5. ริษยา
“ว่าไงนุก..ใช่รถของคุณคาลิฟาหรือเปล่า”
ซาร่า อนุภรรยาของชีคซายิด ชาวฟิลิปปินส์ ที่มีบ้านอยู่ใกล้กับคุณนวลปรางค์ รีบถามสาวใช้คนสนิทอย่างร้อนใจ หลังจากที่สาวใช้สายตาเหยี่ยวอย่างนุก เห็นรถโฟร์วีลของคาลิฟา วิ่งเข้าไปจอดที่หน้าบ้านของคุณนวลปรางค์ ก็รีบวิ่งมารายงานให้เจ้านายสาวได้รับรู้ ทำให้ซาร่าร้อนรุ่มใจจนต้องสั่งให้สาวใช้ไปแอบดูให้แน่ใจแล้วก็กลับมารายงาน
“ใช่ค่ะ..คุณซาร์กาเป็นคนขับ ดิฉันเห็นท่านคาลิฟา ลงจากรถแล้วก็เดินเข้าไปในบ้านของคุณนวลปรางค์”
“คุณซาร์กา เข้าไปด้วยหรือเปล่า” ซาร่าถามต่อ
“เปล่าค่ะ..คุณซาร์กา นั่งรออยู่ในรถ ปล่อยให้ท่านคาลิฟาเข้าไปคนเดียวจนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นออกมาเลยค่ะ”
“คุณคาลิฟาเข้าไปคนเดียวงั้นหรือ”
ซาร่า ขบกรามแน่นสายตาเกรี้ยวกราด
“ใช่ค่ะ..ดิฉันแอบมองอยู่ตั้งนานก็ยังไม่เห็นท่าน
คาลิฟา ออกมาจากบ้านหลังนั้นเลยค่ะ” นุกรีบรายงานต่อ
“เจ็บใจนัก..ยัยนวลนั่นมีอะไรดีนักหนา ทั้งท่านชีค ทั้งคุณคาลิฟา ถึงได้ชอบไปหมกตัวอยู่ที่นั่นกันเหลือเกิน แล้วดูสิคุณคาลิฟา บอกว่าจะเดินทางท่องเที่ยวทะเลทรายหนึ่งเดือน
นี่ยังไม่ครบกำหนดก็กลับมาเสียแล้ว พอมาถึงก็รีบแวะไปหายัยนวลทันที ไม่รู้ว่ายัยนั่นมันทำเสน่ห์เล่ห์กลอันใด”
ซาร่า บอกอย่างไม่พอใจ เธอไม่ชอบคุณนวลปรางค์ตั้งแต่ที่ท่านชีคได้พาคุณนวลปรางค์มาแนะนำให้เธอได้รู้จักเมื่อเกือบสามปีก่อน ในฐานะอนุภรรยาจากประเทศไทยของท่านชีคซายิด จากที่ซาร่าเคยเป็นอนุภรรยาคนล่าสุดที่ได้รับความเอ็นดูเป็นพิเศษกว่าอนุภรรยาคนอื่น ๆ เธอก็ต้องสูญเสียตำแหน่งคนพิเศษนั้นไปเพราะคุณนวลปรางค์กลายเป็นคนล่าสุดแทน
แต่ซาร่า มาเพิ่มปริมาณความเกลียดน้ำหน้าคุณนวลปรางค์ มากขึ้นก็ตอนที่คาลิฟา หนุ่มเนื้อหอมรูปหล่อน้องชายของท่านชีค ได้เดินทางกลับจากอเมริกาเมื่อสองปีก่อน และคาลิฟา ก็ไปให้ความสนิทสนมกับคุณนวลปรางค์ สร้างความริษยาให้กับซาร่ายิ่งนัก เพราะซาร่า อยากจะให้คาลิฟา แวะเวียนมาสร้างความสนิทสนมกับเธอบ้าง แต่คาลิฟา ก็ไม่เคยสนใจเธอเลย
“คุณนวลนี่เสน่ห์แรงจริง ๆ นะคะ ทั้งท่านชีค ทั้งท่านคาลิฟา ชอบแวะไปกันจัง ทีบ้านคุณซาร่า ไม่เห็นท่านชีคอยากจะแวะมาเลย เห็นส่งแต่คนรับใช้เอาเงินเดือนกับข้าวของ
มาให้แทนตัว ท่านชีคคงลืมไปกระมังคะว่าคุณก็เป็นภรรยาของท่านคนหนึ่งเหมือนกัน แต่จะว่าไปพวกอนุภรรยาคนอื่น ๆ ก็ไม่เห็นท่านชีคแวะเวียนไปหาตั้งแต่มีคุณนวลปรางค์เข้ามาเป็นอนุภรรยา นี่กระมังคะถึงเป็นสาเหตุให้อนุภรรยาคนอื่น ๆ ขอกลับประเทศไปกันเกือบหมด เหลือแต่คุณซาร่าคนเดียว”
นุก สาวใช้จีบปากจีบคอพูดจนลืมสังเกตสีหน้าบึ้งตึงไม่พอใจของนายสาว
“นังนุก!..พูดมากไปแล้วนะแก”
ซาร่า ปรามน้ำเสียงไม่พอใจ
“อุ๊ย!..ขอโทษค่ะ..ดิฉันก็แค่พูดไปตามความจริงถ้าท่านชีคไม่ยอมแวะมาหาคุณซาร่าแบบนี้ อีกหน่อยคุณก็คงจะขอกลับฟิลิปปินส์ ใช่ไหมคะ”
“ยัง! ยังไม่หยุดอีก อยากจะกลับไปเป็นคนรับใช้ราคาถูก ๆ ที่ฟิลิปปินส์ใช่ไหม”
เจ้านายสาวจ้องหน้าสาวใช้เขม็ง
“มะ..ไม่ค่ะ..ไม่อยาก”
“ไม่อยากก็หุบปาก แล้วก็ไปคอยจับตามองยัยนวลเอาไว้ให้ดี วันไหนที่เห็นคุณคาลิฟาอยู่กับยัยนวลสองต่อสองในที่ลับตาคน ก็ให้รีบมาบอกฉันเข้าใจไหม”
ซาร่า สั่งสาวใช้เสียงห้วนดุ
“เข้าใจค่ะ..แต่คุณจะทำอะไรกับคุณนวลหรือคะ”
นุก อยากจะรู้แม้กลัวนายสาวจะดุก็ตาม
“ฉันก็จะฟ้องท่านชีคน่ะสิ.. อยากรู้นักว่าโทษของการคบชู้ของยัยนวลจะหนักหนาแค่ไหน ฉันอยากจะให้ท่านชีค จับยัยนวลลงหลุม แล้วเอาก้อนหินปาเจ้าหล่อนจนตายไปเลย ฉันนี่แหละจะเป็นคนอาสาเอาก้อนหินปามันเอง”
ซาร่า จินตนาการด้วยแววตาวาววับสะใจ
“เอ้อ..แล้วคุณไม่กลัวว่าท่านคาลิฟาจะถูกลงโทษด้วยหรือคะ”
“คุณคาลิฟาเป็นน้องชายของท่านชีค ฉันจะฟ้องว่ายัยนวลนั่นให้ท่าคุณคาลิฟาเอง แค่นี้คุณคาลิฟาก็พ้นผิดแล้ว”
“ช่างเป็นความคิดที่เฉียบแหลมมากค่ะคุณซาร่าขา...”
นุก พูดประจบชมเจ้านายเป็นการเอาใจ
“แกไปดูอีกทีสิคุณคาลิฟาออกจากบ้านยัยนวลหรือยัง”
“ถ้าออกมาแล้วคุณจะทำอะไรคะ”
“ไม่ต้องแส่ ฉันใช้ให้ทำอะไรก็ไปทำตามคำสั่ง”
ซาร่า แทบจะตะคอกทำให้นุกรีบวิ่งแจ้นออกไปทันที
คาลิฟา แปลกใจที่คนรับใช้เข้ามาบอกเขาว่าซาร่า แวะมาหา เขาจึงต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วก็ออกจากห้องนอนลงไปยังห้องโถงข้างล่าง พบว่าซาร่านั่งรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขกโดยมีสาวใช้ชื่อนุกติดตามมาด้วย
“คุณซาร่า..”
คาลิฟา กล่าวทักทายเพื่อให้หญิงสาวได้รู้ตัว
“อุ๊ย!..คุณคาลิฟา”
ซาร่า หันไปมองเจ้าของคฤหาสน์ด้วยสีหน้าดีใจ สายตาของเธอเปล่งประกายความชื่นชมเขาอย่างเปิดเผย
คาลิฟา ช่างเป็นชายหนุ่มที่ดูดีมีเสน่ห์ไปทั้งตัว แม้จะอยู่ในชุดลำลองก็ยังดูดี หากเป็นไปได้ ซาร่าก็อยากจะเป็นผู้หญิงของคาลิฟา มากกว่าเป็นผู้หญิงของท่านชีคซายิด เสียอีก แต่ทำอย่างไรได้ล่ะ ตอนนี้เธอก็ได้แค่คิดเท่านั้นเอง ไม่มีสิทธิ์ไปมากกว่านี้ เธอจึงขอเพียงให้ได้กีดกันคาลิฟา ไม่ให้ไปใกล้ชิดสนิทสนมกับคุณนวลปรางค์ได้ก็พอใจแล้ว
“ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือเปล่า”
คาลิฟา ถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ เขาออกจะประหม่าเล็กน้อยกับสายตาเปล่งประกายของซาร่าที่สื่อความหมายอย่างเปิดเผยเกินไป
“พอดี ดิฉันทราบข่าวว่าคุณกลับมาจากการท่องทะเลทรายก็เลยแวะเอาอาหารโปรดของคุณมาต้อนรับค่ะ คุณยังไม่ได้ทานมื้อค่ำใช่ไหมคะ”
ซาร่า ยิ้มหวานให้ชายหนุ่มเจ้าของคฤหาสน์หรู
“ขอบคุณครับ..แต่ที่นี่ก็มีพ่อครัวสามสี่คนช่วยทำอาหารอร่อยให้ผมทานทุกวันอยู่แล้ว คุณไม่น่าจะลำบากเอามาให้เองก็ได้นี่ครับ”
เขาบอกพร้อมกับทรุดนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามกับซาร่า
“ไม่ลำบากเลยค่ะ ดิฉันเต็มใจอย่างยิ่งค่ะ” ซาร่าพูดประจบเอาใจ
“คุณซาร่าครับ..”
คาลิฟา มองหน้าซาร่าด้วยแววตาหนักใจ
“คะ..”
ซาร่า ทำตาโตยิ้มหวานจ้องหน้าคาลิฟาอย่างตั้งใจฟัง
“คุณทราบหรือเปล่าครับว่าผู้หญิงไม่ควรที่จะออกจากที่พัก หลังพระอาทิตย์ตกดินมาหาผู้ชายที่บ้านแบบนี้”
คาลิฟาไม่คิดว่าซาร่าจะไม่รู้ข้อห้ามนี้ในเมื่อเธออยู่เป็นอนุภรรยาของท่านชีค มาสามถึงสี่ปี
“ดิฉันทราบดีค่ะ แต่นั่นเป็นข้อห้ามสำหรับหญิงสาวชาวดามัสเซียนี่คะ อีกอย่างคุณคาลิฟาไปอยู่อเมริกามาตั้งนาน คุณยังยึดถือเรื่องพวกนี้อยู่อีกหรือคะ”
ซาร่า ย้อนถามด้วยแววตาเป็นประกายอย่างเชื่อมั่นในตัวเอง
“ผมน่ะไม่ถือหรอก แต่ท่านชีคคงไม่ชอบใจแน่ หากรู้ว่าภรรยาของท่านแอบมาหาผู้ชายคนอื่นในยามค่ำคืนเช่นนี้”
“ดิฉันไม่ได้คิดว่าคุณเป็นผู้ชายคนอื่นนี่คะ..คุณเป็นน้องชายของท่านชีคแท้ ๆ ดิฉันก็แค่แวะเวียนเอาอาหารมาให้ด้วยมิตรภาพเท่านั้นเอง ท่านชีคคงไม่คิดเป็นอื่นหรอกค่ะ แล้วอีกอย่างดิฉันก็ไม่ได้แอบมาหาคุณด้วย ดิฉันมาอย่างเปิดเผย แถมยังมีนุกแล้วก็คนขับรถตามมาอีกต่างหาก แล้วตอนนี้เราก็ไม่ได้พูดคุยกันตามลำพังมีนุกอยู่ในห้องนี้ด้วย”
ซาร่า อธิบายยืดยาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพอใจที่ได้บอกเหตุผลที่คิดว่าน่ารับฟังไป
