บท
ตั้งค่า

บทที่ ๒ :: หาทางแก้ปัญหา 2

เวลาผ่านล่วงเลยไปจนเกือบสามวันเต็มแล้ว แต่ลูกสาวคนสวยก็ยังเงียบหายไป โดยไม่คิดจะติดต่อกลับมาที่บ้านเลยแม้แต่น้อย ถึงตอนนี้คุณธาดาเริ่มกระวนกระวายมากขึ้นจนนั่งแทบไม่ติดที่ เพราะวันหมั้นที่จะมีขึ้นระหว่างไอลดากับภพตะวัน ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ถ้าหากวันงานมาถึง แต่ลูกสาวตัวดียังไม่ยอมปรากฏตัว มีหวังได้โดนคุณมณีฉีกอกในฐานโกหกหลอกลวงแน่ๆ

นพนทีเดินเข้ามาในห้องรับแขก พร้อมถ้วยกาแฟร้อนหอมกรุ่น เมื่อชายหนุ่มหันไปเห็นสีหน้าบอกบุญไม่รับของบิดาเข้าแต่เช้า ก็จัดการวางกาแฟไว้บนโต๊ะรับแขกอย่างเบามือ ก่อนจะค่อยๆย่องเข้าไปทางด้านหลังคุณธาดา ที่ยืนทำหน้าเครียดอยู่ตรงระเบียงด้านนอกอย่างเงียบกริบ

“อะแฮ่ม! แอบใจลอยคิดถึงเมียน้อยอยู่เหรอพ่อ” เสียงที่ดังขึ้นทั้งที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้คุณธาดาหันกลับมาแจกกำปั้นหนักๆ ให้ลูกชายจอมทะเล้นเต็มแรง

“โอ๊ย! ผมเจ็บนะพ่อ” นพนทียกมือขึ้นลูบศีรษะตัวเองป้อยๆ เพื่อให้บิดารู้ว่าเจ็บอย่างที่พูดจริงๆ แต่ปัญหาที่คุณธาดากำลังครุ่นคิดหาทางแก้อยู่ ทำให้ความพยายามที่จะช่วยสร้างบรรยากาศขบขันรื่นเริงของนพนทีต้องหายวับไปกับตา

“พ่อไม่มีอารมณ์มาพูดเล่นกับแกนะนที แกเข้าใจบ้างมั้ยว่าพ่อกำลังเครียด...เครียดมากด้วย”

“พ่อคงคิดมากเรื่องน้องสินะครับ” นพนทีถามทั้งที่รู้ดีอยู่แล้ว ก่อนจะหมุนตัวเดินตามผู้สูงวัยกว่ากลับเข้ามาข้างในห้องรับแขก แล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวด้วยท่าทีผ่อนคลาย

“อีกไม่กี่วันงานหมั้นของพ่อตะวันกับไอซ์ก็จะมาถึงแล้ว ถ้าแม่แกรู้ว่าพ่อโกหกบ้านหลังนี้คงวุ่นวายน่าดูเลย...แล้วไหนจะทางคุณภาคภูมิอีกล่ะ เขาคงเสียหน้าแย่ ถ้าวันนั้นแม่น้องสาวตัวดีของแกยังไม่ปรากฏตัว” คุณธาดาเปรยกับลูกชายด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย

“ผมว่าพ่ออย่าเพิ่งคิดมากเลยครับ บางทีน้องอาจจะกลับมาภายในวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ก็ได้นะครับ” นพนทีพยายามให้กำลังใจ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังเคร่งเครียดอยู่อย่างเดิม

ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าที่เริ่มมีริ้วรอยตามวัยของบิดาอย่างเห็นใจ ก่อนจะยกแก้วกาแฟร้อนขึ้นจิบ เมื่อไม่รู้ว่าควรสรรค์หาทำพูดใดมาปลอบใจคุณธาดาอีก แต่หลังจากที่ความเงียบ เริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาภายในห้องรับแขกได้ไม่นาน รอยยิ้มของนพนที ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าทันที

“ผมหาทางรับมือกับปัญหานี้ได้แล้วพ่อ!” คุณธาดาที่กำลังนั่งเหม่ออยู่ถึงกับสะดุ้งสุดตัว เมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวกของลูกชาย แต่พอคิดจะขยับเข้าไปแจกกำปั้น ลงบนศีรษะชายหนุ่มอีกครั้ง คำพูดต่อมากลับทำให้เขาชะงักไปเสียก่อน

“ให้น้องสาวของผมอีกคน...มาแทนยัยไอซ์ชั่วคราวก่อนสิครับ” ข้อเสนอแนะที่นพนทีบอกออกมา ดังก้องวนเวียนอยู่ในหัวคุณธาดาอยู่พักใหญ่ และเมื่อไตร่ตรองถึงความจำเป็นอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว เขาจึงตกลงใจเห็นด้วยกับชายหนุ่มทันที

“ทำไมพ่อไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยนะ” ชายวัยหกสิบเศษบ่นกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะรีบเดินตรงไปหยิบโทรศัพท์มือถือ หวังจะติดต่อหาลูกสาวอีกคน ที่อยู่ไกลถึงประเทศอังกฤษ แต่ทว่ามือหนากลับต้องชะงักลง เมื่อนึกได้ว่าเขามีสิทธิ์ติดต่อบุตรสาวผ่านทางคุณมุกดา ซึ่งเป็นผู้ปกครองของเธอแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น…

ร่างโปร่งระหงที่กำลังเดินเฉิดฉายอยู่บน Catwalk ด้วยท่วงท่าสง่างาม ดึงสายตาทุกคู่ให้จับจ้องไปที่เธอได้โดยไม่ยากเย็น ค่ำคืนนี้ ‘อลงกต วารีพิทักษ์’ หรือที่กำลังโด่งดังในวงการแฟชั่นของประเทศอังกฤษ ด้วยชื่อ ‘เอดี้’ สวมเสื้อเกาะอกสีแดงเพลิง เน้นส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน กับกางเกงหนังสีดำความยาวเพียงต้นขา เพื่ออวดสรีระงดงามให้ทุกสายตาได้ชื่นชม ใบหน้างามที่เหมือนกับไอลดาไม่มีผิดเพี้ยน แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ด้วยโทนสีจัดจ้านกว่าทุกวัน จึงทำให้เธอดูเซ็กซี่ยั่วยวนมากขึ้นอีกเท่าตัว

‘โรซี่ เบนเนท‘ เพื่อนสาวลูกครึ่งไทยอังกฤษ เดินเข้ามาหาอลงกตทันทีที่การเดินแบบสิ้นสุดลง สีหน้าเธอดูกระวนกระวายเล็กน้อย จนนางแบบสาวสวยที่เพิ่งลงมาจาก Catwalk หมาดๆ รีบเอ่ยปากถามขึ้น

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าโรส ดูเธอทำหน้าเข้าสิ” อลงกตถามโรซี่เป็นภาษาอังกฤษชัดเจน ราวกับว่าเธอกลายเป็นพลเมืองของที่นี่ไปเต็มร้อยแล้ว แต่ทว่าในเวลาที่อยู่ด้วยกันตามประสาเพื่อนฝูง สองสาวก็มักจะสื่อสารกันด้วยภาษาไทยอยู่บ่อยครั้ง

“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ฉันแค่กลัวแดนนี่จะรอนานเลยว่าจะมาขอตัวกลับก่อน เธอขับรถกลับเองได้ใช่มั้ย” โรซี่อ้อมแอ้มบอกเพื่อนสาวอย่างเกรงใจ เพราะตอนแรกเธอเป็นคนบอกกับอลงกตเอง ว่าจะรอกลับบ้านพร้อมกัน

“แหม เรื่องแค่นี้ทำไมต้องซีเรียสด้วยล่ะ ไปเถอะโรส ไม่ต้องห่วงฉันหรอกน่า ไว้เจอกันที่บ้านนะ” อลงกตส่งยิ้มหวานให้โรซี่ ก่อนจะดันหลังเธอตรงไปที่ประตูทางออก

“ฝากบอกคุณป้าด้วยนะว่าคืนนี้ฉันอาจจะกลับดึก พอดีว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันกับแดนตั้งใจจะเดทด้วยกันแบบจริงจังน่ะ” โรซี่แก้มแดงทันทีที่พูดจบ ยิ่งเมื่อเห็นสายตาล้อเลียนของเพื่อนสนิท เธอก็อายม้วนจนแทบไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาด้วยเลยทีเดียว

‘ดาร์เรล ล็อควูด’ หรือ ‘แดนนี่’ หนุ่มหล่อชาวอังกฤษวัยยี่สิบห้าปีเต็ม มักพูดอยู่เสมอว่าผู้หญิงอย่างโรซี่มีความเป็นสาวไทยอยู่เต็มตัวมาก เพราะถึงแม้ว่าเธอจะอยู่อังกฤษกับครอบครัวมาตั้งแต่เจ็ดขวบ แต่กลับรู้จักรักนวลสงวนตัว ไม่ได้หลงใหลไปกับวัฒนธรรมของชาวตะวันตก เหมือนอย่างที่ผู้หญิงหลายๆคนเป็น

โรซี่กับอลงกตสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว และปีนี้ก็เป็นปีที่ห้าแล้วเหมือนกัน ที่เธอย้ายมาอาศัยอยู่กับอลงกต เหตุผลก็เพราะโรซี่สูญเสียบิดาชาวอังกฤษและมารดาชาวไทยไป เนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ อลงกตกับคุณป้ารู้สึกเห็นใจ ที่หญิงสาวต้องใช้ชีวิตคนเดียว จึงได้เอ่ยปากขอร้องให้มาอยู่ด้วยกัน

เมื่อโรซี่กลับออกไปแล้ว อลงกตก็รีบจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า และล้างหน้าล้างตาจนรู้สึกสดชื่น จากนั้นจึงพาตัวเองขับรถกลับบ้านในย่านเคนซิงตัน (Kensington) ซึ่งถือว่าเป็นย่านคนรวยในลอนดอน และยังเป็นย่านเก่าแก่ที่มีความน่าหลงใหลมากที่สุดอีกด้วย

ในย่านนี้มีถนนสวยๆ และแหล่งชอปปิ้งที่ทันสมัยครบครัน มีสิ่งก่อสร้างและสถาปัตยกรรมที่งดงามดึงดูดใจ ที่นับว่าเป็นเอกลักษณ์ของเคนซิงตันอย่างแท้จริง ทำให้ชาวต่างชาติจำนวนมาก นิยมมาเที่ยวในย่านนี้กันแทบทุกช่วงเวลา แม้กระทั่งอลงกตเอง ก็ได้ตกหลุมรักที่แห่งนี้ไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

‘คุณมุกดา’ ละสายตาจากจอโทรทัศน์ทันที เมื่อรับรู้ได้ว่ารถสปอร์ตของหลานสาวคนสวย แล่นเข้ามาจอดภายในบ้านเรียบร้อยแล้ว ร่างท้วมแต่ดูแข็งแรง ผุดลุกขึ้นจากโซฟาช้าๆ ก่อนจะดิ่งเข้าไปในห้องครัว เพื่อจัดเตรียมอาหารค่ำสำหรับตัวเองและหลานสาว

“กลับมาแล้วเหรอเอย วันนี้ป้าทำสเต็กปลาแซลมอนไว้นะ ทานกันเลยดีมั้ยลูก” คุณมุกดาถาม เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาโอบเอวไว้หลวมๆ

“นี่คุณป้ารอทานอาหารพร้อมเอยอีกแล้วเหรอคะ ที่จริงดึกป่านนี้แล้วน่าจะทานก่อนเลยนะคะ” อลงกตท้วงขึ้น เมื่อเห็นอาหารที่เตรียมไว้ ยังอยู่ในสภาพพร้อมรับประทานเหมือนเดิม ไม่ได้ถูกแตะต้องเลยแม้แต่น้อย

“ป้ารอเอยได้อยู่แล้วล่ะลูก อีกอย่างการทานอาหารคนเดียวมันไม่อร่อยเลยนะ เหงาออก” ผู้สูงวัยกว่าชี้แจงด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ก่อนจะถามถึงสาวสวยอีกคน ที่รักเหมือนลูกเหมือนหลานแท้ๆ เมื่อพบว่าไม่เห็นเธอกลับมาพร้อมอลงกตเหมือนทุกวัน

“อ้าว แล้วโรสล่ะเอย ทำไมวันนี้ถึงไม่กลับมาพร้อมกันล่ะลูก”

“อ๋อ วันนี้โรสมีนัดกับแดนนี่น่ะค่ะคุณป้า ฝากเอยมาบอกคุณป้าด้วยนะคะว่าคงกลับดึกหน่อย เราสองคนทานมื้อค้ำกันเลยดีกว่าค่ะ เอยแอบได้ยินเสียงท้องคนแถวนี้ร้องแล้วนะคะเนี่ย” คุณมุกดาหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินคำหยอกเย้าจากหลานสาว ทั้งสองคนรีบช่วยกันจัดโต๊ะอาหารแบบง่ายๆทันที

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว สองป้าหลานก็เริ่มลงมือรับประทานสเต็กปลาแซลมอนกันอย่างเอร็ดอร่อย บรรยากาศในค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นไอของความรัก ความอบอุ่นเหมือนทุกๆวัน หญิงสาวเล่าเรื่องงาน เรื่องคนใกล้ตัว รวมทั้งเรื่องราวที่เพิ่งได้พบเห็นมาให้คุณมุกดาฟัง ขณะรับประทานอาหารด้วยกันเหมือนอย่างเคย ส่วนคุณมุกดาเองก็ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี และร่วมออกความเห็นบ้างตามความเหมาะสม

เกือบสิบสามปีแล้วที่อลงกตไม่เคยได้รับความใส่ใจใยดี จากบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดเลย มีเพียงแค่ป้ามุกดาของเธอเท่านั้น ที่คอยทำหน้าที่แทนพวกเขามาโดยตลอด ถึงแม้ว่าตอนนี้หญิงสาวจะมีความสุขดี แต่มันคงดียิ่งกว่า ถ้าหากบุพการีทั้งสองหันมาให้ความสนใจบ้าง ไม่ใช่ส่งให้มาอยู่ที่ต่างประเทศ แล้วทำเหมือนตายจากกันไปอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

....................................................................................................................................................

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel