2. อนุภรรยาคนโปรด
“คุณคาลิฟา จะเดินทางกลับหรือเปล่าคะท่าน”
คุณนวลปรางค์ เอ่ยถามชีคซายิด ด้วยภาษาอาหรับอย่างคล่องแคล่ว ในขณะที่เธอกำลังนั่งคุกเข่านวดขานวดเท้าให้กับ ชีคซายิด ที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนโซฟาหนานุ่ม คุณนวลปรางค์ มาอยู่ที่รัฐตุรเกีย เมื่อเกือบสามปีที่ผ่านมา เธอเป็นสาวไทยชาวเหนืออายุสามสิบปี เป็นหนึ่งในอนุภรรยานานาชาติ จากสิบคนที่ ชีคซายิด เลี้ยงดูให้ได้รับความสุขสบายอยู่ในบ้านหลังงามภายในอาณาจักรกว้างใหญ่ที่เรียกว่า พาราไดซ์การ์เด้นท์
“ใช่..ไม่เกินวันหรือสองวัน คาลิฟาต้องมาถึงแน่”
ชีคซายิด กล่าวอย่างมั่นใจสีหน้าผ่อนคลาย
“คุณคาลิฟา บอกท่านล่วงหน้าแล้วไม่ใช่หรือคะว่าจะท่องเที่ยวหนึ่งเดือน แล้วทำไมถึงได้เรียกคุณคาลิฟากลับด่วนแบบนี้ละคะท่าน”
คุณนวลปรางค์ เก็บซ่อนความรู้สึกดีใจ ที่ชีคซายิด จะเรียกคาลิฟากลับมา
“มันมีข่าวลือเกิดขึ้น”
ชีคซายิด บอกอย่างหงุดหงิด
“ข่าวลืออะไรคะท่าน”
คุณนวลปรางค์ สนใจอยากรู้เรื่องของคาลิฟา ทุกอย่างอยู่แล้ว
“จะอะไรซะอีก..ข่าวฉาวทุเรศน่ะสิ”
ชีคซายิด ตอบอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์
“คุณคาลิฟามีข่าวฉาวด้วยหรือคะท่าน”
คุณนวลปรางค์ ใจคอไม่ดีไปด้วย สิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับคาลิฟา เธอจะใส่ใจเสมอโดยที่ชีคซายิด ก็ไม่ทราบถึงความรู้สึกลึกซึ้งที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในใจของคุณนวลปรางค์ได้เลยว่าอนุภรรยาของท่านคนนี้ แอบหลงรักน้องชายของท่านชีค มากมายเพียงใด
“ข่าวคาลิฟาเป็นเกย์”
“โอ..พระเจ้า!..เป็นไปไม่ได้..ดิฉันไม่มีวันเชื่อข่าวบ้า ๆ นี้แน่นอนค่ะท่าน”
คุณนวลปรางค์ หยุดนวดกะทันหันสีหน้าตกใจ
“แต่มันอาจจะมีคนหลงเชื่อก็ได้ เพราะตอนนี้ข่าวมันลือไปไกลถึงเมืองหลวงนาตาเนีย เข้าหูของชีคฮัชไมต์ จนท่านชีคโทรมาถามฉันด้วยตัวเอง ถึงแม้ท่านชีคฮัชไมต์ จะเชื่อว่าคาลิฟา ไม่ได้เป็นเช่นข่าวลือ แต่ฉันก็ไม่สามารถจะเพิกเฉยต่อไปได้หรอก ฉันจะต้องทำให้ภาพของคาลิฟา เป็นผู้ชายปกติให้ได้ เพื่อไม่ให้มีการท้วงติงจากรัฐอื่นกดดันให้ฉันต้องปลด คาลิฟา ออกจากทายาทชีค และให้แต่งตั้งคนใหม่แทน”
“โอ..ร้ายแรงถึงเพียงนั้นเชียวหรือคะท่าน” .
คุณนวลปรางค์ ทุกข์ร้อนใจไปกับข่าวนี้ด้วย คาลิฟาเพิ่งจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทายาทชีคผู้ครองรัฐตุรเกีย ต่อจากท่านชีคซายิด อย่างเป็นทางการเมื่อเกือบสองปีที่ผ่านมานี้เอง หลังจากที่ท่านชีค เริ่มแน่ใจว่าหมดสิทธิ์ที่จะมีบุตรชายสืบสกุล ท่านจึงแต่งตั้งน้องชายโดยสายเลือดที่มีบิดามารดาเดียวกันเป็นคนสืบทอดตำแหน่งต่อจากท่าน
“ในประเทศของฉัน เธอได้เห็นเพศที่สามหรือเปล่าล่ะ” ชีคซายิดย้อนถามอนุภรรยาคนโปรด
“ไม่ค่ะ..ดิฉันไม่เคยเห็นมีเกย์ กะเทยหรือทอมดี้เลยค่ะ”
“ที่ไม่เห็น ไม่ได้หมายความว่าไม่มีหรอกนะ แต่คนที่มีจิตใจผิดปกติเช่นนั้นก็ต้องปิดบังซ่อนเร้น ไม่แสดงพฤติกรรมที่แตกต่างออกมา ไม่เช่นนั้นก็จะถูกสังคมประณามหยามเหยียด โดยเฉพาะคนที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งสำคัญเป็นชีคผู้ครองรัฐด้วยแล้ว ก็ยิ่งต้องไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้เด็ดขาด มิเช่นนั้นก็ต้องถูกต่อต้านอย่างรุนแรง ฉันถึงได้เป็นห่วง คาลิฟาไงล่ะ.. ฉันหวังให้เขาได้ขึ้นมาแทนที่ฉัน หลังจากที่ฉันเสียชีวิตไปแล้วหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อีกต่อไป”
“แต่ถ้าข่าวไม่จริง คุณคาลิฟาก็ไม่ควรจะถูกต่อต้านนี่คะ” คุณนวลปรางค์แสดงความเห็น
“เราก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าคาลิฟาไม่ได้เป็นเกย์อย่างที่เป็นข่าว”
“ดิฉันอยากจะรู้นักว่าใครนะช่างใส่ร้ายคุณคาลิฟาเช่นนี้” คุณนวลปรางค์รู้สึกเจ็บแค้นแทนไม่น้อย
“ฉันกำลังให้เลปโปส่งคนไปสืบดู..แต่ฉันสงสัยว่าน่าจะเป็นคนในตระกูลฉันนี่แหละ”
ชีคซายิดบอกอย่างไม่สบายใจ
“อุ๊ย..จริงหรือคะท่าน”
คุณนวลปรางค์อุทานด้วยความตกใจ เธอรู้ว่าคนในตระกูลซาเอด อัลมาร์ซี นั้นมีหลายร้อยคน เธอจึงได้แต่ตั้งข้อสงสัยว่าคนที่ปล่อยข่าวลือก็คงจะเป็นคนที่หวังจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทายาทชีคผู้ครองรัฐ ก็ได้
บางทีอาจจะเป็นน้องชายต่างมารดาของท่านชีคซายิด คนใดคนหนึ่ง เพราะชีคฟาฮัด บิดาของท่านชีคซายิดที่เสียชีวิตไปแล้วนั้นมีภรรยาแต่งทั้งหมดสี่คน มีบุตรชายจากภรรยาทั้งหมด 11 คนและมีบุตรสาวอีก 9 คน
ท่านชีคซายิด กับ คาลิฟา เป็นบุตรชายที่เกิดจากภรรยาคนแรก ชีคซายิด จึงมีสิทธิ์ในการสืบทอดตำแหน่งชีคผู้ครองรัฐต่อจากบิดาตามประเพณีในขณะนี้ และเมื่อชีคซายิด ไม่มีทายาทสืบสกุลจากภรรยาทั้งสี่คน ท่านจึงต้องแต่งตั้งคาลิฟาน้องชายคนถัดไปให้เป็นทายาทลำดับต่อไปที่จะสืบทอดตำแหน่งชีคผู้ครองรัฐ
“ที่ฉันไม่พอใจอย่างมากก็เพราะมีคนพูดว่าที่คาลิฟาเดินทางไปท่องเที่ยวครั้งนี้ เป็นการไปฮันนีมูน ตะลุยทะเลทรายกับซาร์กา นี่น่ะสิ ฉันถึงต้องสั่งให้คาลิฟากลับด่วน”
ชีคซายิด บอกถึงเหตุผลที่แท้จริงอย่างไม่ปิดบัง
“ตายจริง..ทำไมถึงได้ใส่ร้ายคุณคาลิฟา กับ คุณซาร์กาเช่นนั้นไปได้”
คุณนวลปรางค์ นึกภาพของคาลิฟา กับ ซาร์กา เป็นคู่รักเกย์กันไม่ออกเลยจริง ๆ เพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นหนุ่มหล่อมาดแมน โดยเฉพาะคาลิฟา ที่มีรูปร่างแข็งแรงสูงใหญ่แบบนักกีฬา คุณนวลปรางค์วิเคราะห์ในใจว่า เหตุที่คาลิฟาถูกลือเป็นเกย์นั้นคงเป็นเพราะว่า คาลิฟายังครองตัวเป็นโสดทั้งที่อายุกำลังจะย่างเข้าสามสิบปีแล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับคนในตระกูลซาเอด อัลมาร์ซี ที่มักจะแต่งงานกันตั้งแต่อายุยังน้อย อย่างท่านชีคซายิดก็แต่งงานตอนที่อายุ 22 ปี
“จะว่าไปที่คาลิฟาถูกลือว่าเป็นเกย์ ก็เพราะเขาทำตัวไม่เหมือนผู้ชายคนอื่น ๆ ในตระกูล ต่อไปนี้ฉันจะต้องให้เขาสร้างภาพของการเป็นผู้ชายเต็มตัวให้ได้”
ชีคซายิดกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ท่านจะทำอย่างไรหรือคะ”
คุณนวลปรางค์ถามอย่างหวั่นใจ
“ฉันก็จะให้คาลิฟารู้จักตอบรับผู้หญิงที่ประมวลจัดหาให้น่ะสิ..การที่คาลิฟาปฏิเสธสาว ๆ ที่มีคนเสนอมา เขาจึงถูกมองว่าผิดปกติ ความจริงอายุขนาดนี้แล้วควรจะแต่งงานได้แล้วด้วย”
คุณนวลปรางค์สะดุ้ง กับชื่อประมวล พอสมควร หากไม่มีประมวลแล้ว คุณนวลปรางค์ก็ไม่ได้มาเป็นอนุภรรยาของชีคซายิดในวันนี้อย่างแน่นอน และถ้าประมวลจัดหาผู้หญิงให้คาลิฟา เห็นทีคุณนวลปรางค์คงต้องร้อนรนใจอย่างมาก
“คุณคาลิฟารักชีวิตโสดอยู่มาก เขาคงไม่อยากจะแต่งงานตอนนี้หรอกค่ะท่าน”
คุณนวลปรางค์ให้เหตุผล เธอไม่ปรารถนาที่จะเห็นคาลิฟาแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้นรวมทั้งไม่ต้องการให้ชีคซายิด เรียกใช้บริการของประมวลในการจัดหาผู้หญิงไทยให้กับคาลิฟาอีกด้วย
“ถึงจะรักชีวิตโสด แต่คาลิฟาก็ต้องมีผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย..ที่คฤหาสน์ของคาลิฟา เธอเคยเห็นมีผู้หญิงมานอนค้างสักคนบ้างไหมล่ะ ความจริงเขาควรจะมีฮาเร็มส่วนตัวบ้าง จะหาผู้หญิงสวยระดับนางงาม นางแบบ หรือดาราดัง ๆ จากต่างประเทศก็ทำได้อยู่แล้ว แต่คาลิฟากลับไม่สนใจเลย”
ชีคซายิดถือว่าการมีนางในฮาเร็มนั้น เป็นหน้าเป็นตาให้กับผู้ชายที่มีฐานะดีเช่นคนในตระกูลของตัวเอง โดยเฉพาะการอิมพอร์ตผู้หญิงจากต่างประเทศถือเป็นการเสริมสถานะหน้าตาให้กับตระกูลเป็นอย่างดี เหมือนที่ชีคซายิดทำอยู่
“คุณคาลิฟาเคยบอกกับดิฉันว่าเขาไม่อยากจะเป็นเหมือนผู้ชายคนอื่นในตระกูลค่ะ..เขาจึงไม่คิดที่จะมีผู้หญิงมาคอยปรนนิบัติที่คฤหาสน์”
คุณนวลปรางค์ พูดให้ชีคซายิดได้เข้าใจน้องชาย ซึ่งคุณนวลปรางค์พอใจกับแนวความคิดนี้ของคาลิฟาเป็นอย่างมาก ที่เขาไม่เป็นผู้ชายมากรักที่ใช้ผู้หญิงเปลืองเหมือนกับท่านชีคซายิด และผู้ชายคนอื่นในตระกูลนี้
“เพราะคาลิฟาคิดแบบนี้น่ะสิ ถึงได้เกิดปัญหาข่าวลือบ้า ๆ นั่นได้ บางทีฉันอาจจะต้องให้คาลิฟาแต่งงานเสียที”
“แต่งงานหรือคะ”
คุณนวลปรางค์ถามเสียงสั่นพยายามระงับความรู้สึกไม่ให้แสดงออกทางสีหน้ามากนัก
“ใช่..เป็นการตัดปัญหาเรื่องข่าวลือนั่นได้ด้วย”
“แล้วคุณคาลิฟาจะยอมหรือคะ”
คุณนวลปรางค์ถามเช่นนั้น เพราะรู้ว่าการแต่งงานตามประเพณีของตระกูลนี้ก็คือการแต่งงานกันระหว่างญาติพี่น้องต่างมารดาในตระกูลนั่นเอง ซึ่งคาลิฟาเป็นคนที่ต่อต้านเรื่องนี้มาก
“นี่แหละที่ฉันหนักใจ คาลิฟาไปใช้ชีวิตเรียนหนังสืออยู่อเมริกามานาน ความคิดความอ่านของเขาหลายอย่าง ต่อต้านกฎระเบียบของตระกูล โดยเฉพาะการต้องแต่งงานกันระหว่างเครือญาติในตระกูลเขาไม่เห็นด้วยอย่างมาก”
สิ่งที่ชีคซายิดพูดมานั้นคุณนวลปรางค์เข้าใจดี เพราะชีคซายิดเองก็แต่งงานกับภรรยาทั้งสี่คนที่เป็นพี่น้องตามประเพณีของตระกูลที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ภรรยาคนที่หนึ่งและสองของท่านชีคก็คือ ท่านผู้หญิงราเนีย กับ ท่านผู้หญิงซัลมา ซึ่งเป็นลูกภรรยาคนที่สองของบิดาท่านชีค ส่วนท่านผู้หญิงฟาริยะห์ และ ท่านผู้หญิงซูรอยห์ ก็เป็นลูกภรรยาคนที่สามของบิดาท่านชีค
ดังนั้น ภรรยาทั้งสี่จึงมีศักดิ์เป็นพี่น้องที่มีบิดาเดียวกันกับท่านชีคซายิดทั้งสิ้น เพียงแต่ต่างมารดากันเท่านั้นเอง
แต่ถึงแม้ว่าชีคซายิด จะมีภรรยาแต่งครบสี่คนตามประเพณีแล้ว ก็ยังมีผู้หญิงแวดล้อมอีกมากมายนับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่จะมีคนช่วยจัดหามาเสนอให้ ซึ่งชีคซายิด ได้เลือกผู้หญิงที่ปรนนิบัติถูกใจเอาไว้จำนวนหนึ่ง เพื่อมาเป็นอนุภรรยาอยู่ในอาณาเขตพาราไดซ์การ์เดนท์ของตัวเอง เป็นชาวต่างชาติทั้งหมดสิบคน
แต่เมื่อไม่นานมานี้ บรรดาอนุภรรยาต่างก็ขอเป็นอิสระกลับประเทศของตัวเองไปถึงแปดคน ทำให้ปัจจุบันเหลืออนุภรรยาต่างชาติอยู่เพียงสองคน คือ คุณนวลปรางค์ กับ ซาร่า หญิงสาวชาวฟิลิปปินส์เท่านั้น ซึ่งคุณนวลปรางค์ก็ไม่วางใจว่าท่านชีคจะหยุดแสวงหาอนุภรรยาเพียงแค่นี้
แต่ที่ทำให้คุณนวลปรางค์สบายใจ คือ เธอยังเป็นอนุภรรยาคนสุดท้ายอยู่ แม้จะมีคนเสนอผู้หญิงให้มาปรนเปรอท่านชีคอยู่ตลอดเวลา ทว่า..เกือบสามปีมาแล้ว ที่ท่านชีค ยังไม่ได้เลือกใครมาเป็นอนุภรรยาต่อจากคุณนวลปรางค์
