บท
ตั้งค่า

บทที่ ๒ :: หาทางแก้ปัญหา 1

รถเบนซ์สปอร์ตสีเงินแล่นฉิวไปบนท้องถนนด้วยความเร็วสูง ชายหนุ่มที่สวมแว่นดำกันแสงแดดขณะขับรถ ขบกรามจนเห็นสันกรามนูนเด่นขึ้น สองมือกำพวงมาลัยรถแน่น ราวกับกำลังโกรธเคืองมัน และเมื่อนึกถึงการกระทำเมื่อครู่ของบิดาขึ้นมาได้อีก ภพตะวันก็เหยียบคันเร่งหนักขึ้น จนแทบมิดเลยทีเดียว

จุดหมายปลายทางที่เลือกจะไปนั้น ยังไม่ได้ถูกกำหนดขึ้นในตอนนี้ แต่ทว่าชายหนุ่มก็ยังคงขับรถไปตามทางเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเรียกสติ เมื่อเห็นว่าผู้ติดต่อมาคือนพนที เขาจึงลดความเร็วลง และรีบเลี้ยวรถไปจอดเอาไว้ข้างทาง

“ว่าไงนที มีอะไรคืบหน้าเรื่องน้องไอซ์แล้วใช่มั้ย” ภพตะวันร้องถามขึ้นก่อนอย่างมีความหวัง แต่คำตอบที่ได้รับจากอีกฝ่าย ทำให้รอยยิ้มที่เพิ่งแต่งแต้มขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา เริ่มจางหายทีละน้อย

“เฮ้อ ถ้ามีอะไรคืบหน้าบ้างก็ดีน่ะสิ วันนี้ฉันตามหายัยไอซ์มาทั้งวันเลยนะ...ทั้งที่บ้านเพื่อน บ้านอาจารย์ หรือบ้านเพื่อนของเพื่อนฉันก็คลำทางไปตามหามาหมดแล้ว แต่ว่าก็ไม่เจอว่ะ ไม่มีใครรู้เลยว่ายัยไอซ์หายไปไหน” น้ำเสียงของนพนทีฟังดูเหนื่อย และกลัดกลุ้มไม่ต่างจากภพตะวัน

“แกจะโทรมาบอกฉันแค่นี้ใช่มั้ย ถ้าใช่ก็แค่นี้นะ”

“เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งวางนะไอ้ตะวัน ความจริงฉันตั้งใจจะชวนแกไปดื่มด้วยกันน่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้สังสรรค์กับเพื่อนฝูงเลย ...นี่เพื่อนคนอื่นๆก็ไปกันนะ แกจะยอมพลาดเหรอวะ” นพนทีรีบบอกเหตุผลที่ทำให้เขาโทรหาภพตะวันเร็วๆ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรีบชิงวางสายหนีไปก่อน

“งานนี้ขอบายว่ะ ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์สังสรรค์กับใครทั้งนั้นแหละ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็กดตัดสายทันที นพนทีเองก็ไม่ได้คิดจะโทรกลับมาอีก เพราะรู้ดีว่านิสัยของภพตะวันเป็นอย่างไร ถ้าขืนเซ้าซี้มากๆเข้า อาจจะโดนด่าเปิงจนหูชาเลยก็ได้

หนุ่มหล่อที่ยังนั่งนิ่งอยู่ในรถถอนหายใจ ก่อนจะซบหน้าลงบนท่อนแขน ที่ยังคงกำพวงมาลัยรถเอาไว้แน่นอย่างเหนื่อยล้า ภาพใบหน้าของพี่ชายเพียงคนเดียว และมารดาที่เสียชีวิตไปแล้ว ค่อยๆปรากฏขึ้นในมโนภาพอีกครั้ง

เวลาผ่านไปจนเกือบจะหกปีเต็มแล้วหลังจากที่คุณ ’จินดา’ และ ‘ภพธร’ จากไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ ภพตะวันต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ภายในบ้านหลังใหญ่โต กับบิดาที่เอาแต่ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับงานเพียงอย่างเดียว อีกทั้งชายหนุ่มยังต้องแบกรับภาระ ที่จะต้องสานต่อความฝันของพี่ชายให้สำเร็จอีก

ตอนแรกภพตะวันเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ ที่จะทำตามคำสั่งของผู้ให้กำเนิด เขาพยายามทำทุกอย่างที่ภพธรไม่มีโอกาสได้ทำอย่างดีที่สุด แต่เมื่อวันเวลายิ่งผ่านล่วงเลยไป ชายหนุ่มจึงได้รู้ว่าความพยายามของตัวเองนั้นไม่ได้มีค่าเลย

คุณภาคภูมิมองเห็นเขาเป็นเพียงตัวแทนลูกชายคนโตอย่างภพธรเท่านั้น...ด้วยเหตุนี้เองภพตะวันถึงตัดสินใจทิ้งทุกอย่าง ที่สำเร็จได้ด้วยความยากเย็นลงเพียงเท่านี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยมีสิทธิ์เลือกทางเดินของตัวเองเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนหรือชีวิตการทำงาน ล้วนแล้วแต่เป็นความต้องการของบิดาทั้งสิ้น แต่ก็นับว่าโชคยังดี ที่มีโอกาสได้เลือกคนรักที่สมบูรณ์แบบอย่างไอลดาด้วยตัวเอง ดูเหมือนคุณภาคภูมิก็ชอบเธอมากเหมือนกัน เพราะเรื่องที่เขาคบกับไอลดา คือสิ่งแรกที่ไม่ถูกคัดค้าน

ภพตะวันเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เมื่อดึงตัวเองขึ้นจากภวังค์ได้สำเร็จ ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือไว้ในมือ ลังเลกับความคิดของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อตัดสินใจได้ เขาก็รีบต่อสายหานพนทีโดยไม่รีรออีก

“บอกมาสิว่าแกจะไปดื่มที่ไหน ฉันเพิ่งคิดได้น่ะว่ากำลังอยากไปอยู่เหมือนกัน” คำพูดของเพื่อนรักทำให้นพนทีขมวดคิ้วชนกันอย่างไม่เข้าใจ แต่ว่าก็ยอมบอกสถานที่นัดหมายให้อีกฝ่ายรับรู้อย่างละเอียด

เช้าวันนี้ท้องฟ้าดูไม่ปลอดโปร่งอย่างทุกวัน เมฆหมอกดำทะมึน ที่เคลื่อนตัวมารวมกันเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ บ่งบอกให้รู้ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าอาจจะมีฝนตก ดูเหมือนว่าจะเป็นฝนหลงฤดูเสียด้วย เพราะตอนนี้อากาศกำลังหนาวในระดับหนึ่ง ซึ่งถ้ามีความเย็นของสายฝนเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง ไอลดาคงไม่คิดจะลุกขึ้นจากเตียงนอนอันอบอุ่นของเธอแน่ๆ

สาวสวยร่างบางนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย อยู่บนเตียงนอน ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ที่ทางรีสอร์ทจัดเตรียมให้อย่างเหมาะกับสภาพอากาศ จนถึงตอนนี้ไอลดาก็ยังคงไม่ยอมเปิดเครื่องโทรศัพท์ และเธอก็มั่นใจมากด้วย ว่าถ้าเปิดมันขึ้นมาเมื่อไหร่ คงมีข้อความ Miss call ของใครหลายคนปรากฏขึ้นแน่ๆ หนึ่งในนั้นคงไม่พ้นภพตะวัน ผู้ชายที่เธอรัก แต่เขาก็คือผู้ชายที่ทำให้เธอเจ็บปวด จนต้องหนีหน้ามาหลบเลียรักษาแผลใจ อยู่ที่รีสอร์ทไอรักแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

ไอลดาถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ถึงแม้ว่าตอนนี้อากาศจะหนาว และทำท่าว่าจะมีฝนตกลงมาในไม่ช้า แต่หญิงสาวก็ยังอยากออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง ดีกว่าทนอุดอู้อยู่แต่ในห้องพัก แล้วปล่อยให้ความเหงารุมทำร้าย จนนึกอยากร้องตะโกนออกมาเสียงดังๆแบบนี้

หลังจากที่จัดการแต่งตัวในชุดสบายๆเรียบร้อยแล้ว เจ้าของร่างบางก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ริมชายหาดสีขาวสะอาดตาทันที สายลมเย็นยะเยือก ลอยเข้ามาปะทะกับผิวเนื้อเป็นระยะๆ จนต้องยกมือขึ้นโอบกอดตัวเองเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะมีเสื้อมั้ยพรมสีครีมสวมติดกายอยู่ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้คนตัวเล็กอุ่นขึ้นสักเท่าไหร่นัก

ฝีเท้าที่กำลังจะเดินไปดูการทำงานของช่างก่อสร้าง ที่รับหน้าที่ต่อเติมบริเวณรีสอร์ทเป็นอันต้องหยุดชะงักลง เมื่อสายตาคมกริบสีดำทรงเสน่ห์ เหลือบไปเห็นหญิงสาวร่างบางยืนกอดอกอยู่ไม่ไกล ธีร์ธยาน์ระบายยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาว

“อากาศแบบนี้ผมคิดว่าคุณจะนอนเล่นอยู่ในห้องซะอีกนะครับ” ชายหนุ่มทักทายด้วยรอยยิ้ม ซึ่งไอลดาเองก็หันมายิ้มตอบให้กับเขาด้วยเช่นกัน

“ไอซ์เบื่อค่ะ ขืนอยู่แต่ในห้องมีหวังเฉาตายกันพอดี” หญิงสาวตอบพร้อมกับเบ้ปาก เพื่อให้เขารู้ว่าเธอเบื่อจริงๆ กับการที่จะต้องทนอุดอู้อยู่แต่ในห้อง ธีร์ธยาน์ไม่ได้โต้ตอบอะไรขึ้นอีก นอกจากยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง

“วันนี้คุณทิวไม่ไปไหนเหรอคะ” ไอลดาถามขึ้นทำลายความเงียบ ไม่ลืมลอบมองดูชายหนุ่มด้วยว่า สีหน้าของเขาแสดงถึงความไม่พอใจหรือเปล่า ที่ถูกถามถึงเรื่องส่วนตัว แต่บนใบหน้าหล่อเหลานั้น ก็ยังแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันก็ทำให้ไอลดาอดคิดไม่ได้ว่า คนตัวโตที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้น เคยรู้จักคำว่าความทุกข์บ้างมั้ย

“ผมกำลังจะไปดูงานทางด้านหลังหน่อยน่ะครับว่าไปถึงไหนแล้ว แต่พอดีเห็นคุณไอซ์ยืนอยู่คนเดียว ก็เลยแวะเข้ามาทักทายก่อน”

“งั้นเหรอคะ...แล้วการที่ไอซ์อยู่ที่นี่มันเกะกะหรือเปล่าคะ” คนตัวเล็กยิ้มแห้งๆ ก่อนจะตัดสินใจถามขึ้น

ธีร์ธยาน์หัวเราะเบาๆในลำคอ และไม่ได้ตอบคำถามเธอ แววตาที่เขาใช้มองไอลดาในตอนนี้ เต็มไปด้วยความเอ็นดูอย่างปิดไม่มิด เพียงแต่เจ้าตัวยังไม่ทันรู้เท่านั้นเอง

“คุณอยากไปกับผมสักหน่อยมั้ยล่ะครับ ถือซะว่ามันคือคำตอบของสิ่งที่คุณถามผมไปเมื่อกี้นี้ไง” ริมฝีปากหยักลึกได้รูป ฉีกยิ้มกว้างอีกครั้งเมื่อพูดจบ

“ยินดีเลยค่ะ ไอซ์กำลังเบื่อๆอยู่พอดีเลย” ไอลดาตอบตกลงอย่างเต็มอกเต็มใจ คำตอบของธีร์ธยาน์ทำให้หญิงสาวรู้ได้ทันที ว่าเธอไม่ได้สร้างความวุ่นวายหรือเกะกะในสายตาของเขา เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น เขาคงไม่ชวนเธอเดินไปดูงานก่อสร้างด้วยกันอย่างนี้หรอก

เช้าวันนี้หนุ่มหล่อรูปร่างสูงกำยำสวมเสื้อยืดสีขาวสะอาดตา กับกางเกงยีนส์สีซีดตามสไตล์ที่เขาชอบ ส่วนสาวสวยที่เดินเคียงข้างมานั้น ก็น่ารักสดใสตามวัยสาวสะพรั่ง ด้วยการแต่งตัวง่ายๆ อย่างเสื้อมั้ยพรมสีครีมและกระโปรงยาวคลุมเข่าสีเดียวกัน

ธาริษาที่กำลังยืนหน้ามุ่ยดูช่างก่อสร้างต่อเติมบ้านพัก หันกลับมาเห็นสองหนุ่มสาวเข้าพอดี จึงรีบเดินตรงเข้ามาหา ด้วยสีหน้าท่าทางราวกับคนทั้งคู่กำลังทำความผิดร้ายแรง ธีร์ธยาน์ไม่ได้สนใจอากัปกิริยาแบบนั้นของหญิงสาว เพราะมันเป็นสิ่งปกติที่เขาเคยชินแล้ว แต่ทว่าไอลดาถึงกับหน้าซีดเผือด เนื่องจากยังไม่คุ้นกับหน้าตาไร้อารมณ์ของอีกฝ่าย

“มัวทำอะไรอยู่ไม่ทราบคะท่านผู้จัดการ สายป่านนี้ทำไมถึงเพิ่งมาล่ะ” ธาริษายกมือขึ้นเท้าสะเอวว พร้อมกับเชิดหน้าถามอย่างเอาเรื่อง

“แหม สายเสยอะไรกันครับคนสวย นี่มันเพิ่งจะแปดโมงเช้าเองนะ” ธีร์ธยาน์ตอบยิ้มๆ ก่อนจะเดินเข้าไปดึงสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม เข้ามากอดไว้หลวมๆ หากแต่เธอกลับเบี่ยงตัวหนีเขาอย่างรวดเร็ว

“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลยนะ เกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงนัดช่างมาวันนี้ ไม่เห็นหรือยังไงว่าฝนจะตกแล้ว”

“เห็นสิ แต่มันนัดไว้แล้วนี่นา ถึงวันนี้จะยังไม่ได้ลงมือทำอะไรมาก แต่ก็ถือซะว่ามาคุยเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆก็ได้ไม่ใช่เหรอ”

คำพูดที่ฟังดูนิ่มนวลและมีเหตุผลของชายหนุ่ม ทำให้ธาริษาเริ่มมีสีหน้าที่ดูดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย แต่กระนั้นเธอก็ยังแอบมองค้อนประหลับประเหลือก ตลอดเวลาที่ธีร์ธยาน์เข้าไปสนทนากับหัวหน้าช่างก่อสร้าง มีเพียงไอลดาเท่านั้นที่ยืนปั้นยิ้มอยู่ที่เดิม มือไม้รู้สึกเกะกะจนไม่รู้จะเอาไว้ตรงไหน ด้วยเหตุนี้เองหญิงสาวจึงยกมันขึ้นกอดอกเอาไว้หลวมๆ

“ทำไมคุณต้องทำหน้าตาแบบนี้เวลาเห็นฉันด้วยล่ะ ฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาดนะ” ธาริษาโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แม้ว่าจะเป็นคำพูดที่ไม่มีหางเสียงไพเราะน่าฟัง แต่เธอก็พยายามพูดกับไอลดาด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรที่สุดแล้ว

“เอ่อ...ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นนะคะ ฉันแค่ เอ่อ...ฉันเห็นคุณดูเหมือนจะหงุดหงิดใจบางอย่างอยู่ทุกครั้งที่พบกันน่ะค่ะ ฉันก็เลยทำตัวไม่ค่อยถูก” ไอลดาตอบตรงๆ เพราะโกหกไม่เก่ง ยิ่งเมื่อสายตาของสาวน้อยหน้าใสจ้องเขม็งมาด้วยแล้ว หญิงสาวก็รู้ได้ทันทีว่าธาริษาคงต้องการคำตอบที่แท้จริง

“ฉันชอบคุณจังเลย พูดจาตรงไปตรงมาดี...แต่ที่ฉันทำหน้าบูดอยู่แบบนี้ไม่ใช่เพราะคุณหรอกนะ มันเป็นเพราะอีตาผู้จัดการใหญ่นั่นต่างหากล่ะ เขาสัญญาว่าจะพาฉันไปเที่ยวต่างประเทศภายในเดือนนี้ แต่ก็มาผิดสัญญา เพราะจู่ๆก็เกิดอยากปรับปรุงรีสอร์ทขึ้นมานี่แหละ” ธาริษาแอบบ่นธีร์ธยาน์ให้สาวสวยตรงหน้าฟัง และรู้สึกถูกชะตากับเธอขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

“ฉันชื่อธาริษานะ เรียกว่าทอฝันเฉยๆก็พอ” คนหน้ามุ่ยที่เริ่มยิ้มออกบ้างแล้ว แนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ พร้อมส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่าย จนมองเห็นลักยิ้มปรากฏอยู่บนแก้มขาวเนียนทั้งสองข้าง ไอลดาเองก็ส่งยิ้มให้เพื่อนใหม่เช่นเดียวกัน

“ฉันไอลดาค่ะ เรียกว่าไอซ์เฉยๆเหมือนกันนะคะ”

“โอเคเลย ไอซ์เฉยๆ” ธาริษาแกล้งล้อจนไอลดาอดหัวเราะออกมาไม่ได้

ธีร์ธยาน์เองก็พลอยยิ้มตามไปด้วย เมื่อเห็นว่าสาวน้อยแสนซน และเอาแต่ใจตัวเองเก่งเป็นที่หนึ่ง เริ่มรู้จักผูกมิตรกับคนอื่นบ้างแล้ว เขายืนมองสองสาวชวนกันเดินหายไปตามทาง ที่ทอดยาวออกไปจนกระทั่งลับสายตา จากนั้นจึงหันมาให้รายละเอียดสำคัญ ที่จะต้องใช้ในการปรับปรุงพัฒนารีสอร์ทไอรักกับหัวหน้าช่างต่อไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel