บท
ตั้งค่า

บทที่ ๗ :: ข่าวดี 1

เมื่อสองสาวสวยกับหนึ่งหนุ่มหล่อ เดินทางมาถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ ในช่วงเช้าตรู่ของอีกวัน สิ่งแรกที่อยากจะทำมากที่สุด คือการพักผ่อนคลายความเมื่อยล้า จากการที่ต้องใช้เวลาเดินทางนานหลายชั่วโมง ดังนั้นทั้งสามจึงเข้า Check in ในโรงแรมหรูระดับห้าดาว ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของอลงกตทันที

หลังจากที่ดาร์เรลขอแยกตัวกลับไปที่ห้องของตัวเองแล้ว โรซี่จึงคว้าผ้าขนหนูและชุดนอน เดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนอลงกตนั้นยังคงวุ่นวายอยู่กับการนำเสื้อผ้า และของใช้ที่จำเป็นออกจากกระเป๋า เพื่อจัดมันให้เข้าที่เข้าทาง

“จัดของเสร็จหรือยังจ้ะ ให้ฉันช่วยดีมั้ย” เวลาผ่านไปราวๆยี่สิบนาที โรซี่จึงก้าวออกมาจากห้องน้ำ และถามอลงกตด้วยน้ำเสียงสดชื่นขึ้นกว่าตอนแรก

“อีกนิดหน่อยก็เสร็จแล้วล่ะ เธอไปนอนก่อนเถอะ” อลงกตหันมาตอบเพื่อนสาว พร้อมปรายยิ้มส่งให้

“ฉันว่าเธอไปอาบน้ำให้สบายตัวดีกว่านะเอย เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยจัดต่อก็ได้นี่” โรซี่แนะนำ

“เวลาของฉันเหลือน้อยจนแทบนับนาทีได้เลยนะโรส...อีกสองวันฉันก็ต้องไปอยู่ในงานหมั้นแทนน้องสาวแล้ว แต่ว่าฉันยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย” แววตาของอลงกตดูหม่นลงไปถนัดตา ทั้งกังวลเรื่องงานหมั้น ทั้งเป็นห่วงคุณมุกดา แล้วไหนจะเรื่องสัญญาบางอย่างที่บุพการีซุกซ่อนเอาไว้อีก

โรซี่ถอนหายใจเบาๆ นึกเห็นใจเพื่อนสาวอยู่ไม่น้อย เพราะนับตั้งแต่ที่รู้จักกับอลงกตมา เธอไม่เคยเห็นหญิงสาวต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ยุ่งยากถึงเพียงนี้เลย อลงกตเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง จิตใจดี และมักมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ก็ตาม หากแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะนับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น โรซี่ไม่เคยเห็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริงของอลงกตอีกเลย

ไอลดารู้สึกกระวนกระวายใจอย่างประหลาด นั่งแทบไม่ติดที่ อีกทั้งยังรู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมา จนแทบอยากจะเดินทางกลับไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่ทว่าเมื่อนึกถึงเรื่องราวระหว่างภัสสรกับภพตะวันขึ้นมาได้ ความคุกรุ่นก็ทำให้อารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมาอีก

ร่างบางระหงผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้หวายหน้าบ้าน หวังจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอน เพื่อหยิบเครื่องมือสื่อสาร แล้วเปิดเครื่องดูว่าตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมานั้น มีใครพยายามติดต่อหาเธอบ้าง หากแต่ยังไม่ทันได้ทำดั่งใจคิด ภาพที่กำลังเกิดขึ้นในห้องรับแขก ก็ตรึงฝีเท้าเธอเอาไว้กับที่เสียก่อน

ธีร์ธยาน์นั่งโอบธาริษาอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน เอียงศีรษะแนบชิด และพูดคุยเกี่ยวกับนิตยสารแฟชั่นที่ฝ่ายหญิงถืออยู่ในมือ เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นสลับกับถ้อยคำที่ฟังดูรื่นหู ธาริษาดูเหมือนจะรักธีร์ธยาน์มาก ส่วนธีร์ธยาน์เองก็ดูรักเธอมากไม่แพ้กัน

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันพักผ่อนเพียงวันเดียวของชายหนุ่ม ฉะนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ไอลดาจะเห็นเขาอยู่ที่บ้าน เพียงแต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่เธอรู้สึกว่ามันน่าแปลกอยู่มาก นั่นก็คือการสนิทสนมใกล้ชิดของสองหนุ่มสาว เพราะเวลาปกตินั้น ไอลดาแทบไม่เคยเห็นทั้งสองคนทำตัวสนิทสนมกัน เหมือนคู่รักอย่างวันนี้เลย ที่สำคัญธาริษายังนอนแยกห้องกับธีร์ธยาน์อีกต่างหาก ซึ่งถ้าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันอย่างที่เธอคิดจริงๆ การแยกห้องนอน ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าแปลกมากทีเดียว

ไอลดาหยุดมองสองหนุ่มสาวนั่งเคียงกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะผละเข้าไปในห้องนอน ตามที่ตั้งใจเอาไว้ในตอนแรก ร่างบางระหงทอดถอนใจหนักหน่วง ขณะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ดวงตากลมโตมองผ่านประตูกระจกบานใหญ่ ที่เป็นทางไปสู่ระเบียงกว้างด้านนอกอย่างเหม่อลอย

“ป่านนี้พี่เอยจะเป็นยังไงบ้างนะ” หญิงสาวเปรยกับตัวเอง นึกห่วงหาอาทรพี่สาวฝาแฝดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่ปกติแล้วจะรู้สึกแค่เพียงอยากพบอยากเจอเท่านั้น ไม่เคยรู้สึกห่วงใยจนหายใจไม่ทั่วท้อง เหมือนอย่างตอนนี้

เสียงเคาะประตูหนักๆที่ดังขึ้นสองสามครั้ง เรียกสติของไอลดาให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวตามเดิม หญิงสาวรีบผุดลุกจากเตียงนอน แล้วเดินตรงไปที่ประตู ก่อนจะดึงมันให้เปิดออกเพื่อต้อนรับผู้มาเยือน

“คุณทิว...” ไอลดาชะงักเล็กน้อย เมื่อพบว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ธาริษาเช่นทุกครั้ง

“ผมมารบกวนหรือเปล่าครับ” ธีร์ธยาน์ถามยิ้มๆ

“ไม่ได้รบกวนอะไรหรอกค่ะ...ว่าแต่คุณทิวมีอะไรให้ไอซ์ช่วยเหรอคะ” หญิงสาวถามกลับ พยายามฝืนยิ้มตอบอีกฝ่าย แต่กลับรู้สึกว่าสมองและริมฝีปากหนักอึ้ง

“คุณไอซ์เป็นอะไรไปครับ ผมว่าสีหน้าคุณดูไม่ค่อยดีเลย” เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเครียดขึง ชายหนุ่มจึงพักเรื่องที่ต้องการคุยกับเธอลงก่อน

“ไอซ์ไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ ไอซ์แค่เหนื่อย...แล้วก็คิดถึงใครบางคนอยู่เท่านั้นเองค่ะ” ไอลดาตอบตามความจริง แต่คำพูดประโยคสุดท้ายของเธอ กลับทำให้ธีร์ธยาน์นิ่งไปชั่วครู่ เพราะคิดไม่ตกว่า ‘ใครบางคน’ ที่หญิงสาวเอ่ยถึงนั้น จะหมายถึงญาติพี่น้องหรือคนรัก เขาก็ไม่อาจคาดเดาได้เลย

“ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะมาชวนคุณไอซ์ไปเที่ยวที่เกาะใกล้ๆนี้ แต่ถ้าคุณไอซ์เหนื่อย ก็พักผ่อนเถอะครับ เอาไว้โอกาสหน้าคงจะเหมาะกว่า” ธีร์ธยาน์บอกความตั้งใจเดิมให้หญิงสาวรับรู้ ตั้งท่าจะผละจากมา เพื่อให้เธอได้พักผ่อนอย่างที่พูดจริงๆ แต่ทว่าไอลดารั้งเขาไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวค่ะคุณทิว”

“มีอะไรเหรอครับ” ชายหนุ่มหันกลับมาถาม และเลิกคิ้วเข้มขึ้นสูงอย่างรอคอยคำตอบ

“ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป ช่วยพาไอซ์ไปเที่ยวอย่างที่คุณว่าได้มั้ยคะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตเศร้าสร้อย มีแววออดอ้อนเล็กน้อย แต่ถึงเธอไม่ทำเช่นนี้ ธีร์ธยาน์ก็ตั้งใจว่าจะตอบตกลงแต่โดยดีอยู่แล้ว

“ด้วยความยินดีครับ” คำตอบของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวเริ่มมีรอยยิ้มน้อยๆ แต้มขึ้นที่มุมปาก หลังจากนั้นทั้งสองคนก็แยกย้ายกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และจัดเตรียมข้าวของที่จำเป็น

ไม่นานนักไอลดาก็อยู่ในชุดเสื้อแขนกุดสีน้ำตาลอ่อน และกระโปรงสีขาวยาวคลุมเข่า ธีร์ธยาน์เองก็ดูดีตามสไตล์ของเขา ในเสื้อยืดสีขาวขนาดพอดีตัวกับกางเกงขาสามส่วนสีเทา หญิงสาวสังเกตเห็นว่ามือข้างหนึ่งของชายหนุ่ม ถือตะกร้าใบย่อมที่มีอาหารและเครื่องดื่มบรรจุอยู่ ส่วนมืออีกข้างถือเสื้อกันลมเอาไว้ เพราะฉะนั้นเธอจึงขยับเข้าไปใกล้ๆ พร้อมอาสาช่วยแบ่งเบาเขา

“ให้ไอซ์ช่วยนะคะ คุณหอบข้าวของดูพะรุงพะรังเชียว” พูดจบเธอก็ดึงตะกร้าอาหาร ไปจากมือเขาอย่างนุ่มนวล

“ขอบคุณนะครับ” ธีร์ธยาน์กล่าวขอบคุณ ก่อนจะเดินนำหญิงสาวตรงไปที่ริมชายหาด เพื่อนำเรือยนต์ออกไปที่ ‘เกาะกลาง’ ซึ่งเป็นเกาะที่เงียบสงบ แต่มีความสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ

เกาะกลางเป็นที่ๆธีร์ธยาน์มักจะชอบไปขลุกอยู่เพียงคนเดียว ทั้งในเวลาที่ทุกข์และสุข เพราะฉะนั้นเขาจึงอยากพาไปไอลดาไปที่นั่นบ้าง เผื่อว่าเธอจะอารมณ์ดีขึ้น ซึ่งธีร์ธยาน์มั่นใจเหลือเกินว่า ความสวยงามของเกาะกลาง จะช่วยให้รอยยิ้มอันสดใสของเธอปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนอย่างที่มันช่วยให้เขายิ้มได้ หลังจากที่ต้องสูญเสียสิ่งสำคัญไปเมื่อครั้งอดีต

“ทอฝันกับคุณดนย์ไม่ไปกับเราเหรอคะ” เสียงของไอลดาดึงให้ชายหนุ่มหลุดการจากครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเพียงคนเดียว แล้วหันกลับมาตอบเธอ

“ที่ๆผมอยากพาคุณไปมันเป็นความลับครับ ผมก็เลยไม่ได้บอกใคร”

“อ้าว แล้วทำไมคุณทิวถึงบอกไอซ์ล่ะคะ” ไอลดายังคงซักต่อไปอีก คิ้วเรียวได้รูปขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ

“เรื่องบางเรื่อง...ผมตั้งใจว่าจะบอกแค่คนที่สำคัญสำหรับผมเท่านั้นล่ะครับ” คำตอบของธีร์ธยาน์ทำให้อีกฝ่ายทำตาโต ยิ่งเมื่อถูกสายตาคมจ้องมองไม่ยอมลดละ ความประหม่าก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จนจังหวะหัวใจเต้นผิดไป แก้มนวลก็เริ่มแดงปลั่งขึ้นเรื่อยๆ เหมือนต้องการประจานให้เขารู้ว่าเธอกำลังรู้สึกอย่างไร

“เชิญขึ้นเรือเถอะครับ...แต่ถ้าคุณไม่ไว้ใจผม ผมจะไปตามทอฝันมาเป็นเพื่อนให้ก็ได้” ธีร์ธยาน์ตัดบท เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำตัวไม่ถูก และเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงได้กล้าพูดอะไรแบบนั้นออกมา ทั้งที่ไอลดาเองก็ยังไม่เคยมีท่าทีสนใจเขาเลยแม้แต่น้อย

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ไอซ์ว่าเราไปกันเลยดีกว่า ถ้าช้ากว่านี้เดี๋ยวอากาศจะร้อนเอานะคะ” ไอลดานึกขอบคุณเขาอยู่ลึกๆ ที่ช่วยเปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นมาก่อน ไม่อย่างนั้นเธอคงปากหนัก ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมต่อไปอีกนานโขเลยทีเดียว

ธีร์ธยาน์ยิ้มรับและเป็นฝ่ายขึ้นไปบนเรือยนต์ก่อน หลังจากนั้นเขาก็เอื้อมมือมารับข้าวของจากหญิงสาวแล้วหันกลับมาดึงเธอขึ้นเรือตามมาด้วยอีกคน

ตลอดทางที่ทั้งสองคนเดินทางไปที่เกาะกลาง ไม่มีใครเอ่ยอะไรขึ้นมาอีก มีแค่เพียงเสียงเครื่องยนต์ เสียงคลื่นทะเล และเสียงสายลมเท่านั้น ที่เป็นเสมือนดนตรีขับกล่อม ให้หัวใจสองดวงเริ่มเปิดรับกันมากขึ้น หากแต่บางครั้งเรื่องบางเรื่องก็ไม่อาจสมบูรณ์ได้โดยง่าย ในเมื่อฝ่ายหนึ่งยังมีภาพของใครบางคน คอยย้ำเตือนอยู่ในใจเสมอ

เมื่อเวลาผ่านไปราวๆสามสิบนาที เรือยนต์ของธีร์ธยาน์ก็แล่นเข้ามาจอด ที่ริมหาดของเกาะกลาง ชายหนุ่มกระโดดลงจากเรืออย่างคล่องแคล่ว ส่วนหญิงสาวก็ต้องเป็นฝ่ายรอ ให้เขาช่วยเหลืออีกตามเคย ไอลดารู้สึกโกรธตัวเองอยู่เหมือนกัน ที่เลือกชุดไม่เหมาะสมกับสถานการณ์สักเท่าไหร่นัก เพราะเมื่อกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ ถูกน้ำทะเลกระเซ็นใส่ ความอับอายก็เริ่มทำงานขึ้นอีก

“เอาเสื้อกันลมของผมผูกเอวไว้สิครับ” ดูเหมือนชายหนุ่มจะสังเกตเห็นเข้า จึงรีบยื่นเสื้อกันลมส่งให้หญิงสาว

“ขอโทษที่ต้องรบกวนนะคะ ไอซ์น่าจะคิดให้ดีก่อนจะแต่งตัว” ไอลดาเอ่ย ขณะรับเสื้อมาผูกไว้รอบเอวบางโดยไม่รอช้า ถึงแม้กระโปรงเธอ จะไม่ได้เปียกมากจนมองเห็นชั้นใน แต่มันก็เปียกแนบเนื้อ เสียจนมองเห็นความกลมกลึงของเรียวขา ด้วยเหตุนี้เองเธอจึงไม่คิดปฏิเสธความหวังดีของเขา

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณไอซ์ ผมเองก็ผิดเหมือนกันที่ลืมเตือนคุณ” ธีร์ธยาน์ปรายยิ้มส่งให้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไร นอกจากพยักหน้าน้อยๆ เขาจึงนำตะกร้าอาหารส่งให้เธอถือ แล้วเดินไปหยิบเสื่อพับ กับกล้องถ่ายรูปบนเรือ

“ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว ผมว่าเราทานอาหารกันเลยดีมั้ยครับ” ชายหนุ่มก้มมองนาฬิกาบนข้อมือ พร้อมขอความเห็น

“ก็ดีเหมือนกันค่ะ ไอซ์กำลังหิวพอดีเลย” ไอลดาเห็นด้วย เพราะเมื่อเช้าฝืนทานอาหารไปได้เพียงเล็กน้อย ตอนนี้ท้องไส้จึงเริ่มปั่นป่วนขึ้นมาบ้างแล้ว

เมื่อทั้งสองฝ่ายเห็นพร้อมต้องกัน เสื่อที่พับไว้จึงถูกคลี่ออก แล้วปูลงบนพื้นทรายสีขาวเนียนละเอียด ไอลดาเป็นคนจัดการนำแซนวิช ออกมาจัดใส่จานใบเล็กที่เตรียมมา ขณะที่ชายหนุ่มรินน้ำส้มคั้นใส่แก้วให้เธอ และรินกาแฟดำหอมกรุ่นให้ตัวเอง

“คุณไม่ดื่มกาแฟใช่มั้ยครับ” ธีร์ธยาน์ถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว เขาสังเกตทุกอย่างที่ไอลดาชอบ และไม่ชอบเสมอ

“ใช่ค่ะ เวลาดื่มกาแฟไอซ์จะแน่นหน้าอกทุกทีเลย คุณพ่อบอกว่าคงเป็นเพราะแพ้กาแฟน่ะค่ะ” ไอลดาอธิบายยิ้มๆ ก่อนจะยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่ม ทั้งสองคนนั่งรับประทานอาหารกลางวันง่ายๆด้วยกัน และพูดคุยกันอย่างถูกคอ จนกระทั่งมื้ออาหารสิ้นสุดลง

“เดี๋ยวคุณไอซ์ตามผมมาทางนี้เลยนะครับ ผมมีบางอย่างอยากให้คุณดู” ธีร์ธยาน์เอ่ยชวน เมื่อนำเสื่อพับกับตะกร้าอาหาร ขึ้นไปไว้บนเรือยนต์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งไอลดาเองก็พยักหน้าเร็วๆ ไม่คิดจะขัดข้อง นึกอยากรู้อยู่เหมือนกัน ว่าทำไมธีร์ธยาน์จึงเลือกพาเธอมาในที่ๆเขาเรียกว่า ‘ความลับ’

ร่างสูงโปร่งแข็งแรง เดินนำหญิงสาวขึ้นไปบนทางลาดชันของเกาะกลาง ลัดเลาะเดินผ่านกลุ่มหญ้าสูงใหญ่ต่างระดับมากมาย เดินลึกเข้าไปอีกพอสมควร เวลาผ่านไปเกือบสิบนาที สองหนุ่มสาวก็มาหยุดอยู่ตรงจุดๆหนึ่ง ซึ่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์รอบตัวได้อย่างชัดเจน ธีร์ธยาน์หันไปมองคนข้างกาย ก็พบว่าเธอกำลังยิ้มกว้าง

“สวยมากเลยค่ะ มองเห็นรีสอร์ทไอรักด้วย!” ไอลดาตื่นเต้นกับภาพตรงหน้าเหลือเกิน เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ที่ตรงนี้จะสามารถมองเห็นความสวยงามทั้งหมดได้ รีสอร์ทไอรักที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของเกาะกลางนั้น ดูเป็นระเบียบลงตัว ส่วนบรรยากาศโดยรอบ ก็มีท้องทะเลและต้นไม้สีเขียวขจีงดงามอยู่รายล้อม

“ชะง่อนผาตรงนี้คือจุดชมวิว ที่ผมเพิ่งพบเมื่อสามปีก่อนครับ มันสวยมากในสายตาผม แต่จะสวยกว่านี้อีกหลายเท่า ถ้าได้มาเห็นตอนตะวันขึ้น หรือไม่ก็ตอนกลางคืน เพราะแสงไฟที่รีสอร์ทจะเปิดสว่างสลับสีกัน ตามที่ผมพยายามออกแบบ” ชายหนุ่มอธิบายเสียงนุ่ม รู้สึกพึงพอใจอยู่ไม่น้อย ที่รู้ว่าไอลดาเองก็ชอบความสวยงาม แบบไม่ต้องปั้นแต่งเช่นเดียวกันกับเขา

“ถ้าอย่างนั้นเราอยู่ด้วยกันจนกว่าจะถึงตอนกลางคืนได้มั้ยคะ” ไอลดาไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะกล้าเอ่ยคำๆนี้ออกมา หากแต่เมื่อเห็นแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น และไว้ใจได้ของอีกฝ่าย เธอจึงไม่คิดจะแก้คำพูดของตัวเอง แม้รู้ดีว่ามันค่อนข้างไม่เหมาะสม ที่หนุ่มสาวจะอยู่ด้วยกันตามลำพังก็ตาม

“ความจริงผมก็อยากทำแบบนั้นนะครับ แต่มันติดตรงที่เราไม่มีอาหารกับน้ำดื่มแล้วเนี่ยสิ” พอพูดจบ ธีร์ธยาน์ก็สังเกตเห็นความผิดหวังบนใบหน้าสวย และแน่นอนว่าเขาไม่อยากเห็นมันเลยแม้แต่น้อย

“อืม...ถ้าอย่างนั้นเรากลับไปเอาอาหาร กับเครื่องดื่มสำหรับอีกหลายชั่วโมงข้างหน้าก่อนดีมั้ยครับ บางทีผมจะได้เอาเต็นท์มาด้วย เผื่อว่าคุณจะเปลี่ยนใจอยากอยู่จนถึงตอนเช้าเลย” ชายหนุ่มเสนอยิ้มๆ แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้ไอลดายิ้มกว้างได้แล้ว

“นั่นเป็นความคิดที่ดีที่สุดเลยค่ะ แต่คุณทิวไปคนเดียวเถอะนะคะ ไอซ์อยากอยู่ที่นี่มากกว่า” หญิงสาวเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มหวานเอาใจ หวังว่าชายหนุ่มจะยอมทำตามที่เธอร้องขอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel