บท
ตั้งค่า

บทที่ ๕ :: ตัดสินใจ 2

“ผู้ช่วยคุณเหรอคะ...” หญิงสาวทวนถาม น้ำเสียงฟังดูตื่นเต้นมากกว่าตกใจ

“ใช่ครับ เป็นผู้ช่วยผม แล้วก็คอยอยู่ใกล้ๆผม” คำพูดของธีร์ธยาน์ ทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะ ซึ่งเจ้าตัวเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ พวงแก้มหญิงสาวแดงเรื่อดูน่าสัมผัส หากแต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจทำอย่างนั้นได้ นอกจากนั่งมองเธออยู่เงียบๆ พร้อมรอฟังคำตอบ

“ถ้าคุณทิวคิดว่าไอซ์เป็นผู้ช่วยที่ดีได้ ไอซ์ก็ยินดีมากเลยค่ะ” ธีร์ธยาน์ยิ้มกว้างอีกครั้ง เมื่อได้ยินคำตอบจากสาวสวยตรงหน้า ไอลดาเองก็ยิ้มตอบเขาเช่นกัน เพียงแต่เมื่อถูกจ้องมองหนักเข้า เธอก็ต้องรีบเสมองไปทางอื่น เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายของตัวเอง

ความจริงแล้วไอลดาก็เป็นแค่แขกคนหนึ่ง ของรีสอร์ทไอรักเท่านั้น แต่ธีร์ธยาน์กลับปฏิบัติกับเธออย่างแตกต่าง เขายอมให้เธอมาอยู่ที่บ้านด้วยกัน อีกทั้งยังมอบตำแหน่งผู้ช่วยส่วนตัวให้ ชนิดไม่ต้องใช้เวลาไตร่ตรองอีก ธีร์ธยาน์ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถึงได้รู้สึกถูกชะตากับไอลดานัก แต่ที่แน่ๆคือเขารู้สึกดีทุกครั้ง ที่ได้ยินน้ำเสียงนุ่มหู และได้จ้องมองดวงตากลมโตไร้เดียงสาของเธอ

ไอลดาเองก็กำลังแปลกใจอยู่ไม่ต่างกัน เธอไม่รู้ว่าเพราะอะไร ธีร์ธยาน์ถึงได้ไว้ใจเธอมากถึงเพียงนี้ และก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน ว่าทำไมถึงรู้สึกดีนักที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา ความรู้สึกที่ไอลดามีต่อธีร์ธยาน์นั้น แตกต่างกับความรู้สึกที่เคยมีให้กับภพตะวันโดยสิ้นเชิง เพราะภพตะวันเป็นผู้ชายที่จริงจังและช่างเอาใจ เธอจึงรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับการเอาใจใส่ตลอดเวลาที่อยู่กับเขา ส่วนธีร์ธยาน์เป็นผู้ชายที่อ่อนโยน และมีความเป็นผู้ใหญ่ เธอจึงรู้สึกอบอุ่น และเหมือนมีหลักอันแข็งแรงที่สามารถใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจได้

ถ้าหากว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในใจไอลดา คือความหวั่นไหวที่อาจกลายเป็นความรัก เธอควรจะทำอย่างไรต่อไปดี เพราะผู้ชายที่กำลังจะกลายมาเป็นคู่หมั้น ในอีกไม่กี่วันคือภพตะวัน และเธอก็ยังรักยังคิดถึงเขาอยู่ ส่วนธีร์ธยาน์ก็มีธาริษาอยู่แล้วทั้งคน...

ดาร์เรลพาคุณมุกดากลับมาที่บ้านในช่วงใกล้ค่ำ ซึ่งเมื่อผู้สูงวัยกว่าขอตัวกลับเข้าไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน ชายหนุ่มก็รีบเดินตรงไปหาแฟนสาว และเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ด้วยกันในห้องโถงทันที

“เป็นไงบ้างสาวๆ” หนุ่มหล่อชาวอังกฤษเอ่ยถาม ขณะวางกล่องของขวัญจอมปลอมลงบนโต๊ะ

“เรียบร้อยดีแดนนี่ ฉันคุยกับพ่อแล้ว” อลงกตกระซิบ เพราะเกรงว่าคุณมุกดาจะได้ยินเข้า

“ตกลงรู้แล้วใช่มั้ย ว่ามีสัญญาอะไรระหว่างคุณพ่อกับคุณป้าของเธอ” ดาร์เรลถามน้ำเสียงตื่นเต้น แต่คำตอบของอีกฝ่ายทำให้เขาหุบยิ้มทันที

“เปล่าหรอก เรื่องนั้นฉันไม่อยากถามตรงๆ คิดว่าถ้าหาความจริงด้วยตัวเองคงจะดีกว่า”

“ยังไงล่ะเอดี้ ฉันไม่เห็นเข้าใจเลย”

“คือฉันคิดว่าอาจจะยอมไปหมั้นแทนน้องสาวฝาแฝดน่ะ แล้วฉันจะใช้โอกาสในช่วงนั้นหาสัญญาให้พบ...ถ้ามันมีอยู่จริง ฉันมั่นใจนะว่าต้องหาเจอแน่” อลงกตชี้แจง

“ฉันเห็นด้วยกับความคิดนี้นะคะแดน และถ้าเอยจะไปเมืองไทยจริงๆ ฉันก็จะตามไปด้วยคนค่ะ” โรซี่เอ่ยขึ้นบ้าง

“โธ่ที่รัก! คุณตัดสินใจแบบไม่บอกผมเลยนะ หรือว่าไม่อยากให้ผมไปด้วย กลัวหนุ่มๆชาวไทยคิดว่ามีเจ้าของแล้วล่ะสิ” ดาร์เรลบ่นก่อนจะขยับเข้าไปนั่งชิดร่างบาง แล้วก้มหน้าลงจุมพิตแรงๆข้างแก้มนุ่มเพื่อลงโทษ

“ฉันไม่สนใจใครนอกจากคุณหรอกค่ะ แค่ตั้งใจจะบอกก่อนคุณจะกลับบ้านเท่านั้นเอง” โรซี่ยิ้มหวาน

“หวานกันพอหรือยังจ้ะ ถ้าพอแล้วก็ช่วยคิดหน่อยสิว่าจะบอกคุณป้ายังไงดี” อลงกตเย้าเสียงนุ่ม เมื่อเห็นเพื่อนสนิทแสดงความรักหวานชื่นต่อกัน ขณะที่ตัวเองยังคงไม่ยอมเปิดใจรับใครเข้ามาดูแล

“บอกไปตามความจริงเลยสิเอดี้ แล้วถ้าผลที่ได้มันไม่สวยงามนัก เราค่อยหาทางแก้กันทีหลัง” ดาร์เรลเสนอตามที่เห็นสมควร ซึ่งโรซี่เองก็พยักหน้าเห็นด้วย

อลงกตยังไม่ทันจะได้ตอบความเห็นของเพื่อนทั้งสอง คุณมุกดาก็เดินกลับเข้ามาในห้องโถงเสียก่อน นางลงบนโซฟาตัวยาวตรงข้ามกับหลานสาว รอยยิ้มบางยังคงประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ

“ทำไมยังไม่กลับอีกล่ะแดน เดี๋ยวก็เอาของขวัญไปให้คุณแม่ไม่ทันกันพอดี” คุณมุกดาหันมาถามดาร์เรล

“อ๋อ คือ...ผมกำลังจะกลับพอดีเลยน่ะครับ เห็นว่าเอดี้มีเรื่องอยากคุยกับคุณป้าด้วย” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มเปิดทางจนอลงกตถลึงตาใส่แทบไม่ทัน

“โรสเองก็เพลียมากเลยค่ะคุณป้า วันนี้คงต้องขอตัวเข้านอนเร็วหน่อย” โรซี่ช่วยเสริม โดยไม่สนใจเลยว่าอลงกตจะทำหน้าตาคัดค้านแค่ไหน โรซี่รู้ดีว่าหากปล่อยให้เพื่อนสาว เริ่มต้นพูดทุกอย่างขึ้นเอง คงใช้เวลานานมากเลยทีเดียว

ดาร์เรลคว้ากล่องของขวัญขึ้นมาถือไว้ และเอ่ยลาคุณมุกดากับอลงกตอย่างสุภาพ ก่อนจะพาร่างสูงโปร่งจากมาพร้อมกับโรซี่ แต่เมื่อเดินมาจนถึงรถยนต์คันหรู สองหนุ่มสาวก็ยืนคุยกันอยู่อีกครู่หนึ่ง เพราะต่างก็กังวลกับเรื่องของอลงกตอยู่ไม่น้อย

“ผมอยากรู้จังเลยว่าคุณป้าจะว่ายังไงบ้าง” ดาร์เรลเปรยขึ้นเสียงแผ่ว

“ไม่ว่าคำตอบจะเป็นยังไง เราก็ต้องช่วยเอยนะคะแดน คุณก็รู้ว่าเธอเจ็บปวดแค่ไหนกับการกระทำของคนในครอบครัว และถ้าเป็นฉันก็คงอยากรู้ความจริงเหมือนกันค่ะ” สาวสวยข้างกายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจ ดาร์เรลจึงดึงเธอเข้ามาโอบไว้หลวมๆ

