9 ขอบคุณการไฟฟ้า
ทางด้านสิริภัทร พอหญิงสาวเห็นว่าไฟในห้องดับลงจึงแหวกม่านแล้วก้มลงดูเบื้องล่าง รู้สึกว่าไฟจะดับทั้งซอย สิริภัทรคิดในใจ เธอจำได้ว่าเธอว่าไฟฉายเอาไว้บนโต๊ะหัวเตียงในห้องนอนส่วนตัว เพื่อใช้ในตอนฉุกเฉิน แต่ด้วยความมืดทำให้หญิงสาวนั้นเข้าห้องผิด ไปเข้าห้องที่สุดเขตกำลังหลบอยู่
เสียงประตูห้องที่เปิดเข้ามาทำให้สุดเขตรีบลุกขึ้นมาจากโซฟายาวริมห้อง เขากำลังคิดอยู่พอดีว่าถ้าไฟดับแบบนี้จะออกไปหาสิริภัทรอย่างไรเพื่อไม่ให้หญิงสาวตกใจจนเกินไป แต่นี่สิริภัทรกลับเดินเข้ามาหาเขาอย่างง่ายดาย ร่างสูงรีบหลบหลังประตูที่กำลังจะเปิดเข้ามา
สิริภัทรเดินเข้ามาในห้องและด้วยความที่เข้าห้องผิดคิดว่าเป็นห้องนอนของตัวเองทำให้หญิงสาวเดินเตะถูกโซฟายาว
ก่อนที่จะล้มลงไปนั้นมีแขนแกร่งมาโอบรอบเอวบางไว้ทันเสียก่อน ‘แคทลงไปเอาของข้างล่างนี่นา แล้วใครกันหละที่อยู่ในห้องของเธอ’ หญิงสาวคิดอย่างตกใจ แล้วปากก็ไวเท่าความคิด
“ช่วยด้วย!!!!” เสียงของหญิงสาวขาดหายไปเสียก่อนเมื่อสุดเขตเอามือปิดปากหญิงสาวไว้ได้ทัน สิริภัทรรู้สึกว่าเหมือนเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นกับเธอก่อนหน้านี้
หญิงสาวรู้สึกคุ้น ๆ กับเรื่องแบบนี้เหลือเกิน ใช่แล้วเมื่อวานนี้ตอนเธอเดินเข้าห้องสุดเขตเขาก็ทำแบบนี้กับเธอ
“ไม่ต้องตกใจภัทร นี่พี่เอง” สุดเขตก้มลงกระซิบอย่างอ่อนหวาน แขนแข็งแรงช้อนตัวหญิงสาวขึ้นมาแล้วพาไปวางไว้บนเตียงนอนอย่างนุ่มนวลและระมัดระวัง เขาไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมพอเข้าใกล้สิริภัทรทีไร สิ่งที่อยากพูดอยากทำก็เลือนหายไปหมด
ร่างของชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ สิริภัทรก็รู้สึกตัวรีบลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาแทนที่จะนั่งตามลำพังกับเขาบนเตียงกว้างสองต่อสอง
“อ่าว!...พี่เขตมาทำอะไรที่นี่คะ” สิริภัทรถามโดยพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น คราวนี้สิริภัทรยอมรับกับตัวเองเลยว่า กลัวสุดเขตมากที่สุด
“พี่แค่อยากมาคุยกับภัทร” พอสุดเขตได้ยินคำถามนั้นแล้ว อาการแปลก ๆ ก็พลันหายไป เขาพูดติดจะตะคอกเล็กน้อย
“แต่เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน พี่สุดเขตได้จากภัทรไปทุกอย่างแล้ว จะมาเรียกร้องอะไรอีกค่ะ หรือว่าที่ได้ไปยังไม่พอใจอีก” สิริภัทรพูดอย่างน้อยใจโกรธ และเสียใจปนกันที่คนตรงหน้าไม่เคยพูดดี ๆ กันเธอเลยสักครั้ง พลันดวงตาคู่งามก็มีน้ำใสๆเอ่อล้นออกมา
สุดเขตเบือนหน้าหนีเมื่อเห็นราง ๆ จากไฟตึกข้าง ๆ ที่ส่องผ่านม่านเข้ามาว่าคนที่เคยเป็นเพื่อนน้องสาวในอดีตของเขานั้นกำลังร้องไห้
“ใจเย็นสิ..ภัทร พี่ก็จะมาคุยกับภัทรเรื่องนี้แหละ”
“ภัทร...ไม่เคยเรียกให้พี่สุดเขตรับผิดชอบ” หญิงสาวเถียงเสียงสั่น นี่เขากำลังกล่าวหาเธอแล้วก็ปัดความรับผิดชอบตัวเองด้วย
“งั้นก็ดีแล้ว เพราะเมื่อคืนเธอสมยอมพี่เอง” ขาดคำพูดของคำ ฝ่ามือเล็ก ๆ ของหญิงสาวก็ตบเผี๊ยะลงบนใบหน้าของชายหนุ่มอีกครั้ง สุดเขตเอามือลูบตรงรอยตบเบาๆ พร้อมกับกัดฟันพูด
“รักศักดิ์ศรีของตัวเองขึ้นมาบ้างแล้วเหรอไง ทำไมเมื่อคืนถึงไม่ดิ้น ไม่ร้อง ทำเหมือนให้ท่าชัด ๆ” เขาพูดอย่างรุนแรงเพราะอารมณ์โกรธที่โดนหญิงสาวตบหน้าและโกรธที่เธอทำเหมือนไม่แคร์ในเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอแม้แต่น้อย
สุดเขตไม่ทันคิดเลยว่าทุกคำพูดของเขานั้นเหมือนมีดบาดลึกลงไปในใจของสิริภัทรทุกที
“หยุด!!! หยุดพูดนะพี่สุดเขต” สิริภัทรเอามือสองข้างปิดหูแล้วร้องกรีดอย่างเอาเป็นเอาตาย เธอทนฟังไม่ได้ ทนฟังคำพูดดูถูกเหยียดหยามของคนที่เธอรักไม่ได้ แต่สุดเขตกลับไม่ฟังและไม่รับรู้กับอาการของหญิงสาวสักนิด เขาคิดแต่อยากเอาชนะเธอ ถ้าหากทั้งคู่ยอมถอยกันคนละก้าว อะไร ๆ มันอาจจะดีขึ้น
“ยอมรับความจริงเถอะภัทร ว่าเธออยากได้พี่เป็นผัว..และคืนนี้ภัทรก็ทำหน้าที่เมียซะ”
เขาลุกขึ้นมากอดตัวหญิงสาวอย่างแรง สิริภัทรเอามือออกจากใบหูแล้วทุบชายหนุ่ม แต่สุดเขตไม่มีทีท่าว่าจะยอมหยุดง่าย ๆ
“ภัทรไม่ทำหน้าที่อะไรทั้งนั้น...ออกไปนะ ออกไปจากห้องภัทรเดี๋ยวนี้” สิริภัทรชี้นิ้วไล่ชายหนุ่ม สุดเขตก็ยอมเดินไป แต่ไม่วายต้องทิ้งคำพูดเหน็บแนมไว้ให้หญิงสาวนั้นเจ็บใจเล่น
“คิดว่าอยากอยู่หรือไง คำก็ไล่สองคำก็ไล่” สิริภัทรเซถอยหลัง หญิงสาวผงะกับคำพูดของเขา นี่สุดเขตกล้าพูดกับเธอเช่นนี้เชียวหรือ
“วันหนึ่งพี่สุดเขตจะต้องเสียใจที่กล้าพูดกับภัทรแบบนี้” สิริภัทรตอบกลับอย่างเด็ดเดี่ยว หญิงสาวยืนยืดตัวตรง เอามือป้ายน้ำตาออกไปจากใบหน้างามที่แดงจัดเพราะความโกรธ
“พี่ไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเมื่อคืน หรือว่าตอนนี้” สุดเขตลั่นวาจาอย่างหนักแน่นแล้วเดินออกจากห้องทันที พร้อมกับเสียงปิดประตูตามหลังดังปัง เขาทิ้งให้สิริภัทรทรุดลงกับพื้นหน้าประตูอย่างหมดแรง หญิงสาวก้มหน้าลงกับฝ่ามือแล้วร้องไห้อย่างหนัก เธอรู้สึกสงสารตัวเองเหลือเกินที่ต้องมาหลงรักและปักใจในตัวผู้ชายคนนี้คนเดียว ผู้ชายที่ไม่เคยเห็นคุณค่าใด ๆ ในตัวเธอเลย
ฐากูลกับแคเธอรินที่กำลังหาไฟฉายกันอยู่ แคเธอรินเป็นคนเจอไฟฉายก่อน แต่ฐากูลกลับทำท่าว่าเขากำลังจะหยิบไฟฉายเหมือนกัน ทำให้มือของเขานั้นเอื้อมจะไปจับมือของหญิงสาวที่กำไฟฉายอยู่ แต่แคเธอรินเอามือหลบ
“นี่คุณ อย่ามาใช้มุกหนังไทยกับฉันหน่อยเลย” แคเธอรินพูดอย่างรู้ทัน
“มุกอะไรของเธอ ยัยตัวร้าย คิดมากไปเองหรือเปล่า” ฐากูลปฏิเสธแบบไม่รู้เรื่องตามประสาหนุ่มกะล่อน
“อ้าว ก็มุกที่พระเอกกับนางเอกก้มเอาของแล้วมือชนกันแบบไฟช๊อตไง” หญิงสาวอธิบายโดยไม่ทันคิดว่ากำลังเปรียบเทียบตัวเองเธอเป็นนางเอก ส่วนอีกฝ่ายนั้นเป็นพระเอก
“เชยจริง ๆ เลยแม่คุณ ให้ผมเป็นพระเอกเนี่ยได้นะ แต่ที่จะให้คุณเป็นนางเอก...อืม ถ้ามีนางเอกแบบคุณ ผมต้องขอคิดดูก่อนแล้ว” ฐากูลทำท่าเหมือนใช้ความคิด แคเธอรินรู้สึกหมั่นไส้ผู้ชายตรงหน้า เลยใช้ไฟฉายฟาดลงไปบนท่อนแขนอีกฝ่ายเต็มแรง
“โอ๊ย!!..คุณ ผมเจ็บนะ ชอบความรุนแรงก็ไม่บอก” ฐากูลใช้ลูบแขนที่โดนฟาด แต่ก็ยังไม่วายหันมาแซวหญิงสาว
“อีตาบ้า คิดอะไร ลามก” แคเธอรินแหววใส่ แล้วเปิดไฟฉายเดินออกไปนอกห้องครัว แต่ฐากูลเอื้อมมือมาฉุดแขนไว้เสียก่อน ไฟฉายหล่นลงบนพื้นดับไป ในห้องเข้าสู่ความมืดอีกครั้ง
“คนคิดลามกคือคุณ ไม่ใช่ผม ว่าไงคุณกำลังคิดอะไรอยู่ บอกผมหน่อยซิ ผมจะได้ตอบได้ว่าที่คุณคิดมันตรงกับที่ผมคิดหรือเปล่า” ฐากูลก้มลงกระซิบเสียงค่อย มือใหญ่ลูบขึ้นลงตรงแผ่นหลังเบา ๆ แบบชวนให้เคลิ้ม
“เอ่อ...ฉันเอง” แคเธอรินพูดไม่ออกเมื่อชายหนุ่มเสน่ห์แรงอย่างฐากูลเข้ามากอดกระชับชิดแบบนี้
“ตื่นเต้นจนหาเสียงตัวเองไม่เจอเหรอไง คนสวย” ชายหนุ่มใช้มือดันปลายคางหญิงสาวให้เชิดขึ้นเล็กน้อย เพื่อที่จะประทับจุมพิตอ่อนหวานให้
“ผมจะช่วยคุณหาเสียงเอง” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาจนริมฝีปากแทบจะสัมผัสกับริมฝีปากของหญิงสาว แต่แคเธอรินเรียกสติกลับคืนมาก่อน
“คนบ้า...ปล่อยนะ” เธอผลักฐากูลออกไปเต็มแรง ด้วยความที่ชายหนุ่มไม่ทันระวัง เขาจึงเซถอยหลังไปชนตู้เสื้อผ้าอย่างแรง
“โอ๊ย ผมเจ็บนะคุณ สงสัยคุณจะชอบความรุนแรงจริง ๆ”
“นี่นาย เจ็บตัวแล้วยังไม่เจียมอีกนะ ชอบความรุนแรงใช่ไหม นี่ไง ๆ” แคเธอรินกระแทกส้นเท้าลงไปบนเท้าของชายหนุ่ม แล้วรีบวิ่งออกจากห้อง
“เธอ...ยัยตัวร้าย กลับมาก่อน” ฐากูลร้องเรียกเสียงดัง แต่เขากลับได้ยินเสียงประตูปิดตามหลังหญิงสาวดังปัง
“ฝากไว้ก่อนเถอะ คราวหน้าเจอ พ่อจะเอาคืนให้สาสมเลย” ฐากูลเข่นเขี้ยวในใจ
พอแคเธอรินออกจากห้องมาได้ ไฟก็มาทันที หญิงสาวรีบวิ่งกลับไปยังบ้านของเพื่อนที่อยู่ตรงกันข้าม แต่พอผลักบานประตูเข้าไป เธอก็ต้องช็อคกับภาพที่เห็นตรงหน้า สิริภัทรกำลังนอนหมดสติอยู่ตรงหน้าประตูห้อง แคเธอรินรีบกดโทรศัพท์เรียกคนขับรถของเธอ
