6. มารยา
“ถึงอย่างนั้นก็ไม่เหมาะสมครับ..หากคนอื่นรู้เข้า เก็บเอาไปพูดลับหลังคุณจะเสียหายได้”
“แต่วันนี้ดิฉันทราบว่าคุณคาลิฟาเอง ก็เข้าไปพูดคุยกับคุณนวลที่บ้าน ไม่เห็นคุณกลัวว่าคุณนวลจะเสียหายเลยนี่คะ”
ซาร่าพูดยอกย้อนแฝงความหมั่นไส้ไม่พอใจคุณนวลปรางค์เข้าไปด้วย
“มันไม่เหมือนกันหรอกนะซาร่า..ผมเป็นฝ่ายไปหาคุณนวลที่บ้าน และไปพูดคุยธุระ คนรับใช้ของคุณนวลก็อยู่เต็มบ้าน แต่เวลานี้คุณเป็นฝ่ายมาหาผมในเวลาพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งมันดูไม่เหมาะสม”
เขามองหน้าซาร่าด้วยแววตาเชิงตำหนิ
“คุณกำลังไล่ดิฉันใช่ไหมคะ..” ซ่าร่าถามด้วยความน้อยใจ
“กรุณาอย่าคิดเช่นนั้นสิครับ..ผมเตือนด้วยความหวังดีต่างหาก ให้คุณรักษาเกียรติของการเป็นภรรยาของท่านชีคก็เท่านั้นเอง หากคุณคิดว่าผมไล่ ผมก็ขอโทษด้วย”
คาลิฟา เอ่ยอย่างระมัดระวังเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายเขาก็อดสงสารไม่ได้
“ดิฉันขอบคุณในความหวังดีของคุณค่ะ แต่..ดิฉัน..”
ซาร่า พูดเสียงสะอื้นเหมือนจะร้องไห้ คาลิฟาตกใจไม่น้อยที่เห็นอีกฝ่ายดูเสียอกเสียใจเช่นนั้น
“ผมขอโทษครับซาร่า หากคำพูดของผมจะทำให้คุณไม่สบายใจ แต่ผมก็พูดเพราะความหวังดีกับคุณจริง ๆ”
“ดิฉันเข้าใจค่ะ..แล้วก็ขอขอบคุณคุณคาลิฟาอย่างมากที่หวังดี..แต่คุณคงจะไม่ไล่ดิฉันกลับตอนนี้หรอกใช่ไหมคะ”
ซาร่ารีบพูดดักคอคาลิฟาเอาไว้ก่อน เธอพอจะรู้ว่าเขาเป็นคนใจอ่อน เขาจะทนเห็นน้ำตาของเธอก็ให้มันรู้ไป
“ดิฉันยังไม่อยากกลับตอนนี้..คือดิฉัน..เหงาน่ะค่ะ คุณคงทราบดีใช่ไหมคะว่าดิฉันเป็นแค่เพียงอนุภรรยาของท่านชีคคนหนึ่งเท่านั้น ท่านชีคมีผู้หญิงมากมายก็เลยไม่มีเวลาแวะไปหาดิฉันได้บ่อย ๆ ไม่เหมือนกับคุณนวลปรางค์คนโปรดของท่านชีคที่ได้รับความอบอุ่นจากท่านชีคตลอดเวลา แต่ดิฉันไม่ได้อิจฉาคุณนวลนะคะ ออกจะดีใจแทนด้วยซ้ำที่คุณนวลช่างโชคดีได้รับความเมตตาจากท่านชีคมากกว่าใคร ๆ ท่านชีครักคุณนวลมากกว่าภรรยาแต่งทั้งสี่ของท่านเสียอีกนะคะ”
ซาร่า หวังให้คาลิฟา ได้ตระหนักเอาไว้นั่นเองว่าคุณนวลปรางค์ นั้นเป็นที่รักของท่านชีค
“เพราะคุณนวลเป็นคนน่ารักอ่อนหวานจิตใจดี ท่านชีค ก็เลยสบายใจที่จะแวะไปหาบ่อย ๆ”
“คุณกำลังจะบอกว่าดิฉันไม่น่ารักอ่อนหวานเหมือนคุณนวลใช่ไหมคะ ท่านชีค จึงไม่ยอมแวะไปหาดิฉัน”
“โอ๊ะ..เปล่านะครับ ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น คุณซาร่าอย่าคิดมากสิครับ”
คาลิฟา รีบพูดปลอบใจ
“ความเหงาอ้างว้างทำให้ดิฉันเป็นคนคิดมากค่ะ ดิฉันอยากจะมีเพื่อนที่เข้าใจไว้ปรับทุกข์บ้าง แต่..ดิฉันก็ไม่มีใครพอที่จะทำให้ดิฉันคลายเหงาได้เลยค่ะ”
ซาร่า พูดเพื่อหวังที่จะเปิดทางให้กับคาลิฟาได้เสนอตัวเป็นเพื่อนนั่นเอง เธออยากจะให้เขาสนิทสนมกับเธอบ้าง เหมือนกับที่เขาสนิทสนมกับคุณนวลปรางค์
“ที่พักของคุณมีคนรับใช้ให้พูดคุยตั้งหลายคน อย่างนุกก็เป็นคนสนิทของคุณที่มาจากประเทศเดียวกัน คุณไม่น่าจะเหงาได้เลยนะครับ”
คาลิฟา หันไปมองสาวใช้คนสนิทของซาร่าที่นั่งอยู่มุมหนึ่งไม่ไกลนัก
“คุณไม่เข้าใจความรู้สึกของหัวอกอนุภรรยาอย่างฉันหรอกค่ะว่ามันขมขื่นแค่ไหน”
ซาร่า เริ่มบีบน้ำตาให้ไหลออกมาให้ได้ หวังว่าคาลิฟาจะเข้ามาโอบกอดปลอบใจเธอแต่เขาก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม มีเพียงแววตาเท่านั้นที่เขาทอดมองมายังซาร่าด้วยความเห็นใจ
“แต่คุณก็เป็นคนเลือกทางเดินชีวิตนี้เองตั้งแต่แรก ไม่มีใครบังคับ และสิ่งที่คุณได้จากท่านชีค ก็คือชีวิตความเป็นอยู่ที่หรูหราสะดวกสบายไม่ใช่หรือครับ”
คาลิฟา ย้อนถาม
“แต่ฉันเพิ่งรู้นี่คะว่าฉันเลือกทางเดินชีวิตที่ผิดพลาด ถ้าฉันรู้ว่าชีวิตของฉันมันจะเต็มไปด้วยความเหงาว้าเหว่ ขาดความอบอุ่นแบบนี้ ฉันคงจะไม่เลือกความสะดวกสบายมีชีวิตที่หรูหราแต่ต้องทนอ้างว้างเช่นนี้หรอกค่ะ”
ซาร่า บอกด้วยสีหน้าทุกข์ตรมน้ำเสียงสั่นเครือ
“ถ้าคุณไม่มีความสุขกับวิถีชีวิตแบบนี้ คุณก็ขออนุญาตท่านชีคกลับไปใช้ชีวิตแบบที่คุณต้องการได้อยู่แล้ว..เหมือนกับอนุภรรยาทั้งแปดคนที่ขอกลับประเทศไปเมื่อไม่นานนี้ไงครับ” คาลิฟา กล่าวแนะนำ
“คุณแนะนำคุณนวลให้กลับประเทศไทยด้วยหรือเปล่าคะเนี่ย” ซาร่าแกล้งถามออกไป
“คุณนวลไม่ได้มีปัญหากับความเหงาเหมือนคุณซาร่า..ผมเห็นเธอมีความสุขกับการเป็นผู้หญิงของท่านชีค เธออยากจะอยู่ดูแลท่านชีคมากกว่า”
คาลิฟา ไม่ยอมพูดถึงเรื่องที่ชีคซายิด เคยปรึกษาเขาเอาไว้เมื่อไม่นานมานี้ ชีคซายิด กำลังคิดจะแต่งตั้งคุณนวลปรางค์ เป็นภรรยาแต่งคนที่สี่แทนท่านผู้หญิงซัลมาที่เสียชีวิตไป ถ้าเขาพูดออกไป ซาร่าจะต้องสะเทือนใจอย่างแน่นอน เขารู้สึกเห็นใจซาร่าไม่น้อย แต่ก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้หากเธอยังไม่ตัดสินใจขอเป็นอิสระกลับประเทศของเธอ
“คุณคาลิฟาทานอาหารหรือยังคะ”
เมื่อเห็นว่าคาลิฟา ทำท่าจะยกย่องชื่นชมคุณนวลปรางค์ เธอจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“ยังครับ..วันนี้ผมกะว่าจะไม่ทานมื้อค่ำ ผมเพิ่งกลับมาอยากจะพักผ่อนมากกว่า”
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันก็จะไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณแล้วค่ะ..ขอบคุณมากนะคะที่มานั่งให้ดิฉันปรับทุกข์”
ซาร่า รีบลุกขึ้นอย่างอิดออด เพียงแค่คาลิฟา มานั่งรับฟังเธอก็พอใจแล้ว ยังมีเวลาอีกมากที่เธอจะหาทางใกล้ชิดเขา
“ขอบคุณเช่นกันครับที่มีน้ำใจเอาอาหารมาให้”
คาลิฟา ไม่เหนี่ยวรั้งเธอ เขารีบลุกขึ้นยืนเป็นการบอกให้รู้ว่าหมดเวลาสำหรับการรับแขกของเขาแล้วนั่นเอง
