ตอนที่2
อยากได้ยินคำว่ารัก...ไม่หรอก นี่เป็นเพียงความคิดและคำตอบในใจหล่อนเท่านั้น ไม่มีวันที่คนอย่างนางสาวนิชากานต์ นาถวัฒน์ จะหลุดคำพูดเช่นนี้ออกไป
“ไม่ค่ะ นิชไม่อยากได้ยินคำพูดอะไรจากพี่วาอีก ไม่อยาก...”
นิชกานต์สะบัดหน้าหนีแววตาคม เพื่อซ่อนความรู้สึกยอกแสยงในอกที่อาจจะปรากฏออกมาให้เขาจับได้
“เมื่อเราตกลงกันได้ด้วยดีแบบนี้ นิชก็ดีใจ”
หล่อนหันกลับมา หลังจากกล้ำกลืนความรู้สึกร้าวรานได้แล้ว วาสพยังเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะแบบไร้เสียง สีหน้าของเขาสงบจนดูเป็นเฉยเมย
“แต่นิชยังอยากจะขอร้องพี่วาอย่างหนึ่ง”
หล่อนพูดต่อขณะวาสพตั้งใจฟัง
“นิชอยากให้พี่วาไปเจรจากับผู้ใหญ่เอง รวมทั้งแม่ของนิชด้วย เพราะถ้านิชพูด...”
นิชกานต์นึกปฏิกิริยาของมารดาออก จริงอยู่...ที่ผ่านมานั้นมารดาอาจจะตามใจนิชกานต์ด้วยความรัก และสงสารลูกสาวที่กำพร้าพ่อตั้งแต่อายุเพียงไม่กี่ขวบ แต่เรื่องใดที่ได้ตัดสินใจไปแล้วนิชกานต์จะต้องปฏิบัติตาม คุณนงเยาว์จะยืนยันให้ทุกอย่างเป็นไปตามนั้น อย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
“ตกลง”
วาสพรับคำง่ายๆ
นิชกานต์ชักไม่แน่ใจว่าหล่อนควรดีใจหรือไม่ที่อะไรๆ เป็นไปตามความต้องการทุกประการ
“ยังมีอะไรอีกมั้ย ที่นิชอยากให้พี่ทำ”
นิชกานต์รู้สึกปากแห้งจนต้องเลียริมฝีปาก
“ไม่...ไม่มีแล้วค่ะ”
*
“ตกลงจะไปให้ช่างวัดตัวเมื่อไหร่น่ะนิช”
“วัดตัวอะไร?”
คนถามทำสีหน้าสงสัยอย่างแปลกใจเต็มที่
“อ้าว...”
นานแค่ไหนแล้วที่นิชกานต์ไม่เคยเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก นอกจากแววเศร้าหมอง
ช่วงแรก มัลลิกาอยู่ในสภาพคนที่มีเพียงร่างกับวิญญาณจากการสูญเสียบุรุษอันเป็นที่รัก โดยมีสาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมในช่วงเวลาที่ผ่านมาจากอดีตของชายหนุ่ม
ภพสรรค์ นภดลคือชายหนุ่มคนนั้น คนที่ประทับรอยรักไว้ในหัวใจของมัลลิกาไม่เสื่อมคลาย ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด
ชายหนุ่มร่างสูงเพรียว ผู้มีรอยยิ้มและดวงตาสะกดสตรีทั้งหลายที่เผอิญมีโอกาสผ่านเข้ามาในชีวิตราวต้องมนต์
ภพสรรค์คือชายขายร่างไม่ขายรัก และเมื่อพบรักแท้กับสาวน้อยแสนหวานอย่างมัลลิกา เขาตัดสินใจเลือกทางเดินใหม่เพื่อลบอดีตของตัวเอง แต่สุดท้ายปมชีวิตที่นำพาหญิงสาวที่เป็นยอดดวงใจจมสู่ห้วงทุกข์มหันต์ ทำให้เขาเลือกที่จะจากหล่อนด้วยการดับชีพตัวเอง
มัลลิกายอดดวงใจสุดที่รักของเขาบอกว่า หล่อนทนไม่ได้หากจะต้องลาจากเขาทั้งเป็น
เมื่อมัลลิกาเลือกจะลาจากเขาด้วยความตั้งใจจากตาย เขาไม่ลังเลจะให้หล่อนมีคงมีชีวิตด้วยการเป็นฝ่ายวิ่งเข้าหาเงื้อมมือพญามัจจุราชนั้นเสียเอง
การตัดใจของภพสรรค์ ยุติภาวะและสภาพอีหลักอีเหลื่อทั้งหมด
ไม่มีใครว่าคนตาย ว่าเขาเลือกตัดสินใจผิด แต่ถ้าหากโลกเบื้องหลังความตายมีจริง หรือวิญญาณของเขายังลอยนวลอยู่ใกล้ตัวสตรีอันเป็นที่รัก เขาคงได้รู้แล้วว่าเขาตัดสินใจผิด ที่ทำให้สตรีสุดที่รักคนเดียวในชีวิตของเขา มีชีวิตอยู่ในสภาพของคนที่ไร้หัวใจ แทบจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวใดๆ
ระยะเวลาเกือบสามปีนับแต่เกิดโศกนาฏกรรม เพียงแค่ช่วยให้ลมหายใจที่อ่อนแผ่วของมัลลิกาไม่ตกอยู่ในสภาพติดขัดเท่านั้น ความสดใสร่าเริงที่เคยมีในตัวสาวน้อยวัยสิบเก้าได้แตกดับไปพร้อมกับชายคนรัก
ในวัยยี่สิบสอง มัลลิกาเป็นหญิงสาวที่ดวงตาหม่นแสงราวกับว่าพลังชีวิตของหล่อนมีอยู่แค่ให้หล่อนยังดำรงชีพอยู่ได้จนกว่าจะสิ้นอายุขัย
มัลลิกาเป็นเพื่อนรักของนิชกานต์ ตลอดระยะเวลาที่เพื่อนมีความรักหล่อนรับรู้ กระทั่งทุกช่วงเวลาที่เพื่อนรักประสบชะตากรรมอันโหดร้ายเกินกว่าเด็กสาววัยสิบเก้าจะทนรับไหว นิชกานต์ก็อยู่เคียงข้างเพื่อนมาตลอด
ถึงวันนี้หากสิ่งใดทำให้มัลลิกายิ้มได้ หรือรู้จักการหัวเราะด้วยความขบขันจริงๆ ไม่ใช่แค่นยิ้ม หรือเสแสร้งหัวเพราะเพื่อให้คนอยู่ใกล้สบายใจ หล่อนยินดีและเต็มใจที่จะทำทุกอย่าง เพื่อแลกกับการได้ยินเสียงหัวเราะสดใสของเพื่อ หรือรอยยิ้มเบิกบานแม้เพียงชั่วแว่บ
“นิช...ใจลอยไปถึงไหนแล้ว”
นิชกานต์กะพริบตาถี่ๆ เมื่อใบหน้าสวยหวานชะโงกข้ามโต๊ะเล็ก จนดวงตาสวยซึ้งหวานอมโศก สบตาหล่อนในระยะไม่ถึงสองฟุต แววสงสัยใคร่รู้ในทุกข์สุขของเพื่อนมีอยู่เต็มเปี่ยมถึงแม้หัวใจของตนจะเต็มไปด้วยม่านสีดำแห่งความทุกข์ปกคลุม
“ใจลอย เปล่านี่...ก็แค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะ”
“มิน่าล่ะ ถึงไม่ยอมตอบคำถามลิกา”
“ลิกาถามอะไร ถามใหม่สิจ๊ะนิชจะได้ตอบ”
“อย่างนี้แล้วยังจะมาบอกว่าไม่ใจลอย ลิกาถามว่าาาา เมื่อไหร่นิชจะไปให้ช่างวัดตัวตัดชุดเจ้าสาว"
คำถามของมัลลิกาทำให้คนถูกถามหลุบตาลงมองมือตัวเองที่วางประสานกันบนโต๊ะเกือบนาที กว่าจะหลุดคำตอบออกมาได้
“คงไม่ต้องแล้วล่ะ”
“หมายความว่าไงจ๊ะ ไม่ต้องแล้ว หรือว่านิชจะซื้อแบบสำเร็จแทนสั่งตัด”
“เปล่า....”
“อะไรเปล่า”
“ก็...”
เมื่อถูกมองมาด้วยสายตา “กำลังจะเหลือทน” ทำให้ต้องรีบพูดต่อ
“เรื่องระหว่างเรากับพี่วามันจบลงแล้วล่ะลิกา ไม่มีงานแต่ง ทุกอย่างยกเลิกหมด”
“พูดเป็นเล่น”
“ไม่ได้พูดเล่นนะ จริงๆ นิชจะโกหกลิกาไปทำไมละจ๊ะ”
“จะยกเลิกหรือไม่มีการแต่งงานได้ไงกัน?”
