บทที่ ๕ :: ตัดสินใจ 1
ภพตะวันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็พบว่าใกล้เที่ยงแล้ว ทว่าเปลือกตายังคงหนักอึ้งอยู่ ราวกับอดหลับอดนอนมาทั้งคืน อีกทั้งยังรู้สึกปวดศีรษะหนักๆ จนแทบไม่อยากขยับตัวอีก ชายหนุ่มตั้งใจจะนอนอยู่อย่างเดิมอีกสักพักหนึ่ง แต่เสียงโทรศัพท์มือถือกลับกรีดร้องขึ้นรบกวนโสตประสาทเสียก่อน
“บ้าชะมัด!” ภพตะวันสบถเบาๆ แต่ก็ยอมคว้าโทรศัพท์ ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาถือไว้ เมื่อพบว่าคนที่โทรเข้ามาคือภัสสร เขาก็กดตัดสายและปิดเครื่องลงทันที
เจ้าของร่างสูงกำยำค่อยๆประคองตัวเองลุกขึ้นช้าๆ แล้วเดินตรงไปล้างหน้าแปรงฟัน จนรู้สึกสดชื่นขึ้นเล็กน้อย นับตั้งแต่เมื่อเย็นวานมีเพียงแอลกอฮอล์เท่านั้นที่ตกถึงท้อง ด้วยเหตุนี้เองภพตะวันจึงรู้สึกคลื่นไส้ และเพลียมากกว่าปกติ
ชายหนุ่มเดินกลับไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเปิดเครื่อง เพื่อต่อสายลงไปหาสาวใช้ที่อยู่ข้างล่าง ไม่นานนักเธอก็รับสาย
“สวัสดีค่ะคุณตะวัน มีอะไรให้หวานรับใช้เหรอคะ”
“เอากาแฟดำร้อนๆขึ้นมาให้ฉันหน่อยนะหวาน”
“คุณตะวันอยากรับอย่างอื่นด้วยมั้ยคะ วันนี้หวานทำข้าวต้มกุ้งไว้ด้วยค่ะ” สาวใช้วัยละอ่อนถามขึ้นอีก แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมรับประทานอะไรอีกตามเคย
“ไม่ต้องหรอก ขอแค่กาแฟดำร้อนๆ กับน้ำเปล่าสักแก้วก็พอ” พูดจบภพตะวันก็วางสายทันที หากแต่ยังไม่ทันได้กดปิดเครื่องมือถือลงอย่างเดิม สายเรียกเข้าจากนพนทีก็ดังขึ้น
“ว่าไงนที” ชายหนุ่มทักทายด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน
“เฮ้ย สร่างเมายังวะเพื่อน วันนี้ฉันว่าจะชวนแกไปดื่มด้วยกันที่ผับของไอ้รามน่ะ มันชวนไปฉลองผับใหม่มันหลายวันแล้วนะเว้ย แกไปไหวมั้ยวะ” นพนทีถาม ใจจริงแล้วไม่ได้อยากจะโทรมาชวนภพตะวันออกไปดื่มด้วยกันอีกหรอก เพียงแต่ขัดคำชวนเพื่อนเก่าอย่างรามไม่ไหว สุดท้ายเลยต้องโทรหาเพื่อนสนิท ที่พ่วงตำแหน่งว่าที่น้องเขยอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ไหวหรือไม่ไหวฉันก็จะไป ถ้าจะไปตอนไหนก็มารับฉันหน่อยนะ ขี้เกียจขับรถ” คำตอบของภพตะวันยังคงเป็นเช่นเดิม ซึ่งนพนทีเองก็เข้าใจดีว่า มันเป็นธรรมดาของคนที่มีปัญหาเรื่องความรัก หนำซ้ำคนรักยังหนีหน้าหายไปทั้งที่ใกล้จะถึงวันหมั้นอีก
“โอเคเพื่อน ไว้เจอกัน” นพนทีตอบตกลงสั้นๆ และเป็นฝ่ายกดวางสายไป
ภพตะวันนอนหลับตานิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ในตอนที่ได้ยินเสียงเคาะประตู เมื่อคนที่อยู่ข้างนอกได้รับอนุญาตให้เข้ามาได้ ประตูจึงถูกเปิดออกทันที เพียงแต่บุคคลที่ก้าวเข้ามานั้นไม่ใช่สาวใช้ของบ้านรัตนทรานนท์ แต่เป็นคนที่ภพตะวันอยากหลีกเลี่ยงมากที่สุด
“ผึ้ง!” ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นร่างบางที่ยืนอยู่ไม่ไกล ภัสสรยิ้มสดใส ในมือถือถาดที่มีแก้วกาแฟ และน้ำเปล่าเดินตรงเข้ามาอีกฝ่ายช้าๆ
“เห็นพี่ตะวันบอกว่าอยากได้กาแฟร้อน ผึ้งเลยอาสายกขึ้นมาให้แทนหวานน่ะค่ะ”
“ขอบคุณนะ วางเอาไว้บนโต๊ะแล้วกลับออกไปเถอะ” ภพตะวันเอ่ยโดยไม่มองหน้า น้ำเสียงที่ฟังดูห้วนจัดทำให้ภัสสรหน้าเสีย แต่กระนั้นก็ยังตรึงเท้าอยู่ที่เดิม ไม่ยอมขยับเขยื้อนอย่างที่เจ้าของห้องร้องขอ
“ดื่มกาแฟเลยสิคะ พี่ภพจะได้หายเมาค้างไง”
“พี่บอกให้ออกไปไงผึ้ง! อย่าทำให้ชีวิตพี่วุ่นวายมากไปกว่านี้ได้มั้ย” ชายหนุ่มตวาดเสียงดัง ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองใบหน้าสวยใสของสาวน้อยตรงหน้าไม่วางตา
“ทำไมพี่ตะวันต้องไล่ผึ้งตลอดเลยคะ ผึ้งไม่ดีตรงไหน ผึ้งน่ารังเกียจมากนักเหรอ!” ภัสสรเริ่มโวยวายขึ้นบ้าง แต่ภพตะวันกลับไม่สนใจจะพูดอะไรกับเธออีก เขาเดินไปเข้าไปคว้าต้นแขนกลมกลึงไว้ ตั้งใจจะพาภัสสรออกไปจากห้องส่วนตัว ทว่าเธอกลับขัดขืนและโถมตัวเข้ากอดแน่น
“ปล่อยพี่นะผึ้ง!”
“ไม่ค่ะ! ผึ้งไม่ปล่อย...ผึ้งรักพี่ตะวันนะคะ” ภัสสรรัดเอวภพตะวันแน่นขึ้นอีก ถึงแม้เขาจะพยายามดันร่างบางให้ออกห่าง แต่เธอก็ยังซบหน้านิ่งอยู่กับแผ่นอกกว้างอยู่เช่นเดิม
“แต่พี่ไม่เคยรู้สึกกับผึ้งมากไปกว่าน้องสาวเลยนะ! พี่รักน้องไอซ์ และถึงแม้ว่าจะไม่มีน้องไอซ์ พี่ก็รักผึ้งไม่ได้อยู่ดี” คำพูดต่อมาทำให้ภัสสรชะงัก ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นทีละน้อย ก่อนจะปล่อยให้หยาดน้ำตาร่วงริน โดยไม่คิดจะสะกดกลั้นมันไว้
ภพตะวันเห็นมือที่โอบรัดอยู่รอบเอวเริ่มคลายออก จึงเข้าใจว่าภัสสรคงยอมรับความจริงได้แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยรู้สึกกับเธอแบบคนรักเลยสักครั้ง และดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของเขาและเธอ จะไม่มีวันพัฒนาไปมากกว่านี้อีก เพราะผู้หญิงที่มีอิทธิพลต่อหัวใจภพตะวัน คือไอลดาเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ผึ้งไม่ยอมแพ้หรอกค่ะ พี่ตะวันต้องเป็นของผึ้งคนเดียวเท่านั้น” คำพูดต่อมาทำให้ภพตะวันรู้ว่าตัวเองคิดผิด และจังหวะนั้นเองที่ภัสสรโน้มต้นคอแข็งแรงให้ก้มต่ำลง เพื่อประทับริมฝีปากแนบชิด
ภพตะวันเบิกตากว้างอย่างตกใจ แต่ไม่ใช่เพราะไม่เคยจูบกับผู้หญิงมาก่อน เขาแค่คิดไม่ถึงเท่านั้นว่าภัสสรจะกล้าทำแบบนี้ เขาพยายามผลักไสเธอ แต่เธอกลับใช้แขนรั้งต้นคอเอาไว้แน่นจนสลัดแทบไม่หลุด หากแต่ด้วยพละกำลังที่มีมากกว่าของผู้ชาย สุดท้ายร่างบางก็ถูกผลักออกห่างจนสำเร็จ
“ทำไมทำแบบนี้ล่ะผึ้ง! คนที่จะเสียหายไม่ใช่พี่นะ”
“ช่างสิคะ! ผึ้งไม่สนใจหรอก ผึ้งทำได้ทุกอย่างเพื่อให้พี่ตะวันยอมหันกลับมามองผึ้งบ้าง...ให้ผึ้งนอนกับพี่ตะวันตอนนี้เลยก็ยังได้นะคะ” ภัสสรเสนอ ไม่สนใจเลยว่าภพตะวันจะมองเธอด้วยสายตาอย่างไร ตอนนี้ความรักที่มีต่อผู้ชายตรงหน้ามัน ทำให้ยางอายและความเป็นกุลสตรีไม่มีหลงเหลืออยู่อีก ภัสสรพร้อมจะทำทุกอย่าง ถึงแม้ว่าหนทางนั้นมันจะผิดศีลธรรมก็ตาม
“กลับออกไปจากที่นี่เถอะผึ้ง อย่าทำให้พี่รังเกียจผึ้งมากไปกว่านี้เลย” ภพตะวันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากแต่แววตากลับแสดงความผิดหวัง ในตัวหญิงสาวรุ่นน้องอย่างชัดเจน ตลอดเวลาที่รู้จักกับภัสสรมา เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักอ่อนหวาน ไม่ต่างไปจากไอลดาเลย แต่วันนี้ภาพพจน์ของเธอ ถูกทำลายลงด้วยมือของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
ภัสสรหน้าเสียและร้องไห้โฮออกมาอีกครั้ง ภพตะวันเห็นเธอยังไม่ยอมกลับออกไปตามที่บอก จึงเป็นฝ่ายเดินออกมาจากห้องเสียเอง ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องนอนที่เคยเป็นของพี่ชาย พร้อมกับจัดการล็อคประตูลง จากนั้นร่างสูงกำยำก็ก้าวเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อจัดการกับตัวเองให้สดชื่นขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่
นับตั้งแต่วันที่ไอลดาย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังใหญ่กับธาริษา ทั้งสองคนก็สนิทสนมกันมากขึ้นอีก ส่วนสองหนุ่มเองก็เริ่มรู้จักหญิงสาวดีขึ้นเช่นกัน พีรดนย์ทำตัวเป็นหนุ่มกะล่อนได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ขณะที่ธีร์ธยาน์เองก็มีความเป็นสุภาพบุรุษ อย่างเสมอต้นเสมอปลายเช่นเดียวกัน
ไอลดาเพิ่งจะได้รู้ว่าปกติแล้วธีร์ธยาน์กับธาริษา ไม่ได้ค้างอยู่ในรีสอร์ทเป็นส่วนใหญ่ เพราะเมื่อขับรถห่างออกมาประมาณสามกิโลเมตร ก็ถึงบ้านหลังใหญ่ของพวกเขา ซึ่งภายในบ้านนั้นไม่มีใครอื่นอาศัยอยู่อีก นอกจากธีร์ธยาน์ ธาริษา พีรดนย์ และแม่บ้านสูงวัยคนหนึ่งเท่านั้น
ในคืนที่ไอลดาเกือบถูกคนงานก่อสร้างทำร้าย นับว่าโชคดีมากที่ธีร์ธยาน์กับทุกคน ต้องค้างที่รีสอร์ทไอรัก เพราะมีงานที่ยังต้องทำคั่งค้างอยู่ ถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครช่วยเธอ ให้รอดพ้นจากความเลวร้ายได้ทันเวลาแน่ๆ ด้วยเหตุนี้เองไอลดาจึงรู้สึกปลอดภัย ที่ได้อยู่ร่วมกับทุกคนที่ไว้ใจได้ และแน่นอนว่าเธอยังไม่อยากกลับไปที่บ้านของตัวเอง เพื่อเผชิญหน้ากับภพตะวันในเวลานี้
“มานั่งทำอะไรอยู่คนเดียวเหรอครับ” ธีร์ธยาน์เห็นหญิงสาวนั่งกอดเข่า อยู่บนเก้าอี้ตัวยาวหน้าบ้านเพียงลำพัง จึงแวะเข้ามาทักทายเธอ ก่อนที่จะออกไปดูงานในรีสอร์ท
“ไอซ์แค่มานั่งเล่นน่ะค่ะ คุณทิวจะไปทำงานแล้วเหรอคะ” ไอลดาขยับตัวนั่งตรง พร้อมเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“อีกสักพักถึงจะออกไปครับ...ว่าแต่คุณไอซ์เบื่อหรือเปล่าล่ะครับ ถ้าไม่อยากอยู่ที่บ้านคนเดียวจะออกไปที่รีสอร์ทกับผมก็ได้นะ” ชายหนุ่มเสนอ เพราะธาริษากับพีรดนย์ ก็ต้องออกไปทำงานที่รีสอร์ทไอรักทุกวันอยู่แล้ว มีเพียงไอลดาคนเดียวที่ไม่มีอะไรให้ทำ และเขาก็คิดว่าเธอคงเบื่อที่จะอยู่บ้านเฉยๆแล้วเหมือนกัน
“ไอซ์จะไม่ไปเกะกะเหรอคะ” คนตัวเล็กทำตาโตอย่างมีความหวัง แต่ก็ยังกลัวว่าตัวเองจะเป็นภาระให้คนอื่น
“ไม่หรอกครับ ถ้าคุณเบื่อหรือว่าอยากหาอะไรทำ ผมช่วยได้นะ” ธีร์ธยาน์ยิ้มกว้าง
“ถ้าอย่างนั้นไอซ์ไม่ปฏิเสธคำชวนนี้นะคะ อยู่ที่บ้านคนเดียวก็เหงาเหมือนกัน”
“โอเคครับ แล้วนี่คุณไอซ์เรียนจบทางด้านไหนมาเหรอครับ” ชายหนุ่มถามขึ้นอีก เมื่อเห็นหญิงสาวไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่เขาเสนอ
“ไอซ์จบบริหารธุรกิจมาค่ะ แต่ยังไม่เคยทำงานที่ไหนมาก่อนเลยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ถามเฉยๆเท่านั้นเอง เพราะผมคงไม่ให้คุณไอซ์ทำงานหนักหรอกครับ ถ้าไม่ขัดข้องก็เป็นแค่ผู้ช่วยผมก็พอแล้ว”
