8 หลบหน้า
“ภัทร เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าซีดจัง” แคเธอรินถาม เมื่อเห็นเพื่อนสาวหน้าซีดผิดปกติ และเหม่อลอยหลายครั้งจนผิดวิสัย สิริภัทรสะดุ้งเล็กน้อย เธอทำงานไม่รู้เรื่องตลอดทั้งวัน ในสมองมีแต่ภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนแคเธอรินต้องเขย่าแขน
“เปล่า” สิริภัทรตอบเลื่อนลอย
“นี่หรือเปล่า มีพิรุธชัด ๆ เลย” แคเธอรินพึมพำกับตัวเอง แต่เธอก็ไม่อยากเซ้าซี้เพื่อนมากนัก เลยเปลี่ยนเรื่องสนทนาเผื่อว่าจะทำให้สิริภัทรรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“เดือนหน้าภัทรต้องเตรียมรายงานตัวไปอังกฤษแล้วนี่นา เตรียมตัวพร้อมหรือยัง แต่แคทว่ายังไงภัทรคงได้ไปอยู่แล้วแหละ” แคเธอรินพูดเจื้อยแจ้วเธอไม่ทางรู้เลยว่าสิริภัทรนั้นกำลังเสียใจอย่างหนัก และไม่ว่าเธอจะทำอย่างไรสิริภัทรก็คงไม่รู้สึกดีขึ้น
“อืม ฉันเกือบลืมไปเลย” สิริภัทรตอบอย่างเสียไม่ได้
“เธอจะบ้าเหรอ ลืมวันไปรายงานตัวเนี่ยนะ” แคเธอรินร้องเหมือนเจอเรื่องประหลาด
“อืม ก็พักนี้ยุ่ง ๆ”
“น้องภัทร มีคนมาขอพบ รออยู่ที่ประชาสัมพันธ์ค่ะ” เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของสถานทูตเดินเข้ามาขัดจังหวะ มีคนมาพบเธออย่างนั้นเหรอ สิริภัทรคิดอย่างแปลกใจ จะว่าเป็นมารดาของเธอก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
“แคท ไปเป็นเพื่อนหน่อยซิ” สิริภัทรชวนแคเธอรินไปยังห้องประชาสัมพันธ์ซึ่งอยู่ส่วนด้านล่างของสถานทูต เธอรู้สึกสังหรณ์ใจว่าคนที่มาพบนั้นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ จนเห็นรถป้ายแดงที่จอดอยู่ตรงที่จอดรถของผู้ที่มาติดต่อสิริภัทรก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าเป็นรถของสุดเขต
“เดี๋ยว” หญิงสาวฉุดแขนเพื่อนเอาไว้แล้วพาเดินอ้อมมาอีกด้านหนึ่งที่สามารถมองผ่านหน้าต่างเข้าไปเห็นด้านในห้องได้ ร่างสูงที่อ่านหนังสือพิมพ์รออยู่นั้นหันด้านข้างให้ เพียงมองแค่ด้านข้างเธอก็จำได้ เป็นเขาจริง ๆ
“เฮ้ย นั่นมันพี่เขต สุดที่รักเธอนี่นา” แคเธอรินล้อเพื่อนยิ้ม ๆ แต่สีหน้าของสิริภัทรนั้นไม่ได้ยิ้มด้วย
“แคท ช่วยเข้าไปบอกเขาที ว่าวันนี้ฉันไม่มาหรือพูดอะไรก็ได้ ที่จะทำให้เขากลับไป” สิริภัทรขอร้องให้เพื่อนช่วย เพราะเธอไม่รู้จะปั้นหน้าไปพบเขาได้ยังไง
“ก็ได้” แคเธอรินรับคำอย่างแปลกใจแล้วเดินเข้าไปในห้อง จะไม่ให้แปลกใจได้อย่างไร ในเมื่อเพื่อนเธอออกจะรักผู้ชายคนหนักหนา พอเขามาหากลับไม่อยากเจอหน้าเสียอย่างนั้น มันผิดวิสัยของคนส่วนมาก แต่ด้วยความที่เป็นเพื่อน แคเธอรินก็ต้องทำตามอย่างไม่มีข้อแม้
“ขอโทษนะคะ คุณคือคนที่มาขอพบภัทรใช่ไหมคะ”
“ครับ” สุดเขตรับแล้วมองหญิงสาวตรงหน้า ถ้าเขาจำไม่ผิด เธอคนนี้คือคนเดียวกันที่เขาเจอที่ผับ และคือคนที่ฐากูลเพื่อนรักของเขากำลังหมายตาอยู่ เพื่อนรักของเขาตาแหลมไม่เบา และหญิงสาวคนนี้ก็ท่าทางจะปราบเพื่อนเขาอยู่
“ขอโทษด้วยนะคะ วันนี้ภัทรไม่มาทำงานค่ะ เขาไม่สบาย” แคเธอรินโกหกหน้าตาเฉย สุดเขตกำลังจะเชื่อสนิทใจทีเดียวว่า สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง หากไม่เห็นเงาไหว ๆ ตรงริมกระจก พอเขาเพ่งมองชัด ๆ ก็เห็นสิริภัทรที่กำลังแอบฟังอยู่ตรงข้างหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าวันนี้เธอมา ผมฝากบอกเธอด้วยแล้วกัน ว่าเย็นนี้จะแวะไปหาที่บ้าน” สุดเขตพูดเสียงดังเจาะจงให้คนที่ยืนแอบฟังอยู่ได้ยินโดยเฉพาะ
“ค่ะ” แคเธอรินตอบรับ แล้วเดินไปส่งชายหนุ่มด้านนอก แต่ก่อนที่สุดเขตจะก้าวขึ้นรถ เขาหันกลับมาบอกแคเธอรินที่เดินมาส่งว่า “ฐากูล ฝากบอกคิดถึงคุณ”
แคเธอรินเลิกคิ้วขึ้นอย่าง งง ๆ ก่อนที่จะนึกได้ว่า ผู้ชายบ้าคนนั้นหรือฐากูลนั้นเป็นเพื่อนกับพี่สุดเขตของสิริภัทรเพื่อนเธอ หญิงสาวยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอกกลับว่า
“งั้นหรือคะ ไม่ทราบว่าฐากูลนี่ใครเหรอคะ ฉันไม่รู้จักหรอกค่ะ” สุดเขตหัวเราะเล็กน้อยในคอ
“ครับ แล้วผมจะบอกเขาให้” ก่อนขับรถออกไปด้วยความเร็วสูง
คืนนี้สุดเขตแอบย่องเข้าบ้านของสิรภัทรที่อยู่ตรงกันข้ามพบว่าในบ้านหญิงสาวไม่ได้อยู่เพียงคนเดียว ชายหนุ่มเลี้ยวเข้าห้องทางขวามือ พอเข้าไปแล้วพบว่าเป็นห้องนอนเล็กเพื่อใช้รับแขก
เขาจะตั้งหลักอยู่ในห้องนี้ก่อน เพื่อรอจนกว่าแคเธอรินจะกลับแล้วค่อยหาทางออกไปเพื่อคุยกับสิริภัทรตามลำพัง
“คิดยังไงถึงชวนฉันมานอนค้างเป็นเพื่อน” แคเธอรินถามเมื่อหิ้วกระเป๋าเข้ามาในห้อง
“ก็แม่ฉันไม่อยู่บ้านมันเหงา ๆ” สิริภัทรตอบ สุดเขตได้ยิน เพื่อนตัวดีของเธอจะค้างที่นี่ เขาจะออกไปยังไง แล้วไหนจะคุยกับสิริภัทรตามลำพังไม่ได้อีก
“วันนี้ภัทรไม่สบายหรือเปล่า ทำหน้าเหมือนคนอกหัก” แคเธอรินถามอย่างสงสัย แต่ก็ได้รับคำตอบเช่นเดียวกับเมื่อตอนกลางวัน
“เปล่านี่ ฉันเนี่ยนะอกหัก จะอกหักได้ยังไงในเมื่อยังไม่มีแฟนสักคนเลย” สิริภัทรแกล้งยิ้มเพื่อให้เพื่อนสบายใจ
“พูดแบบนี้แปลว่า เธอเอาพี่สุดเขตสุดหล่อของเธอไปไว้ไหนแล้วเนี่ย” คำพูดของแคเธอรินนั้น ทำเอาสุดเขตกลั้นใจรอฟังคำตอบจากสิริภัทร
“พี่สุดเขตก็ส่วนพี่สุดเขตซิ เขาไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน” แล้วคำตอบของหญิงสาวทำให้สุดเขตแทบอยากจะกระโจนออกไปบีบคอคนที่ยืนอยู่เพียงแค่ประตูกั้น ‘ไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างนั้นเหรอ’ ช่างกล้าพูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำ แล้วสิ่งที่เขาทำกับเธอมันคืออะไรกันแน่ ในความรู้สึกของสิริภัทร เขาต้องคาดคั้นเอาคำตอบนี้จากปากของหญิงสาวให้ได้
“เดี๋ยวฉันลงไปเอาของข้างล่างก่อนนะ แม่โทรให้คนขับรถเอามาให้ ฉันไปยืนดักรอก่อนนะ เดี๋ยวจะเข้าซอยบ้านเธอไม่ถูก” แคเธอรินบอกเพื่อนหลังจากที่วางสายโทรศัพท์จากคนขับรถที่โทรถามเส้นทาง ร่างโปร่งระหงเดินออกจากห้อง โดยไม่ทันฉุกใจคิดว่าตัวเองนั้นทิ้งเพื่อนให้อยู่คนเดียว
สุดเขตกำลังจะเดินออกไป แต่คิดขึ้นมาได้ว่า เขาคงไม่มีเวลาคุยกับสิริภัทรนานนักเพราะอีกสักพักแคเธอรินก็คงต้องกลับขึ้นมา แต่แล้วเขาก็คิดหาทางถ่วงแคเธอรินเอาไว้ได้ โดยยืมมือพ่อเพื่อนตัวดีของเขา
“แกวางแก้วเหล้าลงก่อน แล้วออกมาจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
“เฮ่ย!.. สุดเขตนี่แกเป็นบ้าอะไรวะ อยู่ ๆ ก็มาไล่”
“ไม่ได้ไล่ แต่อยากให้ช่วย”
“ช่วยอะไรวะ”
“แกเดินออกมาจากบ้านฉัน แกก็จะเห็นสาวของแก ยืนรอใครบางคนอยู่ จากนั้นแกจะฉุดหรือจะถ่วงเวลาก็ได้ โอเคมั้ย”
“แคทเธอรินมาที่นี่งั้นเหรอ?”
“ใช่ ภัทรเอาเธอมาเป็นไม้กันฉันนะสิ”
“ต้องบอกว่าไม้กันหมาถึงจะถูกนะเพื่อน”
“เออ!..นั่นแหละ แต่ฉันไม่ใช่หมาโว้ย!.”
แคเธอรินเดินลงไปรอเอากระเป๋าเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นเธอไม่ได้สังเกตว่าฐากูลแอบอยู่
“สวัสดีครับ คุณแคเธอริน เจอกันอีกแล้วนะครับ”
“นี่นายเองเหรอไอ้คนหื่นกาม” แคเธอรินพูดออกมาทันควัน
“ยังปากคอเราะร้ายเหมือนเดิมนะครับ” ฐากูลยิ้มอย่างอารมณ์ดี พอเขาได้รับโทรศัพท์จากสุดเขตเพื่อนรักแล้ว เขาก็รีบมาดักรอเธอทันที ใช่แล้วฐากูลพักอยู่ที่นี่ มานั่งดื่มเหล้าที่บ้านสุดเขตพอดี ขอต้องทำตามที่เพื่อนบอกคือถ่วงเวลาเธอเอาไว้
“ผมว่าเราไปหาที่เงียบ ๆ คุยกันดีกว่ามั้ยครับ”
“ไม่ ฉันไม่อยากคุยกับคนบ้า”
“นี่...นาย” หญิงสาวยกมือขึ้นชี้หน้าชายหนุ่ม แต่ฐากูลปัดมือออกแล้วรวบมือเล็กนั้นไว้เสียเอง ก่อนที่จะกระตุกมือดึงเธอเข้ามาใกล้ แล้วก้มลงกระซิบข้างหู
“ผมเคยบอกคุณแล้วใช่มั้ย ว่าผมก็มีชื่อเหมือนกัน ถ้าไม่เรียกชื่อผมดี ๆ คนความจำดีอย่างคุณ คงจำได้นะว่าจะโดนอะไร”
“คิดว่าฉันกลัวหรือไง คนอย่างแคเธอรินไม่เคยกลัวอะไร จำไว้” แคเธอรินพูดอย่างไม่เกรงกลัวแถมติดจะโอ้อวดนิดๆ พอหญิงสาวพูดจบก็รีบเดินหนี แต่โดนชายหนุ่มล๊อคตัวแล้วอุ้มขึ้นไปที่ห้องของสุดเขต
“ช่วยด้วย........” คนที่บอกว่าไม่เคยกลัวอะไรร้องเรียกให้ช่วยดังลั่นห้อง เมื่อเริ่มรู้ตัวแล้วว่ากำลังอยู่ในห้องส่วนตัวกับผู้ชายอันตรายเป็นอันดับสอง (รองจากสุดเขต)
“นี่!..เงียบ ๆ หน่อยสิจ๊ะ” ฐากูลรีบเอามือปิดปากหญิงสาวแล้วก็ต้องเอาออกแทบไม่ทัน เมื่อแคเธอรินอ้าปากจะงับมือเขา
“น้ำเน่าไปได้น่าคนสวย คิดว่าผมจะทำอะไรคุณหรือไง” ฐากูลแหย่อย่างขำๆ เมื่อเริ่มเข้าใจเจตนาของแคเธอรินว่าเธอร้องเรียกให้คนช่วยทำไม
“ฉันจะไปรู้เหรอ ผู้ชายอย่างคุณลองว่าคลำแล้วไม่มีหางเป็นใช้ได้ทั้งนั้นแหละ” หญิงสาวตวาดอย่างโมโห
“บ้าเหรอ คุณจะทำอะไร” แคเธอรินกรีดร้องอีกครั้ง เมื่อจู่ ๆ ฐากูลก็เดินเข้าหาพร้อมกับโอบเอวเธอเข้าไปใกล้
“อ้าว ก็คลำหาหางอย่างที่คุณพูดไง” ชายหนุ่มตอบได้อย่างหน้าตาเฉย ซึ่งแคเธอรินเองก็คิดว่าหน้าตาเขานี่แหละ ที่ชวนให้ตบเป็นที่สุด
“ไอ้...” ฐากูลเอามือปิดปากไว้ทันก่อนที่แคเธอรินจะหลุดกับคำด่าเผ็ดร้อนออกมาแบบที่เขาเคยได้ยินและโดนมาก่อนหน้านี้
“ว้าย....” แคเธอรินร้องกรีดเมื่อจู่ ๆไฟทั้งห้องก็ดับพรึบลง เธอคิดว่าฐากูลคงแกล้งเธอแน่ถ้าหากว่าเขาไม่ได้ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนี่
“โอ๊ย คุณแค่ไฟดับ ร้องกรีดไปได้” ฐากูลยกมือขึ้นอุดหูอย่างรำคาญ เป็นโชคร้ายซ้ำสองของทั้งคู่ เพราะใกล้ค่ำมากแล้ว จึงไม่มีแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาในห้องได้ อีกทั้งห้องยังติดผ้าม่านแบบกั้นแสงเสียอีก
“ก็ฉันตกใจ” แคเธอรินยังคงเถียงข้างๆคูๆ ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอา
“แล้วเมื่อกี้ใครพูดว่า ฉันไม่เคยกลัวอะไร” ฐากูลดัดเสียงล้อเลียน
“อยู่เฉย ๆ ตรงนี้แหละ เดี๋ยวผมจะไปหาไฟฉายหรือไม่ก็เทียนไขให้”เขาเดินเข้าห้องครัวเพื่อหาของที่ต้องการ แต่แคเธอรินไม่อยู่เฉยๆตามคำสั่งกลับเดินตามชายหนุ่มเข้าไปด้วย
“อ้าว...คุณ อะไรอีกเนี่ย ตามผมมาทำไม” ชายหนุ่มเริ่มอารมณ์เสีย
“ก็ฉัน กะ....” แคเธอรินเกือบหลุดคำว่ากลัวออกมา แต่คิดได้เสียก่อน
“ทำไมเหรอ” ฐากูลรีบถามขึ้นเพราะได้ฟังไม่ชัด
“เปล๊า...แค่ไม่อยากอยู่คนเดียว แล้วก็จะช่วยคุณหาของด้วย”
“ปฏิเสธเสียงสูงเชียวนะ เฮ้อ...ผู้หญิงปากไม่ตรงกับใจ” ฐากูลถอนหายใจดัง ๆ จงใจให้คนข้าง ๆ ได้ยิน
“ผมรู้ว่าคุณกำลังจะเถียงผม แต่ช่วยเงียบแล้วก็หาไฟฉายก่อน เพราะเถียงแบบไม่เห็นหน้ากัน มันไม่ได้อารมณ์เลย คุณว่าไหม” ชายหนุ่มดักคออย่างรู้ทัน
แคเธอรินอ้าปากจะเถียงอย่างที่เขาว่าจริง ๆ ทั้งคู่เลยก้มหน้าก้มตากันช่วยหาไฟฉายหรือก็เทียนไขกันต่อไป
