บทที่ 3
“พี่รุทรไปเรียนปริญญาโท เขาสอนให้ปล่อยวางชีวิตด้วยเหรอคะ เรียนได้วันเดียวถึงกับต้องมาซื้อรถมือสองเอาไว้ขับไปเรียน... แล้วนี่อะไร พี่จะใช้รถญี่ปุ่นจริงๆ เหรอ พี่ขับได้เหรอ”
รมิตายกมือทาบอกเมื่อเห็นรถกระป๋องคันเล็กมือสองที่ดูโปเกมาส่งถึงหน้าโชว์รูมซูเปอร์คาร์อันดับหนึ่งของเมืองไทย รถที่รุทรไปหามาตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบได้ จ่ายเงินซื้อและเอามาขับแทนพานาเมร่าคันเก่าที่ใช้ไปไหนมาไหนประจำ
หล่อนก็ไม่อยากเชื่อว่า คนที่มีเฟอร์รารีกับแอสตันมาร์ตินอยู่ในบ้านจะหันมาขับรถกระป๋องญี่ปุ่นร้ายๆ แบบนี้ได้
“มิตา พี่เป็นช่างซ่อมรถ ทำไมจะขับรถเก่าไม่ได้”
“แต่ว่าสปริงมันจะเด้งแล้วก็กระแทกจนพี่รุทรเจ็บก้นนะคะ” น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยดูกลมกลืนจนไม่รู้สึกว่าเจ้าตัวอวดรวยเลยสักนิด หากพี่ชายโคลงศีรษะ บอกน้องสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คนอื่นค่อนประเทศเขานั่งกันได้ พี่ก็ต้องนั่งได้ด้วยสิ เบาะก็ไม่ได้แข็งขนาดนั้นสักหน่อย”
แต่คนเป็นน้องสาวก็ยังบ่นอุบไม่จบสิ้น เดินไปดูรถคันใหม่ของพี่ชายรอบคัน แล้วเปิดเข้าไปเช็กสภาพข้างใน ทุกอย่างดูน่าแปลกจนหล่อนไม่ทราบว่าทำไมพี่ชายถึงอยากได้รถคันนี้มาใช้งานอย่างปัจจุบันทันด่วนขนาดนี้
“ท่าทางมีพิรุธ เมื่อวานก็แอบไปกินข้าวที่ไหนไม่รู้ไม่ยอมมากินกับพวกเรา ลุงฤทธิ์บอกว่าไปรับที่ร้านกาแฟ ไกล๊ไกล ไม่เห็นเคยรู้ว่าชอบกินกาแฟแถวนั้น”
ทุกความเคลื่อนไหวถูกรายงานให้พี่ชายคนรองที่มีท่าทีเฉยๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เรวัตรทิ้งตัวลงบนโซฟา ฟังน้องสาวพูดจนจบแล้วถาม
“เธอเป็นน้องหรือเป็นแม่ของพี่รุทรเหรอมิตา... จะตามจับผิดเขาไปตลอดเวลาก็ไม่ได้นะ พี่รุทรเขาก็ต้องมีชีวิต มีโลกส่วนตัวบ้างสิ จะมาตัวติดอยู่กับเธอตลอดได้อย่างไร”
“แต่พี่เรย์ยังมากินข้าวกับมิตาได้เลย”
“ก็พี่ไม่รู้จะไปไหนนี่หว่า... ถ้าช่วงนี้มีแฟนก็คงเทแล้วเหมือนกัน ใครจะเห็นน้องดีกว่าแฟน ไม่มีทางหรอก”
