บท
ตั้งค่า

10

อชิระเดินเข้ามาบ้านอย่างหัวเสีย เมื่อคืนเขาถูกผู้เป็นแม่โทรเรียกให้กลับมาบ้าน โดยให้ถึงบ้านทันมื้อเช้า โทรมาบอกก็ตัดสายไปไม่ให้เขาได้เอ่ยปฏิเสธแม้แต่น้อย เล่นเอาคนตัวสูงหัวเสียเป็นอย่างมาก เขายังเล่นสนุกกับของเดิมพันที่พึ่งได้มาไม่คุ้มค่ากับแรงกายที่เขาเสียไปเลย ก็ต้องรีบบึ่งรถกลับบ้านอย่างรวดเร็วให้ทันเวลาที่กำหนด ดีหน่อยที่เขาชื่นชอบความเร็วเป็นส่วนตัวอยู่แล้ว ไม่งั้นคงได้ถูกบ่นจนหูชาอีกแน่ถ้ากลับมาไม่ทันเวลา

“หึ เดินหัวเสียมาแต่ไกลเลยนะ ใครเหยียบหางมาล่ะนั่น” ชบาเอ่ยเย้าลูกชายเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเดินเอามือขยี้กลุ่มผมเข้าบ้านอย่างหัวเสีย

“คุณแม่มีอะไรก็รีบๆ พูดมาเถอะครับ ผมต้องเข้าบริษัทต่อ”

“เรื่องแต่งงานของแกกับหนูพาย วันนี้แม่จะเข้าไปคุยกับน้องเรื่องงานแต่ง ตอนเย็นแกก็แวะไปรับน้องที่บริษัทแล้วก็พาน้องไปทานมื้อเย็นบรรยากาศดีๆ สักที่”

“ถ้าเป็นเรื่องงานแต่งผมขอค้าน ผมจะไม่ยอมแต่งยัยเด็กนั่นออกหน้าออกตาให้ขายหน้า ถ้าจะให้ผมเข้าไปช่วยบริษัท ก็ให้แค่จดทะเบียนสมรสก็คงจะพอแล้วละมั้งครับ จะจัดงานให้สิ้นเปลืองทำไม ทางเรามีแต่เสียกับเสีย”

แม่เขาเคยพูดเรื่องบริษัทของอีกฝ่ายอยู่บ่อยครั้งหลังจากที่ คู่สามีภรรยาของเพื่อนสนิทแม่เขาเสีย ให้เขาไปเป็นที่ปรึกษา ไปช่วยดู ไปช่วยนั่น ช่วยนี่บ้างให้ยัยเด็กนั่นบ้างล่ะ แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะไป อีกทั้งจะไปก้าวก่ายก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ เพราะตัวเขาก็เป็นคนนอก เขาเลยไม่คิดจะสนใจที่จะเปลืองสมองและเวลา ไปกับสิ่งที่เขาจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เพราะฉะนั้นงานแต่งครั้งนี้เขาก็จะไม่ยอมเหมือนกัน แค่ต้องสละจากชีวิตหนุ่มโสดมามีทะเบียนสมรสยึดเกาะ ทั้งยังต้องมาช่วยบริษัทที่กำลังขาดทุนอย่างหนักอีก แค่นี้ก็คงจะเพียงพอแล้ว

“จะทำอย่างนั้นไม่ได้นะ ลูกเขามีพ่อมีพ่อมีแม่ จะมาจดทะเบียนแล้วอยู่กินกันเฉยๆ ไม่ได้ แม่ไม่ยอม!”

“ถ้าจะให้จัดงานแต่งผมก็ไม่ยอมเหมือนกันครับ!” อชิระเอ่ยเสียงเรียบก็จะลุกเดินหนีขึ้นไปบนห้อง เตรียมตัวออกไปบริษัท เขาไม่แม้แต่จะกินมื้อเช้า

“เจ้าลูกชายคนนี้นี่”

“คุณป้ามีเรื่องอะไรกังวลใจหรือเปล่าคะ” สีหน้าคล้ายมีเรื่องทุกข์ใจของคนต้องหน้าทำให้พัทชาอดไม่ได้ที่จะถาม ปกติคุณป้ามักจะมาด้วยสีหน้าแย้มยิ้มเสมอ

“จะมีเรื่องอะไรซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องตาเชนท์ เห้อออ” วันนี้นางกะว่าจะมาพูดคุยเรื่องงานแต่งกับหญิงสาว แต่เมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ช่วงเช้าที่มีปากมีเสียงกับบุตรชายก็ได้แต่ถอนหายใจ ถ้าอชิระมีท่าทางเช่นนั้น ก็คือว่าอย่างไรเขาก็จะไม่มีทางยอม แค่นี้เธอก็รับรู้ว่าเจ้าลูกชายยอมอ่อนให้เธอมากแล้ว ทำให้ได้แต่คิดไม่ตกว่าจะจัดการยังไงดี จึงได้นั่งหน้าเคร่งเครียดจนคู่สนทนาเอ่ยถาม

“ถ้าคุณป้ามีเรื่องไม่สบายใจอะไรบอกพายได้นะคะ พายยินดีรับฟัง ถ้าพายพอช่วยได้พายก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือค่ะ” ไม่พูดเปล่าพัทชาส่งยิ้มให้คนตรงหน้า รอยยิ้มน้อยๆ แต่จริงใจ คุณป้าทั้งเอ็นดูและให้ช่วยเหลือเธอมาตั้งมาก ถ้าเรื่องไหนไม่บากกว่าแรงเธอก็พร้อมที่จะให้เข้าช่วยเหลือ

“ป้าก็ไม่อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้หรอกนะหนูพายแต่ป้าไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ตาเชนท์ก็หัวรั้น จะไม่ยอมท่าเดียว ป้าไม่อยากให้หนูเสียเกียรติ รับหนูเข้ามาอยู่เฉยๆ ป้าอยากให้ตบแต่งตามประเพณี แต่ตาเชนท์ไม่ยอมท่าเดียว พูดแล้วมันก็หน้าโมโหนัก”

“พายเข้าใจค่ะคุณป้า แค่นี้ก็ถือว่าคุณเชนท์ช่วยพานมากแล้ว พายโอเคค่ะถ้าจะไม่มีงานแต่งงาน มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรค่ะ พายเข้าใจ คุณป้าไม่ต้องกังวลนะคะ” เธอเอื้อมไปกับมือของคุณป้ามากุมพร้อมกับบีบเบาๆ โดยไม่ลืมที่จะส่งรอยยิ้มให้ เป็นการยืนยันว่าเธอโอเค ซึ่งเธอก็โอเคจริงๆ ถึงจะมีอาการแปลบๆ ที่หัวใจบ้าง แต่แค่นี้มันก็ดีแล้ว ที่เขายอมเข้ามาช่วยเหลือมันก็ดีมากๆ แล้ว เธอหวังแค่ให้บริษัท ที่สืบต่อกันมาของครอบครัวยังคงอยู่ ตัวเธอจะเป็นอย่างไรเธอยอมทั้งนั้น ในเมื่อตอนนี้ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว

“ป้าต้องขอโทษหนูจริงๆ นะ หนูพาย แต่ถ้าอยู่ๆ กันไป แล้วรัก ชอบพอกัน ป้าก็ยินดีจัดงานให้หนูอย่างสมเกียรติ หนูไม่ต้องเป็นห่วงนะ”

“ค่ะ ขอบคุณ คุณป้านะคะ” เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้มขมขื่น เขาจะมาชอบเธอได้อย่างไร เห็นชัดอยู่แล้วจากการกระทำของเขาที่ผ่านมา

“เย็นนี้พี่เขาจะมารับไปทานข้าว ป้าบอกพี่เขาไว้แล้ว ถ้าตาเชนท์ไม่มารับหนูยังไง โทรรายงานป้าด้วยนะ” เมื่อคุยรายละเอียดต่างๆ ที่เหลือเรียบร้อย ก็แจ้งเรื่องที่เธอนัดให้สองคนมาพบหน้าพูดคุยกัน หรือเป็นการนัดดูตัวกลายๆ เธอมั่นใจว่าหญิงสาวตรงหน้าสามารถมัดใจลูกชายหัวรั้นของเธอได้

นี่ก็หกโมงกว่าแล้ว แสงตะวันเริ่มลับขอบฟ้า ท้องฟ้าก็เริ่มที่จะมืดขึ้นเรื่อยๆ เธอนั่งรอเขาอยู่หน้าบริษัทมาจะครึ่งชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าเขาจะโผล่มารับเธอ เบอร์โทรติดต่อก็ไม่มี คุณป้าบอกว่าเขาจะมารับพาเธอไป ดีหน่อยที่เธอรอบคอบยังให้คุณลุงคนขับรถอยู่ก่อน ไม่อย่างนั้นถ้าเขาไม่มาเธอคงต้องกลับแท็กซี่ ยิ่งเวลากลางคืนยิ่งอันตราย ตัวเธอคนเดียวไม่เท่าไหร่ เธอยังมีลูกในท้องที่ต้องดูแล แม้จะเกิดจากความผิดพลาด แต่เธอก็รักเด็กคนนี้ด้วยใจจริง อยู่กับเธอมาสามเดือนแล้ว เธอรู้สึกผูกพันอย่างบอกไม่ถูก มันคงเป็นความรู้สึกของคนเป็นแม่สินะ ไม่ว่าเปล่าหญิงสาวยกมือขึ้นมาลูบหน้าท้องเบาๆ คงเป็นท้องแรงด้วยจึงไม่นูนออกมาชัดเจนนัก ถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็อาจจะคิดว่าเธออ้วนลงพุงได้

ปรี๊ด ปรี๊ด

“จะนั่งเซ่ออีกนานไหม!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel