บท
ตั้งค่า

บทที่ ๓ :: เรื่องร้ายเข้ามารุมเร้า 1

สายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้คนที่นั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงเริ่มกระสับกระส่าย ไอลดาได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ว่าเพราะอะไรฝนถึงตกลงมาผิดฤดูอย่างนี้ สาเหตุก็เพราะว่าเธอเกลียดสายฝนที่สุด เกลียดความเหงาที่มักจะแฝงตัวมากับหยาดน้ำฝน อีกทั้งมันยังทำให้คิดถึงใครคนหนึ่งใจแทบขาดเลยด้วย

อลงกต...พี่สาวฝาแฝดของเธอ

ภาพความทรงจำในวัยเด็ก เริ่มเคลื่อนตัวเข้าสู่ภวังค์ของไอลดาอีกครั้ง เธอไม่เคยลืมวันที่อลงกตกำลังจะจากไปกับคุณมุกดาเลย...

เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆทั้งสองคน ยืนกอดกันกลมอยู่หน้าบ้าน ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ไอลดาไม่ยอมปล่อยมือจากเอวของพี่สาว นพนทีจะพยายามดึงเธอให้ออกห่างทั้งน้ำตา แต่ทั้งสองก็ยังยืนกอดกันแน่น และร้องไห้แข่งกับเสียงลมเสียงฝน ที่เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น จนกระทั่งคุณธาดาวิ่งมาดึงทั้งสองคนให้แยกจากกัน คุณมุกดาเองก็รีบวิ่งลงจากรถยนต์ เพื่อมารับตัวอลงกตเช่นกัน

‘อย่าไปนะคะพี่เอย! อย่าทิ้งน้องไอซ์นะ!’ ไอลดาในวัยเด็กดิ้นรนสุดกำลัง เพื่อให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมของบิดา ในขณะที่อลงกตเองทำได้แค่เพียงยืนมองน้องสาว ผ่านม่านน้ำตาที่ปะปนมากับสายฝนเท่านั้น

‘พี่ต้องไปแล้วนะน้องไอซ์! อย่าดื้อกับพี่นทีแล้วก็ทุกๆคนนะ...สักวันเราคงจะได้เจอกัน’ อลงกตตะโกนบอกไอลดาทั้งน้ำตา ก่อนจะขึ้นรถและจากไปพร้อมกับป้าแท้ๆของเธอ และนับตั้งแต่วันนั้น ไอลดาก็ไม่เคยได้รับข่าวคราวใดๆ จากป้าและพี่สาวอีกเลย

หญิงสาวสะบัดศีรษะแรงๆ เพื่อไล่ภาพในอดีตให้เลือนหายไป แต่ทว่าความหดหู่ และความรู้สึกในวันนั้น กลับยังคงตราตรึงอยู่ในความรู้สึก เธอลุกขึ้นจากเตียงนอน เข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำจนรู้สึกดีขึ้น เมื่อเดินกลับออกมา ก็พบว่านาฬิกาแขวนผนังบอกเวลาห้าทุ่มเศษแล้ว ร่างบางระหงตัดสินใจล้มตัวลงนอนอีกครั้ง หากแต่สมองก็ยังสับสนวุ่นวายอยู่เช่นเดิม

“หยุดตกได้แล้วไอ้ฝนบ้า หลงฤดูมาแบบนี้มันน่าโมโหนักนะ” คนนอนไม่หลับต่อว่าสายฝนที่เทลงมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่ามันจะสามารถรับรู้สิ่งที่เธอต้องการได้

หลังจากพยายามข่มตาหลับนานกว่าชั่วโมง ไอลดาก็ลุกขึ้นจากเตียงอีกครั้งอย่างยอมแพ้ และเดินออกจากห้องพักมาตามลำพัง ไม่สนว่าเสียงฟ้าร้องที่ดังกึกก้องอยู่นั้นจะรุนแรงเพียงใด เพราะตอนนี้จิตใจเธอเศร้าหมอง เกินกว่าจะทันได้สนใจสิ่งรอบตัวอีกต่อไปแล้ว

