3. อาณาจักรท่านชีค
“ฉันรู้จักคาลิฟา ดีว่าเขาเป็นคนรักอิสระเสรีชอบการท่องเที่ยวผจญภัย ตอนที่ไปเรียนอยู่อเมริกาเขาก็ท่องเที่ยวไปทั่วโลกจนแทบไม่อยากจะกลับประเทศของตัวเอง ถ้าฉันไม่แต่งตั้งให้เขาเป็นทายาทชีค และไม่ยื่นคำขาดให้เขากลับมาเมื่อสองปีที่แล้ว เขาก็คงจะใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาไม่กลับมาที่ตุรเกียหรอก”
ชีคซายิด พูดให้คุณนวลปรางค์ฟัง
นั่นสินะ..ถ้าคาลิฟา ไม่กลับมาตุรเกีย เมื่อสองปีที่แล้ว คุณนวลปรางค์ ก็คงไม่ได้รู้จักเขา และเธอก็คงจะขอลาออกจากตำแหน่งอนุภรรยาของท่านชีคซายิด กลับเมืองไทยไปตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้วก็ได้
“เฮ้อ..ทำไมพระเจ้าถึงไม่ยอมประทานลูกให้ฉันบ้างนะ..ถ้าฉันมีลูกชายสักคน คาลิฟาก็คงจะไม่ต้องฝืนใจมารับตำแหน่งทายาทชีคผู้ครองรัฐนี้หรอก ฉันรู้ว่าคาลิฟา ไม่อยากจะเป็นทายาทชีค แต่เพราะไม่อยากจะขัดใจฉันมากกว่า”
“ถ้าท่านอยากจะมีลูกจริง ๆ ทำไมไม่ลองใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ล่ะคะ ท่านผู้หญิงทั้งสามของท่านก็น่าจะพอมีโอกาสตั้งครรภ์ได้”
คุณนวลปรางค์ เอ่ยถึงภรรยาทั้งสามที่คฤหาสน์หลังใหญ่ ซึ่งแต่เดิมมีสี่คนด้วยกัน แต่ภรรยาแต่งคนที่สองคือ ท่านผู้หญิงซัลมา เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมานี้เอง จึงทำให้ตำแหน่งภรรยาแต่งของท่านชีคในปัจจุบันเหลือเพียงสามท่าน
“เมียฉันสามคนน่ะหรือ อายุแต่ละคนไม่ใช่สาว ๆ แล้ว ซูรอย์ก็สามสิบเจ็ด ส่วนฟาริยะห์ก็สามสิบแปด ยิ่งราเนีย อายุปาเข้าไปห้าสิบแล้ว แก่กว่าฉันตั้งห้าปี ถ้าฉันคิดจะมีลูกด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ฉันเลือกเธอไม่ดีกว่าหรือ เพราะเธออายุยี่สิบเก้ายังพอมีโอกาส”
ท่านชีค มีอารมณ์ขันขึ้นมาบ้าง
“แต่ถ้ามีลูกกับท่าน ลูกของดิฉันก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เป็นทายาทชีคผู้ครองรัฐอยู่แล้วนี่คะ”
คุณนวลปรางค์ บอกอย่างรู้กฎระเบียบดี เธอรู้ว่าลูกชายที่ไม่ได้เกิดจากภรรยาแต่งย่อมไม่สิทธิ์ที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทายาทชีคผู้ครองรัฐ
“ถึงไม่มีสิทธิ์เป็นท่านชีค แต่ก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับความรักจากฉันแน่นอน แต่น่าเสียดายที่เธอก็มีลูกให้ฉันไม่ได้เช่นกัน”
ท่านชีคสบตาคุณนวลปรางค์ อย่างเอ็นดู คุณนวลปรางค์ หยุดการนวดขาแล้วลุกขึ้นมานั่งเคียงข้างท่านชีคบนโซฟา
“ถ้าท่านต้องการมีลูกกับดิฉันจริง ๆ ดิฉันก็พร้อมที่จะไปให้หมอตรวจ และหาวิธีที่จะมีลูกกับท่านค่ะ”
คุณนวลปรางค์ ซบศีรษะเข้าหาท่านชีค เป็นการออดอ้อนเอาใจ เธอจึงถูกโอบกอดเข้าไปแนบอกท่านชีค ด้วยความรักใคร่เอ็นดู
คุณนวลปรางค์ อยู่กับท่านชีค มาเกือบสามปี เธอย่อมรู้วิธีที่จะพูดให้ท่านชีค มีความสุขสบายใจ
“ถ้าทำได้ฉันก็คงทำไปแล้วล่ะ แต่ที่ทำไม่ได้ เพราะมันผิดหลักประเพณีของตระกูลฉัน เราถือว่าเด็กที่จะเกิดมาต้องเกิดมาแบบธรรมชาติเท่านั้น ถ้าฉันมีลูกได้ ป่านนี้ลูก ๆ ของฉันคงจะเป็นร้อยแล้วกระมัง ก็ดูเมียฉันสิ เมียแต่งสี่คน แล้วก็เมียไม่ได้แต่งอีกสิบคน แต่ก็ไม่มีใครท้องได้สักคน ฉันก็ต้องยอมรับความจริงนี้ให้ได้ ฉันรู้ว่าพวกเธอที่ไม่ใช่เมียแต่ง ต่างก็อยากจะดิ้นรนออกไปจากตรงนี้เพื่อไปมีชีวิตที่อิสระ ตอนนี้พวกเมียที่มาจากต่างประเทศก็ขอกลับประเทศกันจนจะหมดแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าเธอกับซาร่า จะขอกลับประเทศอีกหรือเปล่า”
ชีคซายิด พูดอย่างทำใจเอาไว้ล่วงหน้า
“ดิฉันยังไม่กลับเมืองไทยแน่นอนค่ะท่าน จะอยู่ที่นี่จนกว่าท่านจะไม่ต้องการดิฉันแล้ว”
คุณนวลปรางค์พูดให้ชีคซายิดซาบซึ้งใจจนน้ำตาคลอเบ้ากอดเธอเอาไว้แน่น
“เธอพูดจริงหรือเปล่านวล”
ท่านชีค จับต้นแขนคุณนวลปรางค์ให้ห่างจากอกเพื่อจะได้มองหน้าเธอได้ถนัดตา
“จริงที่สุดค่ะ” คุณนวลปรางค์ ยิ้มหวานสบตาท่านชีค
หากชีคซายิด ได้ทราบความจริงจากใจของคุณนวลปรางค์ ถึงสาเหตุที่เธอไม่อยากจะกลับประเทศไทยนั้นเป็นเพราะคาลิฟา ท่านชีค จะรู้สึกอย่างไรหนอ
คุณนวลปรางค์ จะไม่มีวันเปิดเผยความในใจนี้ให้ใครรู้เป็นอันขาดว่าเธอแอบหลงรักคาลิฟา
คุณนวลปรางค์ ได้พบกับคาลิฟา เมื่อสองปีก่อนที่เขาเดินทางกลับจากอเมริกา ซึ่งเพียงพบหน้าคาลิฟา ครั้งแรก คุณนวลปรางค์ ก็รู้สึกหวั่นไหว ตกหลุมรักคาลิฟาในทันใด โดยที่คาลิฟา เองก็ไม่ได้รู้ตัว
คาลิฟา รู้เพียงว่าคุณนวลปรางค์ ช่างเป็นผู้หญิงที่อ่อนหวาน อัธยาศัยไมตรีดี น่าคบหา เขาจึงให้ความสนิทสนมไว้ใจคุณนวลปรางค์มาก เนื่องจากคุยกันถูกคอ และยังอยู่ในวัยเดียวกันด้วย คาลิฟา ถือว่าคุณนวลปรางค์ เป็นเพื่อนชาวเอเชียที่น่ารัก แต่เขาไม่รู้เลยว่าตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมา คุณนวลปรางค์ คิดกับเขาเช่นใด
“ตอนนี้ฉันชักจะหิวแล้วล่ะ เธอสั่งให้คนตั้งโต๊ะได้แล้วคืนนี้ฉันจะค้างกับเธอที่นี่ด้วย”
ชีคซายิด บอกแก่คุณนวลปรางค์
“แต่ดิฉันว่าท่านทานมื้อค่ำแล้ว ควรจะกลับไปค้างที่ตึกใหญ่นะคะ..ดิฉันไม่อยากจะให้ท่านผู้หญิงทั้งสามท่านที่ตึกใหญ่ต้องมีกังวลใจค่ะ..อย่าลืมนะคะว่าสัปดาห์นี้ท่านมาค้างกับดิฉันสี่คืนแล้วนะคะ”
คุณนวลปรางค์ บอกยิ้ม ๆ
“จริงหรือ...ขอบใจนะที่เตือน เธอช่างเป็นคนที่มีน้ำใจนัก นี่ถ้าเป็นซาร่าคงจะไม่พูดกับฉันแบบนี้หรอก รายนั้นน่ะอยากจะรั้งตัวฉันไว้ตลอด งั้นทานเสร็จฉันจะกลับตึกใหญ่ก็แล้วกัน”
คุณนวลปรางค์ ยิ้มน้อย ๆ อย่างพอใจ การที่ชีคซายิดบอกว่าจะกลับตึกใหญ่ไม่ไปค้างที่บ้านของซาร่า ทำให้คุณนวลปรางค์พอใจอย่างมาก
เนื่องจากซาร่า เคยเป็นอนุภรรยาคนโปรดของชีคซายิด มาก่อน แต่หลังจากคุณนวลปรางค์ได้มาเป็นอนุภรรยาคนสุดท้ายลำดับที่สิบ คุณนวลปรางค์ ก็กลายเป็นคนโปรดไปทันที สร้างความไม่พอใจให้กับซาร่าเป็นอย่างมาก
ซาร่า แสดงตัวเป็นศัตรูกับคุณนวลปรางค์ อย่างเปิดเผย ในขณะที่คุณนวลปรางค์ ฉลาดพอที่จะเก็บซ่อนความรู้สึกต่าง ๆ เอาไว้อย่างยากที่ใครจะหยั่งถึงความรู้สึกที่แท้จริง
.....................
