บทที่ 4
ฉุดฉันทำไม
“อะไรนะ” อรุณ¬วนาตกใจกับคำกล่าวหาของเขา
“พวกสิบแปดมงกุฎ แล้ววันนี้ คุณก็คงตั้งใจมาหาเหยื่อที่รวย ๆ แถวนี้ล่ะสิ ถึงขนาดยอมแปลงร่างจากนางกุลาก้นครัว กลายมาเป็นแม่เสือสาวนักล่า” คำกล่าวหาที่รุนแรงมาก
อรุณ¬วนาถึงกับหน้าแดง เธอหายใจติด ๆ ขัด ๆ กำหมัดในมือแน่น อยากจะชกหน้าไอ้ผู้ชายปากร้ายคนนี้นัก
“คนสมัยนี้ เขาก็หาวิธีรวยทางลัดกันแบบนี้ทั้งนั้น พี่บูเป็นพวกที่อ่อนต่อโลกจนเกินไป เห็นขี้เป็นทอง คงใช้คารมทำให้พี่บูลุ่มหลง” บุรินทร์ประกาศตัวเป็นศัตรูกับเธออย่างออกนอกหน้า และเริ่มกล่าวหาเธออีกครั้ง
“นี่คุณ พี่สาวคุณนะ เธออายุตั้งสามสิบห้าปี แล้วนะ คงไม่โง่ให้ใครมาหลอกเอาได้หรอก” เธอโต้เขาไปแบบเหลืออด
“แต่พวกที่มันทำอาชีพแบบนี้ มันก็มีวิธีการทำให้คนลุ่มหลงได้แบบง่ายดาย หาและทำทุกวิธีการ จนบางครั้ง คนดี ๆ และอ่อนต่อโลก พร้อมทั้งเป็นคนจิตใจดี คาดไม่ถึงหรอก”
“พูดแบบนี้ คุณก็กล่าวหาว่าพี่บูโง่นะสิ คุณมันก็เป็นพวกเศรษฐีโรคจิต ประสาทแดก และปัญญาอ่อน” อรุณ¬วนาขุดเอาคำที่เธอใช้ในนิยายออกมาว่าให้เขา คิดว่าคำพูดเหล่านี้จะทำให้ไอ้บ้านี่สำนึกได้
เขาจ้องหน้าเธอเขม็ง ขยับตัวเข้ามาใกล้ แล้วจับหมับเข้าไปที่แขนของหญิงสาวอย่างแรง
“โอ้ย... นี่คุณจะทำอะไรฉัน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันเจ็บ และอีกอย่าง คุณกับฉัน เราก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรกันมาก่อนด้วย อย่ามาใช้กำลังข่มเหงกันนะ แค่คำพูดที่ฉันได้ยินจากคุณ มันก็แสนจะสะอิดสะเอียนแล้ว” เธอปากดี ทั้งที่ตัวเองยังรู้สึกหวาดกลัวเขาจริง ๆ
บุรินทร์กระชากแขนของเธออย่างแรง
“ทำไมจะไม่มีล่ะ ในเมื่อน้องชายของคุณแต่งงานกับพี่สาวของผม คุณก็ต้องมีส่วนในการรับผิดชอบในเรื่องนี้”
“รับผิดชอบเรื่องอะไร พี่สาวของคุณกับน้องชายของฉัน พวกเขาแต่งงานกันด้วยความรัก” อรุณ¬วนาทำตาโต
“เชอะ รักหรือ น้องชายของคุณ มันรักในเงินของพี่บูมากกว่ามั้ง คงคิดว่าตัวเองเป็นหนูตกถังข้าวสาร คิดว่าจะมากอบโกยเอาทุกอย่างนะสิ” คำพูดและสายตาที่ดูถูก
“นี่คุณ มันจะดูถูกกันมากเกินไปแล้วนะ ปากคอเราะราย คุณคงเป็นจำพวกคนเหล่านั้นนะสิ ถึงได้คิดว่า ใคร ๆ ก็มีนิสัยเหมือนคุณ”
เธอไม่พอใจเขามาก มองโต้กลับเขาแบบตาเขม็งเช่นกัน
“อยู่บ้านโกโรโกโสแบบนั้น เพิ่งเรียนจบ แล้วมาทำงานกับพี่บูไม่ถึงปี แต่ก็เลื่อนฐานะมาเป็นสามีได้ ต้องใช้เล่ห์กลขนาดไหนกัน คงขุดมารยาเอามาใช้หมด แล้วอีกเรื่อง อย่าคิดว่า ผมไม่รู้เรื่องของพวกคุณนะ ไอ้บ้านหลังเก่า ๆ ของคุณน่ะ กำลังจะถูกยึด มันเลยทำให้พวกคุณนะ หาที่ยึดเกาะ หาเงินแบบด่วน ๆ เพื่อเอาไปไถ่ถอน ไม่ใช่หรือ”
เขารู้จริงไปหมด เรื่องนี้ทำให้อรุณ¬วนาถึงกับผงะ เธอเถียงเขาไม่ออกเลยจริง ๆ ใช่ นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ อติ¬คุณเริ่มเข้าหาบูรณี แต่นั่นมันเริ่มต้น แต่ตอนนี้ทั้งสองคนรักกัน