สายตาหลายคู่ที่บังเอิญเหลือบมาเห็นร่างบอบบางชะงักเล็กน้อย ก่อนจะก็หันไปมองหน้ากันยิ้มๆ ยิ่งเมื่อเห็นว่าหญิงสาว กำลังเดินอยู่ท่ามกลางสายฝนตรงไปที่ทะเลตามลำพัง เหล่าชายฉกรรจ์ที่ตั้งวงดื่มเหล้าอยู่เกือบห้าคนก็ยิ่งได้ใจ

ไอลดาเดินทอดน่องอยู่ริมชายหาด ลืมไปเลยว่าชุดนอนตัวบางกำลังเปียกฝนจนแนบเนื้อ เห็นสัดส่วนโค้งเว้าสวยงามอย่างชัดเจน กว่าจะทันได้รู้ตัว คนงานก่อสร้างทั้งห้าคน ก็เดินตรงเข้ามายืนล้อมอยู่รอบกายเสียแล้ว

“มาเดินเล่นอยู่กลางฝนคนเดียวแบบนี้ อกหักใช่มั้ยจ้ะน้องสาว” ผู้ชายรูปร่างผอมโซ ดวงตาแดงก่ำถามขึ้นเป็นคนแรก ขณะที่คนอื่นๆ ใช้สายตาจ้องมองร่างบางอย่างจาบจ้วง จนเธอต้องรีบยกเรียวแขนขึ้นโอบรัดตัวเองไว้แน่น

“เอ่อ...ฉันกำลังจะกลับเข้าไปข้างในแล้วค่ะ ขอตัวนะคะ” เมื่อรู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัย หญิงสาวจึงรีบเดินเลี่ยงไปทางอื่น แต่คนพวกนั้นกลับก้าวตามไปขวางหน้าเอาไว้ พร้อมหัวเราะเสียงดังแข่งกับสายฝน

“เดี๋ยวค่อยไปก็ได้น้องสาว อยู่สนุกกับพวกพี่ก่อนดีกว่าน่า” พูดจบชายคนหนึ่งที่รูปร่างกำยำกว่าเพื่อน ก็ปรี่เข้ามากระชากไอลดาเข้าสู่อ้อมกอดทันที

“ปล่อยนะ!...ช่วยด้วยค่ะ ช่วยฉันด้วย!” เมื่อได้ยินสาวสวยร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ หนึ่งในหนุ่มก่อสร้าง จึงปล่อยหมัดหนักๆเข้าที่ท้องของหญิงสาวเต็มแรง จนล้มไปนอนแผ่อยู่บนพื้นทราย ถึงแม้จะรู้สึกเจ็บจุกจนร้องไม่ออก แต่ไอลดาก็ยังกระเสือกกระสนคลานหนีเต็มกำลัง ทว่าสุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ เพราะถูกอีกฝ่ายดึงข้อเท้าไว้แน่น และโถมตัวลงทาบทับทันที

“อย่านะ! ปล่อยฉัน!” หญิงสาวกรีดร้องสุดเสียง เมื่อชุดนอนตัวบางถูกดึงทึ้งขาดวิ่น จนเห็นบราเซียสีขาว หนุ่มฉกรรจ์ห้าคนส่งเสียงเฮด้วยความพึงพอใจ

“ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นขัดจังหวะ ทำให้ชายคนที่กำลังนั่งคร่อมร่างบางอยู่ สบถอย่างหัวเสีย แต่เมื่อผุดลุกขึ้นและหันกลับมามองบุคคลที่เพิ่งก้าวเข้ามาใหม่แล้ว บรรดาช่างก่อสร้างที่คิดจะล่วงเกินหญิงสาว ก็ถึงกับหน้าถอดสีทันที

ธีร์ธยาน์ยืนสงบนิ่งอยู่ไม่ไกล พร้อมกับเพื่อนสนิทหนุ่มหล่อ มือหนากำเข้าหากันแน่น เมื่อมองเห็นไอลดานอนสั่นระริกอยู่บนพื้น เม็ดทรายเปรอะเปื้อนเนื้อตัวมากมาย ผมเผ้ายุ่งเหยิง อีกทั้งเสื้อผ้ายังขาดเสียจนมองเห็นผิวเนื้อขาวนวล

‘พีรดนย์ อุตรเดช’ ถอดเสื้อยืดสีเทาที่สวมอยู่ออกอย่างรู้หน้าที่ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาคนที่นอนสั่นระริกอยู่เพื่อสวมเสื้อให้ ไอลดาผลักไสเขาและกรีดร้องเสียงดัง หากแต่เมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มกระซิบบอกเบาๆ ว่าไม่ได้คิดจะทำร้ายเธอ เธอจึงยอมให้เขาสวมเสื้อทับชุดนอนขาดๆแต่โดยดี ก่อนที่จะหมดสติไป

“พาคุณไอซ์ไปที่ห้องฉันก่อนเลยดนย์ เรื่องนี้ฉันจะจัดการต่อเอง” ธีร์ธยาน์ตะโกนบอกเพื่อนหนุ่มผ่านสายฝน

“พวกมันตั้งห้าคน แกเอาไหวเหรอวะ” พีรดนย์ถามกลับ เมื่อมองเห็นจำนวนคนที่แตกต่างกันระหว่างเพื่อนและคนงานก่อสร้าง

“ไม่ต้องห่วงหรอก ที่นี่จะไม่มีการใช้กำลังเกิดขึ้นแน่นอน...จริงมั้ยทุกคน” ธีร์ธยาน์ยังยืนยันคำเดิม ก่อนจะหันไปขอเสียงสนับสนุนจากคนงานหนุ่มทั้งห้า ซึ่งพวกนั้นก็ตอบรับเสียงอ่อย เพราะต่างก็รู้ดีว่าหากมีเรื่องกับธีร์ธยาน์คงไม่ใช่เรื่องดีแน่

พีรดนย์เห็นว่าเหตุการณ์คงไม่ลุกลามใหญ่โตต่อไปอีก จึงช้อนร่างบางขึ้นไว้ในอ้อมกอด แล้วพาเธอมุ่งหน้าตรงไปที่ห้องส่วนตัวของธีร์ธยาน์ทันที

“ผะ...ผมขอโทษครับคุณทิว คือ...พวกผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ” ชายรูปร่างผอมบางที่ดูเหมือนจะมีอายุมากที่สุดเอ่ยขึ้นก่อน ขณะที่คนอื่นๆ พากันก้มหน้าหลบสายตาดุดัน ของคนที่ยืนกอดอกนิ่งอยู่ตรงหน้า

“ฉันเคยเตือนพวกนายแล้วนะ ว่าอย่าทำตัวรุ่มร่ามกับแขกของรีสอร์ท แต่ในเมื่อไม่ฟังกันแบบนี้ ฉันคงต้องคุยกับหัวหน้าช่างหน่อยแล้ว” ธีร์ธยาน์ไม่ได้คิดจะอ่อนข้อให้ เพราะการกระทำในครั้งนี้ มันรุนแรงจนให้โอกาสแก้ตัวไม่ได้อีกแล้ว

ถ้าหากว่าเขากับพีรดนย์มาพบไอลดาช้ากว่านี้ ทุกอย่างก็คงสายเกินแก้ และผู้หญิงจิตใจดีอย่างเธอ คงต้องมีตราบาปอันน่ารังเกียจไปตลอดชีวิต…

ธีร์ธยาน์สั่งให้คนทำผิดทุกคน เดินตามเข้ามาข้างในรีสอร์ท ก่อนจะต่อโทรศัพท์ไปหาหัวหน้าช่างก่อสร้าง เพื่อแจ้งให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และปลายสายเองก็ขอโทษขอโพยเสียยกใหญ่ พร้อมให้สัญญาว่าจะหาคนงานใหม่มาแทน โดยไม่ให้เสียงาน เพียงแต่ขอร้องไม่ให้ชายหนุ่มแจ้งตำรวจ เพราะอย่างไรเสีย คนพวกนี้ก็เป็นลูกหลานของคนใกล้ชิดทั้งนั้น

“หวังว่าพรุ่งนี้ฉันจะไม่เห็นหน้าพวกนายที่นี่อีกนะ แต่ถ้ายังกล้าลอยหน้าลอยตาอยู่แถวนี้อีก ฉันจับพวกนายส่งตำรวจแน่” ชายหนุ่มยอมทำตามที่หัวหน้าช่างขอร้อง เพราะเขาเองก็ไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน

เมื่อเห็นว่าการเจรจาสิ้นสุดแล้ว เจ้าของรีสอร์ทก็เดินหายเข้าไปในลิฟต์ เพื่อขึ้นไปหาหญิงสาวที่อยู่ชั้นบนทันที ทิ้งให้เหล่าคนผิดที่เพิ่งตกงานยืนหน้าเครียดอยู่ข้างล่าง และหลังจากนั้นก็ต้องระเห็จออกไปจากรีสอร์ทไอรักแต่โดยดี เพราะการที่ธีร์ธยาน์ไม่แจ้งตำรวจ ก็นับว่าเป็นโชคดีสำหรับพวกเขามากพอแล้ว...

พีรดนย์ลอบถอนหายใจหลายต่อหลายครั้ง เพราะถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานกว่าสิบนาทีแล้ว แต่เขาก็ยังไม่กล้าลงมือถอดเสื้อผ้าเปียกๆ ออกให้ไอลดาเสียที ตอนนี้พวกแม่บ้านก็เลิกงาน และคงนอนหลับกันไปหมดแล้วด้วย ชายหนุ่มกระวนกระวายอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งนึกขึ้นได้ว่าน้องสาวตัวแสบของเพื่อนหนุ่ม นอนอยู่ในห้องติดกัน เขาจึงเดินตรงไปหาเธออย่างรวดเร็ว

เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นติดกันหลายครั้ง ทำให้ธาริษาผุดลุกขึ้นนั่งอย่างหงุดหงิด แต่เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ข้างนอกยังเคาะประตูรัวไม่ยอมหยุด หญิงสาวจึงยอมลงจากเตียงนอน แล้วตรงไปกระชากประตูห้องเปิดออกเต็มแรง

“เฮ้ย! ตกใจหมด” พีรดนย์อุทานลั่น เพราะจู่ๆประตูที่ปิดสนิทก็เปิดออกอย่างรวดเร็ว

“โธ่เอ้ย! นึกว่าผีตัวไหนมาโวยวายอยู่หน้าห้อง ที่แท้ก็ผีทะเลตัวนี้นี่เอง” คำพูดแรกของสาวสวยรุ่นน้องทำให้พีรดนย์รู้สึกหน้าตึงขึ้นมาตะหงิดๆ แต่ก็ไม่คิดจะต่อปากก็คำกับเธอ เพราะกลัวว่าไอลดาจะนอนหนาวจนเป็นไข้ไปเสียก่อน

“อย่าเพิ่งชวนทะเลาะได้มั้ยฝัน พี่มาเคาะประตูห้องเอากลางดึกแบบนี้ ก็เพราะมีเรื่องด่วนหรอกนะ”

“มีอะไรก็รีบพูดมาสิผีทะเล! ฉันง่วงนะ” คนตัวเล็กถาม พร้อมกับยกมือขึ้นสางผมให้เข้าทรงกว่าที่เป็นอยู่

“เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับแขกของรีสอร์ทน่ะ แต่ตอนนี้ปลอดภัยอยู่ในห้องไอ้ทิวแล้ว คือพี่...”

“พอๆ เลิกพูดมากได้แล้ว จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับใครก็ช่างสิ ตอนนี้ปลอดภัยดีแล้วไม่ใช่เหรอ” เธอขัดขึ้น

“มีเหตุผลหน่อยสิฝัน! ฝันคิดว่าพี่อยากมาเจอหน้าฝันนักเหรอ” ธาริษาหน้าชาวาบทันทีที่ได้ยินคำพูดต่อมาของอีกฝ่าย ซึ่งพีรดนย์ก็ได้ใช้โอกาสนั้นเองพูดต่อจนจบ

“แขกคนที่พี่พูดถึงเป็นผู้หญิง เธอตากฝนจนเนื้อตัวเปียกปอนไปหมด พี่เป็นผู้ชายเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ไม่ได้ พี่ถึงออกมาตามฝันไง”

“แค่นี้ใช่มั้ย” น้ำเสียงเย็นชาของคนตรงหน้า กระตุกหัวใจพีรดนย์อย่างประหลาด และก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขาเพิ่งลืมตัวตะคอกใส่เธอไป มันจึงไม่แปลกเลยที่ผู้หญิงเอาแต่ใจอย่างธาริษาจะโกรธเคืองเขา

ประตูห้องนอนปิดลงเสียงดัง ทั้งที่พีรดนย์ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆจากอีกฝ่าย ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย เพราะไม่พอใจนักกับกิริยาไร้มารยาทของหญิงสาว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel