ได้แล้วนะครับ”
“ใครจะยอมขาดทุนวะ ถ้ามันรักหลานมันจริงมันต้องกลับมา” เพราะเขาจะขังเธอไว้บนเกาะแห่งนี้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน จนกว่าจะได้หอยไข่มุกและจิวเวลรี่ไข่มุกจากชัยวัฒน์กลับคืนมา “ปล่อยข่าวให้ทั่วว่าฉันได้ตัวหลานสาวมันมาอยู่ที่เกาะ”
“แล้วคนในเกาะล่ะครับ จะบอกว่าเธอเป็นใคร”
“เป็นเด็กรับใช้ฉัน”
“...!?” เปรมณัชขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมจ้องหน้าตุลธรตาไม่กระพริบ
“มองอะไรวะ”
“นายจะพาพรพระพายไปอยู่ที่บ้านด้วย”
“เออ! ไม่ให้อยู่ที่บ้านฉันแล้วให้ไปอยู่บ้านมึงรึไง”
“โอ้ไม่ได้ครับ เมียผมด่าผมตายถ้าเป็นแบบนั้น”
ตุลธรส่ายหน้าชักจะรำคาญท่าทางของลูกน้องคนสนิท “มึงลงไปบอกให้คนงานกลับที่พักไปได้แล้วไป”
“แล้วถ้าพวกมันไม่ยอมกลับ...”
“ถ้ามึงไม่มีวิธีจัดการเรื่องแค่นี้ เห็นทีคงถึงเวลาที่กูหาผู้ช่วยคนใหม่”
“นายหัว!” เปรมณัชเกาหัวตัวเองอย่างงุนงง เรื่องแค่นี้ถึงกับจะไล่ออกเลยเหรอเนี่ย
เมื่อลูกน้องลงจากรถไปจัดการตามคำสั่ง ตุลธรเปิดประตูรถเพื่อลงไปเปิดประตูฝั่งที่คนตัวเล็กนั่งสลบอยู่จากนั้นจึงช้อนตัวเธอแนบอกแล้วอุ้มเข้าไปในบ้าน
“บ้านนายหัวมีแค่ห้องนอนเดียวแล้วจะให้เธอนอนที่ไหนครับ”
เปรมณัชวิ่งเข้ามาในบ้านตามเจ้านายหลังจากเคลียร์คนงานเรียบร้อย
“ห้องฉัน”
“ห๊ะ!? อะไรนะครับ” ลูกน้องคนสนิทสะดุ้งตกใจ เบิกตากว้างอย่างกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“มึงหูหนวกตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
“ไม่ได้หูหนวกครับ แค่ตกใจที่นายหัวจะให้นอนห้องเดียวกัน แบบนี้คนงานรู้ใครมันนะไปเชื่อว่าเป็นเด็กรับใช้”
“ให้มันรู้ไปว่าใครกล้าเสือกเรื่องเจ้านาย”
“มีแน่ครับ”
“เข้าหูฉันเมื่อไหร่ ฉันไล่ออก” ตุลธรเอ่ยจบก็อุ้มคนตัวเล็กก้าวขึ้นบันได
ทว่า...ต้องชะงักขาเมื่อลูกน้องคนสนิทยังไม่เลิกถามวุ่นวาย
“นายคงไม่ขืนใจเธอ!?” เปรมณัชถามกล้า ๆ กลัว ๆ ในคำถามสุดท้าย
ร่างสูงใหญ่จึงหันขวับมาหาต้นเสียงทันที
“คนอย่างนายหัวตุลธรไม่เคยขืนใจผู้หญิง”
คำตอบของเจ้านายส่งผลให้เปรมณัชพยักหน้าเห็นด้วย ทว่าเขาก็ยังไม่เห็นทางออกสำหรับเรื่องนี้อยู่ดี ถึงเจ้านายจะไม่เคยข้องเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่การที่มีสาวสวยร่วมห้องใครมันจะอดใจไว้
“แต่ฉันมีวิธีของฉัน!” เขาย้ำอีกครั้งด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ไล่มองใบหน้าหวานจิ้มลิ้มที่นอนซบแผ่นอกของเขา ก่อนจะหมุนตัวขึ้นชั้นสองของบ้าน
แสงแดดสาดส่องเข้ามาในยามเช้า คนตัวเล็กที่โดนป้ายยาสลบเริ่มจะรู้สึกตัว เธอขยับร่างกายเพียงเล็กน้อยก็เริ่มเกิดอาการมึนเมาคล้ายคนแพ้ยา
ดวงตากลมโตมองสำรวจรอบห้อง แต่แล้วกลับไม่คุ้นชินกับสถานที่นี่เลยสักนิด สมองจึงสั่งการให้พรพระพายก้มมองสำรวจตัวเองก็พบว่าไม่ได้อยู่ในชุดเดิมอีกแล้ว
“คงยังไม่...หรอกนะ” เสียงงัวเงียพูดกับตัวเองขยับร่างกายแรง ๆ เพื่อพิสูจน์บางอย่าง ก่อนจะดึงผ้าห่มมองผ้าปูที่นอนก็พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนตัวเธอเองแทบจะปรับตัวหรือรับมือไม่ถูก การที่จู่ ๆ มีใครก็ไม่รู้มาบอกว่าผู้มีพระคุณที่เป็นญาติแท้ ๆ กำลังทำเรื่องเสียหาย มิหนำซ้ำยังสร้างหนี้ก้อนโตแล้วหนีหายไป
พรพระพายนั่งทบทวนถึงบทสนทนาเมื่อคืนอย่างละเอียดเพื่อที่เธอจะได้มั่นใจว่าไม่ได้โดนหลอก
‘ไม่จริง’ น้ำเสียงไม่อยากเชื่อกับการกระทำชัยวัฒน์ ใบหน้าหวานส่ายไปมา แววตากังวลฉายออกมา
‘ฉันจะโกหกเธอทำไม ลองคิดดูว่าอาเธอจะหนีออกจากบ้านทำไม ถ้าไม่ก่อเรื่องเอาไว้’
‘แต่เมื่อวานอาชัยยังบอกฉันอยู่เลยว่าต้องทำงาน...’
‘หึ งั้นเธอก็ตามอาเธอกลับมาให้ได้สิ มาพิสูจน์ความจริง’ ร่างสูงแสยะยิ้มด้วยท่าทางเหนือกว่า เขาไล่สายตามองคนตัวเล็กที่บัดนี้แก้มขาวนวลเริ่มจะซีเซียว
ไม่รอช้าพรพระพายจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าสะพายเพื่อติดต่อหาชัยวัฒน์อีกครั้ง
แต่แล้วทุกอย่างฉายซ้ำเหมือนเดิม...ติดต่อไม่ได้!
‘เป็นไง’
‘...’
‘ถือว่าเป็นคราวเคราะห์ของเธอแล้วกัน’ ตุลธรไม่เพียงแต่พูด ทว่าขยับก้าวเท้าเข้ามาแนบชิด ก่อนจะเอื้อมมือกระชากคนตัวเล็กเข้ามาหาตัว
‘หมายความว่าไง’ ดวงตากลมโตเงยหน้าขึ้นไปจ้องแววตาสีนิลอย่างไม่เข้าใจ ทำไมต้องเป็นเธอที่ต้องรับผิดชอบ
‘ไปกับฉัน อยู่ใช้หนี้จนกว่าฉันจะได้ตัวอาเธอ’
ฟุ่บ!
‘เท่าไหร่!? อาชัยเป็นหนี้คุณเท่าไหร่’
‘สิบล้าน!’ เสียงเข้มเอ่ยชัดเจน
ทำเอาพรพระพายอ้าปากค้างกับหนี้สินก้อนโต ที่ไร้หนทางในการจ่ายคืนในเวลาระยะสั้น
‘นายหัว!’
เปรมณัชก้าวเท้าเข้ามาใกล้ตุลธรอย่างงุนงง แต่แล้วก็กลับปิดปากเงียบเมื่อสายตาอำมหิตเหลือบมอง
“ไง!”
คนตัวเล็กตื่นจากภวังค์หันไปหาต้นเสียงที่ได้ยินทันที
ผู้ชายที่เป็นเจ้านายของอาและเป็นเจ้าหนี้ของอา กำลังยืนตรงหน้าเธอตอนนี้
เธอจำเขาได้เป็นอย่างดี ร่างสูงใหญ่ยืนตรงขอบประตูหันหน้ามองเธออยู่ด้วยสภาพใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวไม่ติดกระดุม สวมกางเกงขายาวผ้ายืดสบายตัว
พรพระพายหยุดสายตาชะงักตรงกล้ามหน้าท้องที่เป็นลอนด้วยใจระทึก กลืนน้ำลายลงคออย่างอึดอัด นี่เธอต้องมาขัดดอกกับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้จริง ๆ เหรอ
“จะเลิกมองได้ยัง” เสียงดุดันดังกร้าวเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กมองเขาไม่กระพริบตา
“เอ่อ...คือฉันไม่ได้มองสักหน่อย” คนตัวเล็กเสหน้าหนีไปทางอื่นทันที
“โกหก! เห็นอยู่ว่ามองยังจะแถอีก” เขาก้าวเท้าเข้ามาหยุดที่ปลายเตียง โน้มตัวไปใกล้ ๆ แก้มนวล “จะนอนถึงพรุ่งนี้เหรอวะ ลุกขี้น!” ก่อนจะกระชากลากคนตัวเล็กด้วยมือข้างเดียว
“ว๊ายยยย! ไม่เห็นเหรอว่าฉันใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย จะดึงทำไม” พรพระพายสู้ยิบตา เธอไม่กลัวเขาหรอกนะ แล้วดูสภาพเธอสิน่าเวทนาขนาดไหน ใส่เพียงแค่เสื้อเชิ้ตตัวเดียว ส่วนสภาพด้านในไม่มีแม้แต่บราหรือซับใน ยังโชคดีที่เสื้อยาวเกือบคลุมเข่าไม่อย่างนั่นคงเห็นสิ่งสงวนโผล่ต่อหน้าเขาแน่ ๆ
“แล้วนี่นายกล้าดียังไงถึงมาเปลี่ยนชุดให้ฉัน ห๊ะ!”
“รู้ได้ไงว่าเป็นฉัน อ้อ อีกอย่างห้ามเรียกฉันว่านาย ให้เรียกคุณตุลย์ จำใส่สมองไว้ด้วย”
“ไม่มีทาง” พรพระพายกอดอกตัวเอง สีหน้าบูดบึ้งไม่พอใจกับสถานการณ์ที่ตัวเองต้องเผชิญ
“เรื่องของเธอ ฉันเตือนดี ๆ แล้วนะ” ร่างสูงใหญ่หย่อนตัวนั่งบนเตียง แววตาดุดันมองภาพตรงหน้าด้วยใจหวิว ๆ แปลก ๆ เพราะแสงจากด้านนอกสาดส่องเข้ามากระทบกับชุดคนตัวเล็กที่เป็นสีขาวโปร่งใส ทำให้เห็นเรือนร่างของเธอชัดเจนอย่างกับเธอยืนเปลือยกายตรงหน้า
“จะยืนอ่อยอีกนานไหม ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว” นายหัวตุลธรเสหน้าหนีไปทางอื่นอย่างขัดใจตัวเอง เห็นแค่นี้ทำไมถึงได้ปลุกอารมณ์ดิบของเขาได้ ทั้งที่เห็นนักท่องเที่ยวใส่ชุดบีกีนี่จนชินตาแล้ว
“ทุเรศ ใครเขาอ่อยนาย แล้วอีกอย่างนายกล้าดียังไงมาเปลี่ยนชุดให้ฉัน”
“ไปอาบน้ำ” ตุลธรไม่ตอบแต่กลับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเอ่ยในสิ่งที่เขาต้องการ
“ทำไมฉันต้องอาบ ฉันอยากไปจากที่นี่ไม่ได้อยากมาขัดดอกบ้า ๆ อะไรนั้น”
“ช่วยไม่ได้ อาเธอแสหาเรื่องให้เธอเอง ถ้าไม่อยากขัดดอกก็รีบติดต่ออาเธอให้ได้”
“จะให้ติดต่อไงล่ะ ฉันไม่มีเบอร์ติดต่อเขา” เพราะก่อนจะมาถึงบ้านชัยวัฒน์ พรพระพายติดต่อโทรหาทั้งหลายสาย ทว่าไม่มีการตอบรับเธอจึงเหมารถมาส่งที่บ้านของอาแทน
“นั่นมันก็ปัญหาของเธอ! จะเดินไปเองหรือจะให้ฉันโยนเข้าไป”
“...” พรพระพายกอดอกเชิดหน้า ไม่มีทางที่เธอจะยอมทำตามคำสั่งผู้ชายคนนี้!
“หนึ่ง!”
“...” คนตัวเล็กยังคงยืนนิ่งเหมือนเดิม
“สอง!” เขากดเสียงต่ำ
“ว๊ายยยยยย!” พรพระพายกรีดร้องตกใจเพราะไม่ทันที่ตุลธรจะเอ่ยประโยคที่สาม ร่างของเธอก็โดนมือหนาจับอุ้มเหวี่ยงเข้าไปในห้องน้ำเต็มแรงเหนี่ยว ก่อนจะปิดประตูดังโครม!
“ฉันให้เวลาสิบนาที ถ้ายังไม่เสร็จฉันจะเข้าไปอาบให้เธอเอง”
พรพระพายอยากจะกัดลิ้นตัวเองตายซะเดี๋ยวนี้ ทำไมเธอต้องตกอยู่ในน้ำมือผู้ชายคนนี้ด้วย ชีวิตที่วาดฝันไว้พังทลายลงไม่เป็นท่า ทั้งที่มีบริษัทชั้นนำติดต่อซื้อตัวพร้อมกับตำแหน่งที่จะทำให้อนาคตการงานของเธอมั่นคง
“เหลืออีกแปดนาที!” ตุลธรย้ำเสียงดังเมื่อยังไม่ได้ยินเสียงเปิดน้ำ
“รู้แล้ว” ทำให้พรพระพายตะโกนลั่นออกไป
‘ไอ้บ้า แปดนาทีเนี่ยนะ แค่ถูสบู่ยังไม่พอเลย’
‘อย่าให้ฉันรอดไปได้ ฉันจะเอาตำรวจมาลากคอแกแน่ คอยดู’
โครม!
“บ่นอะไรวะ ฉันสั่งให้อาบน้ำ” ตุลธรใช้เท้าถีบประตูห้องน้ำย้ำเตือนสติคนที่กำลังด่าทอเขาอยู่
“ก็อาบอยู่นี่ไง” เธออาบน้ำไปบ่นเสียงพึมพำในลำคอแทน
จนกระทั่งครบแปดนาที น้ำเสียงไม่พอใจตะโกนดังออกมาอีกรอบ
“ผ้าขนหนูล่ะ แล้วชุดฉันด้วย”
“เปิดประตูสิ”
“จะบ้าเหรอ ฉันโป๊อยู่นะ”
“เออ! ไม่ได้โง่” เขากระแทกเสียงอย่างรำคาญ ก่อนหน้านี้ยืนด่าเขาได้ฉอด ๆ โดยที่ด้านในไม่ใส่อะไร มาตอนนี้ทำเป็นอาย
“คิดว่าไม่ฉลาดซะอีก”
“หยุดปากดี ไม่งั้นจะพังประตูเข้าไป”
“ป่าเถื่อน!”
โครม!
“โอเค ๆ ฉันยอมแล้ว” คนตัวเล็กถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย สุดท้ายก็ยอมเปิดประตูเพียงเล็กน้อยให้พอจะยื่นมือออกไปรับเสื้อผ้าได้
ด้านตุลธรไม่ได้อิดออดยอมส่งเสื้อผ้าให้ดี ๆ แต่ดูเหมือนว่าพรพระพายจะหายเข้าไปนานกว่าอาบน้ำซะอีก
“เสร็จยัง”
“ฉะฉันใส่ผ้าซิ่นไม่เป็น นายไม่มีกางเกงเหรอ” เธอก้มมองสภาพตัวเองอย่างเวทนา
“เปิดประตู”
“ก็ฉันบอกว่าฉันใส่ผ้าซิ่นไม่เป็น ฉันเปิดนายก็เห็นน่าสิ”
“เปิดประตู” เขาย้ำด้วยเสียงสุดจะทน
“...” ด้านพรพระพายกลับเงียบลังเลกับสภาพตัวเอง
“พรพระพาย!”
เพียงแค่เขาเอ่ยชื่อคนตัวเล็กก็ยอมเปิดประตู ตุลธรไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมเผ้าถูกมัดรวบเอาไว้เป็นโดนัท ใบหน้าหวานเวลานี้ไม่มีเครื่องสำอางแต่งเติม ทำให้เห็นใบหน้าหวานสดชัดเจน
เธอสวยน่ารักโดยที่ไม่ต้องแต่ง คิ้วดกดำเรียวได้รูป ดวงตากลมโตเข้ากับขนตาหนางอนเด้ง แก้มอมชมพู ริมฝีปากอวบอิ่มสวยน่าสัมผัส พรพระพายสวมใส่เสื้อกล้ามสีขาวทับด้วยเสื้อเชิ้ตโปล่งใส แต่ทว่าทุกอย่างเกือบจะดูดีถ้าไม่ติดตรงมือบางที่กำลังกำผ้าซิ่นเอาไว้แน่นมือ
“มานี่!” ตุลธรดึงคนตัวเล็กมายืนข้างเตียงแล้วเขาก็นั่งลงพร้อมกับยื่นมือไปหมายจะนุ่งผ้าซิ่นให้
“นายจะทำไร” พรพระพายเบี่ยงตัวหลบหนีมือหนาทันที
“เอามือออก” เขากดเสียงต่ำอย่างรำคาญกับลูกหนี้ที่มากเรื่อง
“ไม่”
ฟึ่บ!
เขาไม่รอคำอนุญาตจัดการดึงมือบางแล้วเป็นฝ่ายจับผ้าเอาไว้เอง “ถ้าไม่อยากโป๊ตรงหน้าฉัน ช่วยยืนนิ่ง ๆ อย่างสะดีดสะดิ้งให้มันมาก”
พรพระพายยอมยืนนิ่งไม่กระดุกกระดิกตัวยอมให้เขานุ่งผ้าซิ่น ถึงแม้จะรู้สึกแปลก ๆ ที่โดนชายแปลกหน้ากระทำกับเธอแบบนี้ แต่คงดีเสียกว่าให้เธอนุ่งเอง
“อ่ะ” เมื่อเสร็จเรียบร้อยมือหนาก็ผลักเอวเล็กให้ออกห่างจากตัว
“อย่าคิดว่าฉันใจดี ครั้งนี้จะเป็นครั้งเดียวที่ฉันทำให้ จำเอาไว้ด้วย”
“ชิ ฉันก็ไม่ได้คิดว่านายจะใจดี” พรพระพายล้อเลียนด้วยสายตา
“พูดมาก คราวนี้ก็ถึงเวลาของลูกหนี้” ตุลธรยืนเต็มความสูง ก้มมองใบหน้าหวานที่เงยหน้ามองเขาตาไม่กระพริบ
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้เป็นหนี้นาย”
“ให้เรียกว่าคุณตุลย์”
“ไม่ ไม่ได้สนิท”
หมับ!
“อ้อ ต้องให้สนิทก่อนเหรอถึงเรียกได้” มือหนาคว้าคนตัวเล็กเข้ามาแนบชิดทันที
“ปะปล่อยนะ” เธอดีดตัวขยับห่างพร้อมทั้งผลักอกแกร่งไม่ให้เข้าใกล้
“เธอบอกเองว่าอยากสนิท” ตุลธรแกล้งโดยการยื่นหน้าเข้าไปจนปลายจมูกเกือบจนแก้ม
“...!?” แต่แล้วคิ้วเล็กขมวดชนกันกับความมโนคิดไปไกลของคนตรงหน้า เธออยากจะสนิทกับเขาตอนไหนกัน “ปล่อย! แล้วเรามาคุยกันดี ๆ ได้ไหมคะ” พรพระพายเห็นว่าคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการเจรจาต่อรองอีกแล้ว
ทำให้ตุลธรยอมคลายมือจากเอวบางแล้วเดินนำออกจากห้องไป