“หึ-หึ ถึงกับพูดไม่ออกกันเลยทีเดียวหรือ”
“คนบ้า คนผีทะเล คุณมัน...” เธอตั้งท่าจะเถียง แต่มันก็เถียงเขาไม่ออก เพราะนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ อติ¬คุณรีบแต่งงาน
“มันคือเรื่องจริง” เขาย้ำกับเธออีกครั้ง คราวนี้ บุรินทร์กระชากร่างของเธอให้เดินตามเขาไปที่รถ ชายหนุ่มกดรีโมตเพื่อปลดล็อกรถสปอร์ตสีเหลืองสะดุดตาของเขา ซึ่งเป็นสีเดียวกับที่เธอใส่ในตอนนี้เลย
“อะไรของคุณนี่ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น” อรุณ¬วนาพยายามจะขัดขืน
“ปล่อยก็โง่นะสิ เธอต้องไปเป็นตัวประกัน และต้องไปอยู่กับฉัน จนกว่าฉันจะพิสูจน์ได้ว่า นายอติ¬คุณน้องชายของเธอ มันไม่ได้เป็นไปตามที่ฉันกล่าวหา”
เขาลั่นจุดมุ่งหวังของตัวเองออกไป
“คุณจะบ้าไปแล้วหรือ น้องชายฉันจะทำอะไร มันก็ไม่เกี่ยวกับตัวฉัน นายทำแบบนี้ มันผิดกฎหมายนะ นายกำลังลักพาตัวของฉัน ปล่อยเดี๋ยวนี้ ฉันไม่ยอมไปกับนายหรอก” เธอพยายามขัดขืน และใช้มือของตัวเองแกะมือที่เหมือนคีมเหล็กที่หนีบจับอยู่กับข้อมือเล็ก ๆ ของเธอให้หลุดออก แต่ก็ไร้ผล
ขณะที่เธอพูด เขาก็ยัดร่างของเธอเข้าไปในรถของเขา โดยผลักเธอเข้าไปในฝั่งด้านคนขับ อรุณ¬วนาจำใจต้องขยับตัวเข้าไป เพราะบุรินทร์พาตัวเองเข้ามาในรถด้วย เขาสตาร์ตรถแล้วขับออกไปในทันที
“คาดเข็มขัดซะ ถ้ายังไม่อยากตาย” น้ำเสียงของเขากร้าว หันมาสั่งเธอ
ความเร็วของรถยนต์ที่เขากำลังเหยียบ ทำให้อรุณ¬วนาต้องหาเข็มขัดนิรภัยมาคาดตัวเองเอาไว้ในทันที
“นายจะพาฉันไปที่ไหน”
“ไปถึงก็จะรู้เองแหละ” เขาตอบไม่ตรงคำถาม แต่กลับขับรถไปเรื่อย ๆ ขึ้นทางด่วน และรถคันนี้ก็มุ่งหน้าออกจาก กทม. มาแล้ว
ตอนนี้อรุณ¬วนาเธอไม่รู้เลยว่าเขาพาเธอมาที่ไหน เพราะทางที่เขาขับไปเรื่อย ๆ มันทั้งมืด และก็ทั้งแคบ เธอรู้สึกกลัวขึ้นมา หันไปมองหน้าชายหนุ่มเป็นระยะ ๆ จะหาทางเอาตัวรอด แต่มันก็ช่างมืดมนเหลือเกิน
“ไม่ต้องคิดหนีหรอก บอกได้เลย ถ้าหนีไปจากตรงนี้ เธอก็น่าจะไม่รอดจากพวกกรรมกร อาจจะโดนฆ่าข่มขืนก็ได้”
“คุณมันช่างร้ายนัก คุณเอาสมองส่วนไหนมาคิดว่า น้องชายฉันจะมาหลอกลวงพี่บู คนอคติ และมองโลกในแง่ร้ายมาก มากกว่าทุกคนที่ฉันได้เห็นมา และฉันก็ไม่คิดว่า จะมีคนแบบคุณอยู่บนโลกใบนี้”
“หึ... ยังจะมาพูดมากอีก แม่คุณโลกสวย รู้จักอยู่ให้สงบปากสงบคำไปเถอะน่า ไอ้คำพูดที่คุณพูดนะ มันจะทำให้ผมโมโห แล้วจะทำให้คุณจะโชคร้าย” เขาพูดแบบเหี้ยมเกรียม
“แค่ฉันเจอคุณในตอนนี้ และนั่งอยู่ในรถของคุณ ฉันก็ถือว่าตัวเองโชคร้ายที่สุดแล้ว คนเฮงซวย” เธอยังไม่หยุดปากดี อรุณ¬วนารู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดของเขา คนอะไรมองคนในแง่ร้ายที่สุด
“ฮา... นี่คุณ ผมจะบอกอะไรคุณให้รู้นะ ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ได้มาง่าย ๆ หรอก และผมนี่แหละจะเป็นตัวขัดขวางทุกอย่างในสิ่งที่น้องคุณ และคุณกำลังคิด อย่าได้หวัง” เขาหัวเราะเสียงเย็น