“ผมดีใจที่ได้พบกับคุณ แล้วเอดี้เองก็โชคดีมากที่มีคุณเป็นเพื่อน”

“ฉันกับเอยโชคดีมากกว่านะคะ ที่มีคุณคอยช่วยเหลือทุกอย่าง” คนตัวเล็กตอบพร้อมปรายยิ้มส่งให้ ก่อนจะผละออกห่าง เมื่อคิดว่าตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องแยกกันแล้ว

“ไปก่อนนะ ถ้ามีอะไรก็โทรหาผมได้ตลอด...แล้วอย่าลืมฝันถึงผมล่ะที่รัก” ชายหนุ่มย้ำ และก้มหน้าลงจุมพิตข้างแก้มแฟนสาวแรงๆ ตอนแรกตั้งใจจะเลื่อนใบหน้าลงทาบทับริมฝีปากเรียวสวยสักครั้ง แต่โรซี่กลับถอยหนีอย่างรู้ทัน

“ฝันดีค่ะ แล้วพรุ่งนี้พบกันนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็รีบเดินกลับเข้าไปในบ้านทันที ใบหน้าขาวนวลที่แดงก่ำด้วยความเขินอาย ทำให้ดาร์เรลหัวเราะน้อยๆอย่างพอใจ จากนั้นเขาก็ก้าวขึ้นรถ และขับออกมาจากบ้านคุณมุกดาทันที

เมื่ออลงกตเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้องโถงอีก นอกจากเธอกับคุณมุกดา ความประหม่าก็เริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาจนมือไม้สั่น และดูเหมือนคนเป็นป้าจะสังเกตเห็นเข้าพอดี จึงออกปากถามถึงเรื่องที่อลงกตอยากคุยกับนาง ตามที่ดาร์เรลบอก

“มีอะไรหรือเปล่าเอย ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะลูก” สีหน้าไม่สู้ดีของหลานสาว ทำให้คุณมุกดายิ่งสงสัยหนักขึ้น อลงกตเองก็ไม่อยากเสียเวลาอ้ำอึ้งอีกต่อไปแล้วเช่นกัน

“เอยอยากคุยกับคุณป้าเรื่องน้องไอซ์น่ะค่ะ...เรื่องหมั้น” คุณมุกดาขมวดคิ้ว ทันทีที่ได้ยินคำพูดหญิงสาว

“เอยรู้เรื่องนี้ได้ยังไง!” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดทำเอาอลงกตสะดุ้งสุดตัว แต่ทว่าก็ยอมตอบคำถามของผู้สูงวัยกว่าออกไปตามตรง

“เอยคุยกับคุณพ่อแล้วค่ะ แล้วเอยก็ตอบตกลงที่จะช่วยน้องไปแล้วด้วย” หญิงสาวโกหกว่าตกปากรับคำบิดาไปแล้ว เพราะอยากรู้ว่าคุณมุกดาจะว่าอย่างไรกับการตัดสินใจของเธอ

คุณมุกดาผุดลุกขึ้นยืนทันที สายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหลานสาว ที่รักมากเหมือนลูกแท้ๆแบบไม่ยอมละสายตา ความผิดหวังแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ และรู้สึกน้อยใจเหลือเกิน ที่อลงกตตัดสินใจกับเรื่องสำคัญแบบนี้ โดยไม่คิดจะปรึกษานางก่อน

“ป้าไม่อนุญาต เอยโทรกลับไปบอกธาดาซะว่าเปลี่ยนใจแล้ว” คุณมุกดาเอ่ยขณะหันหน้าหนีไปทางอื่น หวังลึกๆว่าอลงกตคงไม่ต่อกรอะไร และยอมทำตามคำสั่งของนางแต่โดยดี เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ทว่าผิดคาด เพราะหญิงสาวยังคงยืนยันความต้องการเดิมของตัวเอง อย่างชัดถ้อยชัดคำ

“เอยจะไปหมั้นแทนน้องค่ะคุณป้า เอยแค่อยากบอกให้คุณป้าทราบเท่านั้นเอง”

“เอย!” คุณมุกดาตวาดลั่น ก่อนจะสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “กลับเข้าไปในห้องเดี๋ยวนี้ แล้วไม่ต้องออกมา หรือไปไหนทั้งนั้นจนกว่าป้าจะจัดการเรื่องนี้เสร็จ”

“คุณป้าหมายความว่าจะขังเอยไว้ในห้องเหรอคะ... เอยไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณป้าจะต้องโมโหขนาดนี้ด้วย เอยทำอะไรผิดคะ” อลงกตถามขึ้นทันควัน และคิดว่าสิ่งที่กำลังสงสัยอยู่นั้น จะต้องมีบางอย่างที่ซับซ้อนแน่นอน เพราะถ้าไม่อย่างนั้นคุณมุกดาคงไม่โกรธ จนถึงขั้นสั่งให้เธอขังตัวเองอยู่ในห้องอย่างนี้หรอก

“ยังจะถามอีกเหรอว่าตัวเองทำอะไรผิด...เอยก็รู้นี่ว่าป้าไม่อยากให้เอยยุ่งเกี่ยวกับคนที่เมืองไทยอีก ลืมไปแล้วเหรอว่าพวกนั้นทิ้งเอยนะ เขาไม่ได้คิดว่าเอยเป็นลูกเลยด้วยซ้ำ” ถ้อยคำที่คุณมุกดาพร่ำบอกเธอมาตลอดหลายสิบปี ถูกยกขึ้นมาอ้างอีกครั้ง และมันก็ส่งผลให้หัวใจดวงน้อย เจ็บปวดได้มากเหมือนเดิม

คนเป็นป้าเองก็ใช่ว่าจะอยากพูดจาทำร้ายจิตใจหลานสาวนัก แต่ที่ทำลงไป ก็เพราะไม่มีทางเลือกอื่นอีก การทำให้อลงกตเกลียดชังทุกคนในครอบครัวเท่านั้น ที่จะทำให้เธอไม่อยากกลับไปเมืองไทย แต่คุณมุกดาคงลืมแล้วไปกระมัง ว่าสายเลือดย่อมตัดกันไม่ขาดอยู่แล้ว หัวใจของอลงกตไม่ได้มีความเกลียดชังอยู่มากสักเท่าไหร่หรอก ความถวิลหาและต้องการความอบอุ่นต่างหาก ที่อยู่ครองพื้นที่ในหัวใจอย่างแท้จริง

“เอยทำตามที่คุณป้าสั่งไม่ได้หรอกค่ะ เอยต้องไปหมั้นแทนน้อง...คุณป้าให้เอยไปเถอะนะคะ เอยสัญญาค่ะว่าถ้าเสร็จงานแล้ว จะรีบกลับมาหาคุณป้าทันทีเลย” หญิงสาวพยายามร้องขอ ด้วยน้ำเสียงอ่อนลง หากแต่คำตอบจากคุณมุกดาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

“เข้าไปในห้องเดี๋ยวนี้ ถ้าเอยไม่ยอมทำตามที่ป้าสั่งก็ไม่ต้องมาเรียกป้าว่าป้าอีก!” อลงกตหน้าซีดเผือด ไม่คิดว่าคุณมุกดาจะกล้าเอาความสัมพันธ์ ระหว่างป้าหลานขึ้นมาเป็นเดิมพัน เธอส่ายหน้าช้าๆ ด้วยความผิดหวัง ขอบตาร้อนผ่าวและเริ่มร้องไห้ออกมา แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้อีก นอกจากเดินกลับไปที่ห้องตามคำสั่ง

ในตอนนี้อลงกตอาจจะท้อแท้บ้าง แต่ก็ยังไม่ได้ยอมแพ้ง่ายๆ ที่สำคัญเธอก็ตั้งมั่นไว้แล้ว ว่าจะต้องกลับไปเมืองไทยให้เร็วที่สุด แน่นอนว่าคราวนี้ คงถึงเวลาที่ต้องขอความร่วมมือจากโรซี่กับดาร์เรลแล้ว

สิ่งแรกที่หญิงสาวทำก่อนจะเข้าไปในห้องตัวเอง ก็คือตรงไปเคาะประตูห้องของโรซี่ แล้วกระซิบบอกเบาๆ ว่าให้รีบติดต่อไปหาเพื่อนหนุ่มสุดหล่อ เพื่อให้รีบคิดหาแผนการใหม่ทันที เมื่อคุณมุกดาเดินตามมา อลงกตจึงรีบเดินต่อไปจนถึงห้อง แล้วทิ้งตัวลงบนเตียง ไม่นานนักเธอก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่ประตูด้านนอก และรู้ดีว่าตอนนี้อิสรภาพอันน้อยนิดได้หมดลงไปแล้ว

………………………………………………………………………………………………………………………

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel