Ep.2
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่มีใครอยู่ในห้องนี้ นอกจากฉันคนเดียว” หล่อนเถียงดวงตากลมโตแทบจะถลนออกจากเบ้าเมื่ออารมณ์โมโหพุ่งขึ้น จนใบหน้านวลผ่องแดงก่ำไปหมด เธอไม่ได้เขิน ไม่ได้ประหม่าใดๆ ทั้งสิ้น เธอแค่โมโหเขาเท่านั้น พิชญาดาราบอกตนเองในใจ สบตาสีทรายอย่างไม่ยอมแพ้ เธอเองก็ไม่เคยต้องสยบให้กับผู้ชายหน้าไหนมาก่อน ต่อให้หน้าตาดีสูงส่งร่ำรวยมากเพียงใด แต่ถ้ามาเสียมารยาทกับเธอแบบนี้ แม่จะแผลงฤทธิ์ให้ดูเป็นบุญตาเลยคอยดูสิ
เธอเกลียดนักพวกผู้ชายที่บ้าอำนาจคิดว่าตนเองเก่งกว่าผู้หญิง มีอำนาจเหนือกว่าผู้หญิง คิดแต่จะข่มเหงเพศแม่ให้เจ็บช้ำน้ำใจ พวกผู้ชายเห็นแก่ตัวที่ไม่เคยคิดถึงจิตใจของคนอื่นแบบนี้ น่าจะจับตอนเสียให้หมด คิดดูสิ...ขนาดบุกรุกเข้ามาในห้องของคนอื่นแบบนี้ยังไม่สำนึกผิดอีก
คงคิดว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่มีพิษสงอะไรล่ะมั้ง ถึงได้มองเธอด้วยสายตาราวกับตนเองเหนือกว่าแบบนี้ แต่เสียใจ...เธอมันเล็กพริกขี้หนูนะจะบอกให้
“อย่ามาโกหกเสียให้ยากเลย ก็ผมเห็นตำตาว่าน้องสาวของผมวิ่งเข้ามาในห้องของคุณ ทำไมจะต้องปกป้องด้วย คุณเป็นอะไรกับน้องสาวของผมไม่ทราบ” เสียงห้าวๆ ของพี่ชายที่เสียงดังมากขึ้นทำให้คนที่หลบซ่อนตัวอยู่ถึงกับร้อนรนกระวนกระวายใจขึ้นมา เพราะรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า พี่ชายที่แสนบ้าอำนาจและออกจะเถื่อนๆ ของเธอจะต้องแสดงธาตุแท้ออกมาแน่ เธอรู้จักพี่ชายของเธอดีว่าเขาดุมากแค่ไหน ดุเหมือนผู้ชายอีกคนที่เธอรักยิ่งชีวิต แต่ผู้ชายที่เธอรักทั้งสองคนกลับคิดที่จะบังคับให้เธอทำในสิ่งที่เธอไม่อยากทำ มันก็ต้องหนีออกมาจากวังแบบนี้แหละ
ในรัฐดูไบไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นถึงเจ้าหญิงแห่งประเทศแซนเธียร่า และไม่มีใครรู้ว่าพี่ชายของเธอเป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งอันโอมานเจ้าชายผู้สูงส่ง ซึ่งทั้งสองพี่น้องต่างก็ได้ให้สัญญาต่อกันแล้วว่าจะไม่ยอมบอกความจริงกับใครว่าทั้งสองเป็นเชื้อกษัตริย์แห่งแซนเธียร่า ดินแดนทะเลทรายอาหรับที่เพิ่งจะเปิดตัวต่อสาธารณชนโลกเมื่อไม่นานมานี้
เรฮานย์เป็นพี่ชายคนโตของเธอ ที่เรียนจบด้านธุรกิจจากอเมริกาและผันตัวเองมาเป็นนักธุรกิจค้าอัญมณีและเป็นเจ้าของโรงแรมชื่อดังหลายแห่งในรัฐดูไบ ซึ่งน้อยคนนักที่จะรู้ฐานะที่แท้จริงของเขา และเธอเองก็ชอบที่จะมาเที่ยวที่ดูไบบ่อยๆ เพราะเบื่อชีวิตในวังหลวง เบื่อที่จะต้องทำตัวแบบเจ้าหญิง เบื่อที่จะต้องพูดคำราชาศัพท์กับข้ารับใช้ เธออยากมีชีวิตอิสระเช่นเดียวกับพี่ชายคนโตของเธอ แต่เขากลับให้ความร่วมมือกับพระบิดาจะตามจับเธอไปหมั้นกับเจ้าชายที่ไหนก็ไม่รู้ที่เธอไม่เคยเห็นหน้า
ไม่มีวันเสียหรอกที่ผู้หญิงอย่างเจ้าหญิงเรฮายะห์จะยอมแต่งงานกับผู้ชายที่เธอไม่ได้รัก ร่างเล็กที่หลบตัวซ่อนอยู่ในห้องของเพื่อนสาวชาวไทยครุ่นคิดด้วยความอัดอั้นตันใจ หวังว่าพี่ชายของเธอคงจะไม่สังเกตหรอกนะว่าเธออยู่ตรงหน้าเขาในระยะประมาณสามเมตรนี่เอง
“คุณนั่นแหละเป็นใคร บังอาจมาบุกรุกห้องของฉันยังไม่พอ ยังมาปรักปรำว่าฉันซ่อนตัวน้องสาวของคุณเอาไว้อีก ฉันมีสิทธิ์แจ้งความจับคุณเข้าคุกได้นะมิสเตอร์ ถ้าคุณไม่รีบระเห็จตัวเองออกไปจากห้องนอนของฉัน”
พิชญาดาราเสียงดังมากขึ้นเช่นกัน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องใบหน้าคมดุอย่างไม่กะพริบตา ในเมื่อนี่มันห้องนอนของเธอ เธอก็มีสิทธิ์ที่จะให้ใครเข้ามาหรือไม่เข้ามาก็ย่อมได้
“ผมพยายามพูดกับคุณดีๆ แล้วนะ อย่าให้ผมต้องใช้กำลังกับคุณ เพราะถ้าผมใช้มันเมื่อไหร่ คุณจะไม่มีแรงแม้แต่จะเดินออกจากห้องนอนของคุณด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มขู่ด้วยสายตาแข็งกร้าวระคนเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นแววประหวั่นพรั่นพรึงในสายตาของแม่เสือสาวที่พยายามกลบเกลื่อนความอ่อนแอของตนเองเอาไว้สุดฤทธิ์
พิชญาดารารู้สึกหวาดหวั่นต่อคำขู่ของพี่ชายเพื่อนค่อนข้างมาก น้ำเสียงดุเข้มของเขา สายตาเป็นประกายดุดันของเขา และสองมือหนาดุจคีมเหล็กที่กำลังบีบหัวไหล่เธอและดันร่างของเธอไปจนชิดติดข้างฝาผนังนี่อีก มันช่างน่าอันตรายนัก ทั้งที่พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะบอกตนเองว่า ‘อย่ากลัว อย่ากลัว’ แต่ทำไมหัวใจมันถึงได้เต้นรัวแรงด้วยความตระหนกตกใจเช่นนี้ก็ไม่รู้
ใบหน้าสวยหวานที่บัดนี้เริ่มเปลี่ยนสีเล็กน้อยค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาสบตาราชสีห์หนุ่มอีกครั้งก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย เมื่อคิดว่าวินาทีนี้เธอกำลังเสียเปรียบเขาอยู่ แต่อย่าเผลอแล้วกัน พี่ชายของเพื่อนก็ช่างเถอะ เธอจะเอาให้เจ็บแสบเลยคอยดู
“ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็เชิญค้นห้องของฉันได้ตามสบาย แต่ถ้าคุณไม่พบน้องสาวของคุณล่ะก็ คุณจะต้องสวมกระโปรง แต่งตัวเป็นผู้หญิงออกไปจากห้องของฉัน โทษฐานที่คุณกล่าวหาฉันลอยๆ โอเคหรือเปล่า”
เรฮานย์จ้องดวงหน้านางแมวสาวที่บังอาจพองตัวเป็นนางเสือสาวมาต่อรองกับ ‘สิงห์แห่งทะเลทรายอาหรับ’ อย่างไม่เจียมตัวยิ้มๆ แต่มันก็เป็นเพียงรอยยิ้มมุมปากที่ออกจะเจ้าเล่ห์ระคนนึกขันที่เห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ กล้ายื่นข้อเสนอที่ไม่เข้าท่ามาให้เขา
“แล้วถ้าผมค้นพบว่าคุณซุกซ่อนน้องสาวของผมไว้ในห้องจริงๆ ล่ะ คุณจะให้ผมทำโทษคุณยังไง” ชายหนุ่มถามพร้อมทั้งส่งสายตาหวานฉ่ำเป็นประกายส่งไปให้อย่างหยอกเย้าระคนท้าทาย และยิ่งชอบใจเมื่อเห็นสาวน้อยที่แทบจะอยู่ในอ้อมแขนของเขายังคิดอะไรไม่ออก ได้แต่มองหน้าเขานิ่งอ้าปากเผยอเล็กน้อย มันช่างน่า...นัก
“เอางี้ ถ้าคุณยังนึกไม่ออก ผมสงเคราะห์ให้แล้วกัน ถ้าผมพบน้องสาวในห้องของคุณ คุณต้องเสียจูบให้กับผมหนึ่งจูบ ตกลงไหม” เสียงห้าวทุ้มชวนขนลุกในความรู้สึกของพิชญาดาราเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นัยน์ตาเป็นประกายระยับ
“ข้อเสนอน่าเกลียด” หญิงสาวตอบเหยียดเสียงห้วนไม่พอใจ
“แล้วที่ให้ผมแต่งตัวเป็นหญิงจะไม่น่าเกลียดกว่าหรือ รีบตัดสินใจก่อนที่ผมจะใช้กำลังกับคุณ” คนตัวโตขู่เสียงเข้ม ทำให้คนตัวเล็กต้องเม้มริมฝีปากบางเอาไว้แน่น เมื่อรู้สึกว่าตนเองตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่เพราะมั่นใจว่าผู้ชายตรงหน้าคงค้นหาตัวน้องสาวของเขาไม่เจอแน่ หญิงสาวจึงยอมตกลงอย่างไม่เต็มใจนัก
“ก็ได้” หล่อนตอบเสียงสูง ก่อนจะสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของร่างสูงใหญ่ ที่ยอมคลายมือที่แน่นดุจคีมเหล็กออกจากหัวไหล่บางอย่างเสียดายเล็กน้อย
ร่างสูงเดินเข้าไปค้นดูในห้องน้ำ ระเบียง เปิดดูตู้เสื้อผ้า ส่องดูใต้เตียง พยายามค้นหาทุกซอกทุกมุมแต่ก็ไม่พบร่างของแม่น้องสาวตัวแสบ หรือว่าเขาจะตาฝาดไปจริงๆ สายตาคมวับตวัดมามองเจ้าของห้องที่กำลังยืนกอดอกมองเขาอย่างเย้ยหยันชอบใจที่เห็นเขายังค้นหาตัวก่อเรื่องไม่เจอ
“คุณเอาน้องสาวของผมไปซ่อนไว้ที่ไหน” ร่างสูงถามลอดไรฟันเสียงหนักๆ
ใบหน้าสวยคมเชิดขึ้นยิ้มเหยียดๆ อย่างชอบใจเมื่อรู้คำตอบว่าเกมนี้เธอเป็นผู้ชนะแน่นอน ส่วนเขาเป็นผู้แพ้ แล้วก็ต้องทำตามที่ตกลงกันด้วย คือเขาจะต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิงก่อนที่จะออกไปจากห้องนี้
“คุณหาไม่เจอ ก็แสดงว่าฉันถูกคุณกล่าวหาลอยๆ ดังนั้นคุณต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิงตามที่ตกลงกันเอาไว้นะคะมิสเตอร์”