“พี่เรย์” รมิตาโวย ค้อนพี่ชายคนดีกะหลับกะเหลือก “สุดท้ายทุกคนก็ทิ้งมิตา”
“เธออย่ามาออกเรือนก่อนใครเขาก็แล้วกัน ต้องให้เกียรติพี่เรย์ก่อนนะ ส่วนเธอก็ไม่ต้องรีบมีแฟนหรอก ผู้ชายสมัยนี้มันไว้ใจไม่ได้ หลอกคบกับเราแล้วก็มีคนอื่น เดี๋ยวเธอจะเสียใจ พี่เตือนไว้ก่อนเลย ผู้ชายสมัยนี้น่ะมันไว้ใจไม่ได้หรอก”
“พี่เรย์มองโลกในแง่ร้าย ตัวเองก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน”
“แต่พี่เป็นคนดี”
รมิตาย่นจมูก มองพี่ชายตัวเองด้วยสายตาไม่เชื่อถือ แต่หล่อนก็ทราบว่า ภายใต้ลักษณะเหมือนคนขี้เล่นดูสำอางเฟรนด์ลีไปหมดทุกอย่างนั้น เรวัตรกลับเป็นคนที่หวงความโสดกว่าใครทุกคนในบ้าน
“ทำไมทุกคนมีแฟนได้แต่มิตามีไม่ได้”
“เพราะเดี๋ยวเธอจะโดนเขาหลอกแล้วทิ้ง เธอเป็นคนมีค่านะ พี่บอกให้เลย ผู้ชายด้วยกันรู้จักกันดี ส่วนใหญ่เห็นผู้หญิงสวยๆ ก็จีบเล่นหวังฟันทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครคิดจริงจังหรอก”
คนเป็นน้องเหลือบค้อน ไม่วายย้อนพี่ชายคนรองว่า
“เอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานเชียวนะ”
“สำหรับพี่ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่จีบหรอกน่า เสียเวลาชีวิต”
“นั่นแน่ะ”
เรวัตรขยี้ผมน้องสาวตัวเองแรงๆ ด้วยความหมั่นไส้กึ่งเอ็นดู รมิตาเป็นเด็กขี้อ้อน น่ารักจนเขาไม่อยากเห็นหล่อนต้องเสียใจเพราะผู้ชายคนไหน สักวันถ้าหล่อนจะมีใคร เขากับรุทรก็คงต้องช่วยกันคัดกรองอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้น้องสาวต้องบอบช้ำจากคนที่ไม่คู่ควร
พี่ชายทั้งสองคนทั้งหวงทั้งกันท่า แต่ก็ต้องยอมรับว่าพวกเขาปกป้องหล่อนออกจากอันตรายได้มากพอสมควร หล่อนมีทุกอย่างพร้อมทั้งรูปทรัพย์ ทุนทรัพย์ที่กินเป็นชาติก็ไม่หมด ไหนจะการศึกษาที่ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ย่อมเป็นจุดดึงดูดความสนใจจากคนรอบกาย
“ใครๆ เขาก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้นแหละ มิตาไม่รู้ทันเขาหรอก”
สุดท้ายหล่อนคงจะได้ขึ้นคาน เพราะพี่ชายทั้งสองคนหวงราวกับอะไรดี...
“วันนี้คุณขับรถมาเหรอคะ”
ยามค่ำหลังเสร็จจากการเรียน เขาเดินมาตามถนนมืดสลัว มีแต่แสงไฟจากเสาที่ริมขอบทางคอยให้แสงสว่างอยู่ในความมืด
“ใช่... คุณกลับอย่างไร ผมไปส่งให้เอาไหม ดึกแล้วรถไม่ติดเท่าไรหรอก”
“เกรงใจคุณจัง”
ท่าทางกระอักกระอ่วนใจของหญิงสาวทำให้เขาหยุดเดินและหันมามองหน้าเพื่อนร่วมคลาส สบตาแสนซื่อ
“ป่านนี้ยังพอมีรถเมล์อยู่ ณินกลับเองก็ได้ค่ะ ไม่อยากให้คุณลำบาก ไปกันคนละทางเลย”
“บ้านคุณอยู่แถวไหนล่ะ”
“ถัดจากร้านไปประมาณสองกิโล”
“ถ้าอย่างนั้นก็มาด้วยกันเถอะ บอกทางแล้วกัน เดี๋ยวผมขับเอง”
สุดท้ายเขาก็ลากหล่อนมาด้วยกันจนได้ รถกระป๋องญี่ปุ่นเก่ามือสองที่ซื้อมาจากเต็นท์รถคนรู้จักจอดอยู่ในลานจอด ตอนที่ซื้อเขาใช้เวลาไม่นานสักนิด เดินผ่านเลือกดูคันที่สภาพโทรมพอสมควรแล้วโอนเงินสดเข้าบัญชีโดยไม่ต้องคิดนาน แต่หลังจากเริ่มขับก็พบว่ามันมีดีอยู่ไม่ใช่น้อย แอร์ยังเย็น ช่วงล่างยังพอไปไหว ไม่ได้เหมือนรถเก่าที่เจ้าของไม่ดูแล
“รถคุณสะอาดดีจัง ไม่ค่อยรกเหมือนรถณิน มีแต่ของใช้กระจัดกระจาย”
ถ้าเป็นคันเก่งของเขาก็ไม่แน่... บางทีก็มีเสื้อกันหนาว หรือรองเท้า ของกระจุกกระจิกของรมิตาวางลืมเอาไว้ให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นของผู้หญิงที่เขาคบหา
“แอร์เย็นเกินไปหรือเปล่า คุณหรี่แอร์ลงได้นะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่ได้หนาวมาก พอได้อยู่”
“หิวหรือเปล่า” เขาถามขึ้นมาระหว่างขับรถไปตามท้องถนนเพื่อไปส่งหล่อนถึงบ้าน “แวะหาอะไรกินกันดีกว่า”
“ก็ได้นะคะ ใกล้ๆ บ้านณินมีร้านโจ๊กเปิดหม้อ อร่อยมากเลยนะ”
“บอกทางมาละกัน”
ญาณินบอกทางให้เขาอย่างกระตือรือร้น ร้านที่หล่อนบอกเป็นร้านขายโจ๊กข้างทาง มีโจ๊กอยู่ในหม้อใหญ่ กระเด็นออกมาตามขอบหม้อ คนทำงานนั่งรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย ตรงกันข้ามกับเขาที่ไม่เคยกินร้านแบบนี้เลยแม้สักครั้ง ในชีวิต
“ดูร้านแบบนี้แต่อร่อยมากเลยนะคะ คุณกินไข่เยี่ยวม้าไหม ณินชอบ”
“สั่งมาก็ได้ ผมกินได้ทุกอย่าง”
รุทรบอก มองบรรยากาศในร้านดูแออัดแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดมากนัก อาหารมาส่งเร็วมาก โจ๊กหม้อใหญ่ใส่เครื่องครบครันที่เขาเคยเห็นเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยหลายคนชอบกิน
“คุณไม่เคยกินเหรอ”
“ร้านนี้ไม่เคยหรอก” เขาบอกพลางชิมคำแรก “อร่อยดีนะ”
“บอกแล้วไงว่าร้านที่หาให้ค่อนข้างดีทุกร้านเลย”
“อร่อยมากเลยแหละ หรือเพราะหิว”
“คุณนี่ตลกจัง” เพื่อนสาวร่วมคลาสมองสีหน้าท่าทางของเขาก่อนจะหัวเราะเสียงดัง จนคนถูกมองวางช้อนแล้วถาม
“ตลกอะไร”
“ก็คุณดูเชยๆ ร้านโจ๊กเปิดหม้อก็ไม่เคยกิน รู้หรือเปล่า เขามีสาขาเยอะมาก” ท้ายเสียงลากยาวให้สมจริง รอยยิ้มกระจ่างใส ชวนให้คนมองรู้สึกสบายใจ “ณินชอบกินโจ๊กใส่ไข่เยี่ยวม้ามากเลย เวลาเรียนเลิกค่ำๆ ก็กินก่อนเดินเข้าบ้าน บ้านณินอยู่ในซอยข้างร้านนี่เอง”
“มานั่งกินคนเดียวอันตรายออก”
“ไม่หรอกค่ะ กับเจ้าของร้านก็สนิทกัน”
หล่อนกินอย่างรวดเร็วเพราะความหิว เช่นเดียวกับเขาที่ไม่ได้พักผ่อนเลยตลอดทั้งวัน สั่งชาเย็นมาอีกคนละแก้วเพื่อดื่มแก้กระหาย รุทรหัวเราะเบาๆ กับท่าทางโหยหิวของหญิงสาว ทอดตามองอ่อนโยน
“กลางวันคุณทำงานที่อู่ตลอดเหรอคะ”
“ก็มีทั้งอู่ มีทั้งเต็นท์” เขาบอกหน้าตาย... “บางทีก็ต้องตามไปที่สนาม ไปดูตอนรถใช้งานจริง เจ้าของเขาขับอาจจะมีปัญหาบ้างเวลาออกหน้างาน”
“ณินยังไม่เคยนั่งรถแข่งแบบนั้นเลยค่ะ สมัยก่อนบ้านมีเงินก็ซื้อเบนซ์มาขับ แต่พอธุรกิจขาดทุนก็เลยขายไป ณินก็เอารถคันเก่ามาขับแทน บางทีก็นั่งรถเมล์ ก็สนุกดีนะคะ”
รุทรยิ้มรับกับรอยยิ้มของหญิงสาว อยากจะพูด อยากจะคุยอะไรให้มากกว่านี้แต่ก็เหมือนพูดไม่ออกเอาเสียดื้อๆ เผลอมองหล่อนเจื้อยแจ้วจำนรรจาด้วยความเพลิดเพลินโดยไม่รู้ตัว
เขาอยากให้เวลาเดินช้าลงกว่านี้ จะได้มองหล่อนไปเรื่อยๆ ไม่รู้จักเบื่อ... แปลกจริง จิตใจของเขาเป็นอะไร ถึงได้หวั่นไหวไปกับคนตรงหน้าอย่างง่ายดาย เหมือนมีอะไรบางอย่างที่บอกว่าเคยคุ้นกับหล่อนมานาน
ไม่อยากเชื่อเรื่องของพรหมลิขิต เนื้อคู่ หรืออะไรใดๆ แต่สุดท้ายแล้วความรู้สึกนั้นก็เกิดขึ้นมาจริงๆ
“คุณไม่เหนื่อยเหรอคะ ดึกมากแล้ว ที่จริงคุณไม่น่าลำบากมาส่งณินเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยผมก็ได้กินโจ๊กอร่อยๆ นี่ไง”
ความเกรงใจทำให้หล่อนพูดอะไรไม่ออก ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่งก่อนที่ชายหนุ่มพนักงานอู่ซ่อมรถจะเปลี่ยนเรื่องถาม
“เมื่อกี้คุณจดเลกเชอร์ไว้ตั้งเยอะแยะ ผมขอก๊อปปี้บ้างสิ”
“เลกเชอร์เหรอคะ ได้สิ คุณจะเอาชีตกับเอกสารไว้อ่านไหมล่ะคะ เดี๋ยวณินถ่ายเอกสารไว้ให้พรุ่งนี้ก่อนคุณจะเข้าเรียนก็ได้”
“ผมไม่ค่อยมีเวลาหรอก คุณค่อยสอนผมอีกทีได้ไหม วันนี้ฟังไม่รู้เรื่องเลย”
“ไม่แปลกใจหรอกค่ะที่คุณจะฟังไม่รู้เรื่อง ณินเห็นคุณแอบหลับในคลาสด้วย”
รุทรหัวเราะ เขาคงจะเหนื่อยเกินไปเพราะเมื่อเช้าออกไปสนามแข่งเพื่อทดสอบรถที่นักแข่งจะใช้ตั้งแต่ไก่โห่ กลับมาก็ประชุมต่ออีก จนบ่ายจัดกว่าก็ต้องขับรถมาเรียน
ที่จริงตอนนี้ก็แสนเหนื่อยและแสนเพลีย เพียงแต่ว่าอยากอยู่กับคนตรงหน้าให้นานกว่านี้อีกสักนิดเท่านั้นเอง
“คุณรีบกลับไปพักเถอะค่ะ เดี๋ยวจะไม่ไหว ขับรถแล้วหลับในนะ”
“กินอิ่มก็หายง่วงแล้วละ”
“เดี๋ยวจะง่วงไปอีกละสิไม่ว่า” ญาณินค่อน แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงมากนัก “กลับบ้านได้แล้ว ดึกแล้ว”
“ก็ได้ คุณเรียกเขามาคิดเงินสิ”
บอกให้หล่อนเรียกพนักงานมาเก็บเงินอย่างว่องไว หากครั้นพอชายหนุ่มจะช่วยจ่าย หญิงสาวก็รีบร้องห้ามเสียงหลง
“ไม่ได้หรอกคุณ จ่ายกันคนละครึ่ง ไม่ต้องเลี้ยงหรอก”
“ไม่เป็นไร นี่โจ๊กถ้วยละไม่กี่บาท” เขาเปิดกระเป๋าสตางค์ที่มีแบงก์พันอยู่หลายใบในนั้นก่อนจะหยิบเศษแบงก์ร้อยออกมาจ่าย
“ไม่ได้หรอกค่ะคุณรุทร คุณทำงานหนักจะแย่แล้ว จะมาเลี้ยงณินทำไม เก็บเงินคุณไว้ดีกว่า แต่ละเดือนเรายังต้องใช้จ่ายอีกเยอะ”
คำบอกของหล่อนทำให้เขายอมหยุดแย่งจ่ายเงิน แล้วรับค่าโจ๊กครึ่งหนึ่งมาจากหญิงสาวแต่โดยดี ดวงตาทอดมองเจ้าของเรือนผมงาม และรอยยิ้มจริงใจบนใบหน้า
“เลี้ยงณินมากๆ เดี๋ยวไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำมันรถนะ”
มันเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคิดเลยว่า ค่าน้ำมันรถแต่ละเดือนจะหมดไปกี่บาท เพราะมันไม่ได้มากเท่าไรถ้าเทียบกับรายได้ของเขาในแต่ละเดือน และยิ่งกว่านั้นคือค่าโจ๊กมื้อนี้แทบจะไม่นับว่าเป็นเศษเงินในกระเป๋า
ค่าอาหารแต่ละมื้อที่เขากินกับน้องอีกสองคนคงจ่ายค่าโจ๊กนี้ได้เป็นร้อยมื้อ...
“เดินทางปลอดภัยนะคะ เดี๋ยวณินเดินเข้าไปในบ้านเอง ซอยมันแคบ คุณไม่ต้องเข้าไปส่งหรอก เดี๋ยวจะเลี้ยวออกมาลำบาก เดินไปแค่นิดเดียวเองค่ะ”
“เจอกันพรุ่งนี้นะ”
“ค่ะ”
หล่อนโบกมือให้เขาจนกระทั่งรถกระป๋องเก่าคันนั้นแล่นไปจนไกลสุดสายตา หญิงสาวหันกลับมาเดินดุ่มกลับเข้ามาในซอยบ้านของตัวเองเงียบๆ
อะไรบางอย่างทำให้หล่อนรู้สึกดีเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา เหมือนไม่มีกำแพงอะไรกั้นอยู่เลยระหว่างตัวเองกับเพื่อนใหม่คนนี้
...ที่จริงแล้ว... เขาก็ดูน่ารักดีเหมือนกัน...
น่ารักมากทีเดียวเชียวละ...