เวลาหกโมงเย็น รถโฟว์วีลสีดำที่ซาร์กา เป็นคนขับก็วิ่งเข้าสู่พาราไดซ์การ์เด้นท์ อันเป็นบริเวณที่ตั้งของคฤหาสน์ และบ้านเดี่ยวหลายหลังของตระกูลซาเอด อัลมาร์ซี อยู่ในเนื้อที่กว้างใหญ่ไพศาล ประดุจยกหมู่บ้านมาไว้รวมกัน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีแม้กระทั่งโรงภาพยนตร์ขนาดย่อมที่ทันสมัย โรงรถก็ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุม มีรถให้เลือกใช้มากมายหลายคัน ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อ โรลสรอยส์ แอสตัน มาร์ตินส์ จากัวร์ หรือจะเป็นเฟอร์รารีส์ ที่ราคาแต่ละคันแพงลิบลิ่ว ไปจนถึงลานจอดเครื่องบินส่วนตัวที่มีเครื่องบินระบบทันสมัย จอดพร้อมใช้อยู่ถึงหกลำ
คฤหาสน์หลังใหญ่โตอลังการ พื้นที่กว้างใหญ่ราวห้างสรรพสินค้า ความสูงหกชั้นที่เป็นแบบผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบอาหรับ สร้างด้วยหินอ่อนตั้งสูงตระหง่านเด่นชัดสวยงามสะดุดตา อยู่ลึกเข้าไปตรงส่วนกลางของพาราไดซ์การ์เด้นท์ ซึ่งเป็นที่พำนักของท่านชีคซายิด ซาเอด อัลมาร์ซี กับภริยาแต่งทั้งสี่ของท่านที่ตอนนี้เหลือเพียงสามท่าน
ส่วนซีกซ้ายของพาราไดซ์การ์เด้นท์ เป็นบ้านเดี่ยวสวยงามหรูหราพื้นที่แต่ละหลังราว 200 ตารางวาของบรรดาอนุภรรยาของชีคซายิดที่ปลูกเรียงรายในสไตล์เดียวกันนับสิบหลัง แต่ละหลังต่างกันตรงสีสันของบ้าน และอยู่ห่างกันไม่มากนัก มีการจัดตกแต่งสวนคั่นกลางบ้านแต่ละหลังอย่างสวยงามลงตัว
ส่วนซีกขวาเป็นถนนที่สร้างด้วยความพิถีพิถัน สองข้างทางมีดอกไม้ปลูกสวยงามเรียงรายสลับกับต้นปาล์มสุดลูกหูลูกตาไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่โตไม่แพ้คฤหาสน์ของท่านชีคซายิด เพียงแต่รูปทรงของคฤหาสน์เป็นแบบสมัยใหม่สไตล์ยุโรปสูงสามชั้นเป็นที่พักอาศัยของ คาลิฟา ซาเอด อัลมาร์ซี ซึ่งอยู่ไกลออกไปอีกสองกิโลเมตรเป็นสัดส่วนแยกออกไปอยู่มุมหนึ่งของพาราไดซ์การ์เด้นท์ มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่รายล้อมด้วยต้นไม้หลากหลายอยู่ด้านข้างของคฤหาสน์
“แวะหาคุณนวลที่บ้านก่อนนะซาร์กา”
คาลิฟา สั่งเมื่อรถวิ่งเข้าไปใกล้ถึงวงเวียนใหญ่ที่จะแยกซ้ายขวาหรือว่าตรงไป ซาร์กาจึงเลี้ยวรถทางซ้ายทันที ก่อนจะขับไปจอดบริเวณด้านหน้าของบ้านสีชมพูคาดขาว ซาร์กาทราบว่าคาลิฟา ให้ความสนิทสนมกับคุณนวลปรางค์มาก มักจะแวะมารับประทานอาหารที่บ้านคุณนวลปรางค์ บ่อยครั้ง
“นายรอฉันอยู่ที่รถดีกว่า ฉันจะเข้าไปถามคุณนวลไม่นานหรอก”
คาลิฟา บอกซาร์กา เมื่อรถมาจอดหน้าบ้านคุณนวลปรางค์ เรียบร้อยแล้ว
“ผมนึกว่าคุณคาลิฟาจะมาทานมื้อค่ำที่บ้านคุณนวลเสียอีก” ซาร์กา พูด
“เปล่าหรอก..ฉันอยากจะถามคุณนวลไว้เป็นข้อมูลก่อนที่จะไปพบกับท่านชีค”
ซาร์กา พยักหน้าอย่างเข้าใจ
คาลิฟา ให้ความสนิทสนมไว้วางใจคุณนวลปรางค์ จนคิดว่าคุณนวลปรางค์ จะต้องทราบว่าเหตุใด ท่านชีคซายิด จึงเรียกคาลิฟา ให้เข้าพบ ซึ่งซาร์กา ก็ค่อนข้างจะมั่นใจว่าคุณนวลปรางค์ น่าจะรู้
