บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 หน้าที่ของลูก

บนโต๊ะอาหารภายในบ้านเช่าหลังเล็ก สองแม่ลูกกำลังจัดการกับอาหารด้วยความรู้สึกที่เริ่มดีขึ้นนับตั้งแต่วันที่เกิดการสูญเสีย อย่างน้อยความรักความผูกพันของครอบครัวก็ยังคงอยู่เสมอ

“ใกล้วันเปิดเทอมแล้ว นาไม่ต้องลงทะเบียนเรียนเหรอลูก?” อัญมณีเอ่ยถามลูกสาวหลังนึกขึ้นได้

“เอ่อ...ค่ะคุณแม่” นลินดารับคำด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความลำบากใจ สภาพการเงินในตอนนี้ทำให้หญิงสาวไม่กล้าปริปากถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น จนกระทั่งวันนี้ท่านเป็นฝ่ายทักท้วงขึ้นมาเอง

“เท่าไหร่ล่ะลูก”

“นะ...นายังไม่เข้าไปดูเลยค่ะคุณแม่” นลินดาแบบตอบไม่เต็มเสียงนัก

“ยังไงแม่จะรีบหาให้นะลูก” หลังจากรับปากบุตรสาวแล้ว หญิงสูงวัยก็รู้สึกกลุ้มใจไม่น้อย ถ้าเป็นเมื่อก่อนนางสามารถควักเงินให้อย่างไม่อิดออด แต่มาวันนี้กลับต้องขอเวลาเพื่อหาเงิน เนื่องจากมหาวิทยาลัยที่หญิงสาวศึกษาอยู่เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ค่าหน่วยกิตจึงค่อนข้างสูงกว่าปกติ ทว่าสีหน้าที่มารดาแสดงออกมาก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาเธอไปได้

“คุณแม่คะ เดี๋ยวนาจะออกไปหางานพิเศษทำหลังเลิกเรียน หาเงินมาช่วยคุณแม่อีกแรงค่ะ” เธอถือโอกาสขออนุญาตท่านไปด้วย

“แม่ไม่อนุญาต เรื่องนั้นไว้เป็นหน้าที่ของแม่เอง หนูทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ รีบกินเถอะลูกเดี๋ยวจะไปเรียนสาย” อัญมณีคัดค้านเสียงแข็ง นางไม่อยากให้ลูกสนใจเรื่องอื่นมากกว่าเรื่องการเรียนในเวลานี้

“ค่ะ” นลินดาพยักหน้ารับคำ แม้ข้างในจะยังรู้สึกไม่สบายใจแค่ไหนก็ตาม

ระหว่างที่เดินทางไปมหาวิทยาลัย หญิงสาวคิดทบทวนและตัดสินใจแล้วว่าจะทำเรื่องดรอปเรียนในเทอมนี้ เธอยอมตัดอนาคตทางด้านการเรียนเพื่อแบ่งเบาภาระของมารดา ที่สำคัญไปกว่านั้นเธอต้องการปลดหนี้ของบิดาให้ได้

จนกระทั่งจัดการกับอาหารกลางวันเรียบร้อย นลินดาตัดสินใจบอกถึงสิ่งที่ตนตั้งใจให้เพื่อนสนิทฟังก่อนเป็นลำดับแรก

“หลี...เค้ก คือว่านามีเรื่องจะบอกจ้ะ” ทั้งสองคนคือเพื่อนสนิทที่เหลืออยู่นับตั้งแต่บิดาเสียชีวิตลง เพราะเพื่อนที่ได้ชื่อว่าอยู่ในแวดวงสังคมไฮโซต่างก็พากันหนีหน้าและเลิกคบ นั่นทำให้หญิงสาวเข้าใจโลกมากขึ้นว่าคนพวกนั้นคบตนเพียงแค่เปลือกนอก เสียดายเวลาก็ไม่เท่ากับเสียดายความรู้สึกที่เคยให้ไป

“มีอะไรหรือเปล่า”

“นาว่าจะดรอปเรียนไว้ก่อนหนึ่งปีน่ะ”

“ทำไมล่ะนา?” มานิตาเบิกตากว้าง เนื่องจากตกใจกับสิ่งที่เพื่อนกำลังตัดสินใจ

“ตั้งแต่คุณพ่อเสีย นากับคุณแม่ก็แทบจะไม่เหลือเงินติดตัวเลย อีกอย่างนาก็สงสารคุณแม่ด้วยน่ะหลี” เธอตอบด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ใช่ว่าไม่เสียใจและเสียดาย อีกปีเดียวก็จะจบการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้ว แต่ด้วยมรสุมที่เกิดขึ้นก็จำต้องเลือกทางที่ดีที่สุดให้ตัวเอง

“อีกไม่นานเองนะนา ไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ เหรอ”

“ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยนะหลี แต่ก็คงไม่สะดวก นาอยากทุ่มเทเวลาหาเงินให้เยอะๆ เพื่อจะได้หาเงินมาใช้หนี้ให้หมดเร็วๆ”

ทั้งสองคนพอได้ฟังก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยอาการเสียดาย ไม่รู้จะหาทางช่วยเพื่อนแก้ปัญหายังไงกับภาระหนี้สินที่เกิดขึ้นในจำนวนไม่น้อย

“ถ้าทุกอย่างดีขึ้น ค่อยกลับมาเรียนก็ได้เนอะ ไม่มีใครแก่เกินเรียนอยู่แล้ว” แม้จะพูดออกไปแบบนั้น ลึกๆ แล้วมานิตาก็ยังอดเสียดายแทนไม่ได้อยู่ดี

“แล้วนี่แม่รู้หรือยังนา”

“ยังเลยหลี กลับไปจะบอกคุณแม่วันนี้แหละ” มานิตาบีบข้อมือเพื่อนเบาๆ ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้แต่กำลังใจก็สำคัญที่สุดในเวลานี้

“หลีเข้าใจนะ ยังไงหลีก็ยังเป็นเพื่อนของนาเสมอ”

“เค้กด้วยนะ” คณิตราพูดพร้อมส่งยิ้มแห่งมิตรภาพไปให้คนตรงหน้า

“จ้ะ...นาก็รักเค้กกับหลีนะ เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป”

ทั้งสามคนยิ้มให้กัน เป็นรอยยิ้มที่แสดงถึงมิตรภาพว่าจะไม่มีวันจางหายไปไหน

“มาร์ค! ดูแม่เลขามาร์คทำ ขัดขวางไม่ให้อลิสเข้ามาหามาร์ค ยัยแก่นั่นไม่รู้หรือคะว่าอลิสเป็นอะไรกับมาร์ค แก่แล้วแก่เลยไม่ยอมพัฒนา” นางแบบสาวร่างระหงก้าวเข้ามาภายในห้องอย่างถืออภิสิทธิ์ ทั้งยังจิกกัดเลขาวัยกลางคนของคู่ควงหนุ่มโดยการเน้นคำว่า ‘แก่’ เต็มปากเต็มคำ

“จุห้ามแล้วนะคะท่านประธาน” คำว่า ‘แก่’ ที่ได้ยินแค่เบาๆ ก็เจ็บ สร้างความขุ่นเคืองให้จุไรรัตน์ไม่น้อย ผู้หญิงของท่านประธานคนนี้สวยแต่รูปจูบไม่หอมจริงๆ

“ไม่เป็นไรคุณจุ ขอบคุณมากที่ทำตามคำสั่งผม”

“ทีนี้เข้าใจหรือยังล่ะ แล้วจำใส่สมองโง่ๆ ของหล่อนเอาไว้ด้วยนะแม่เลขาทึนทึก ฉันคือว่าที่ภรรยาในอนาคตของเจ้านายหล่อน นั่นเท่ากับว่าหล่อนต้องเคารพฉันในฐานะเจ้านายด้วย” นางแบบสาวเชิดหน้าบอกด้วยท่าทางที่เหนือกว่า

“งั้นก็รอให้ถึงวันนั้นก่อนแล้วกันนะคะ” จุไรรัตน์เกรงใจเจ้านายหนุ่มอยู่ไม่น้อย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตอบโต้กลับไป

“ “แกยอกย้อนเหรอนังขี้ข้า”

“ดิฉันผมจะสองสีแล้วนะคะคุณอลิส คุณเองก็น่าจะให้เกียรติดิฉันบ้าง”

“หยุดทั้งคู่ นี่ต่อหน้าผม” มาร์ตินเป็นฝ่ายห้ามศึก ใบหน้าและน้ำเสียงจริงจังทำให้ทั้งคู่สงบลงทันที

“คุณไปทำงานต่อเถอะ”

“ค่ะท่านประธาน”

"น่าไล่ออกให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆ” นางแบบสาวว่าตามหลังด้วยความไม่พอใจที่ถูกต่อล้อต่อเถียง ไม่ให้ความเคารพตนในฐานะคนรักของเจ้านาย

“พอเถอะอลิส ยังไงคุณจุก็ทำตามหน้าที่”

มาร์ตินเบื่อหน่ายกับสิ่งที่คู่ควงสาวทำ ถ้าไม่ติดว่าเธอทำให้เขาพอใจ เขาอาจะรีบเขี่ยทิ้งในเร็ววัน

“อลิสเห็นแก่มาร์คหรอกนะ งั้นพูดเรื่องของเราดีกว่า อลิสคิดถึงมาร์ค ทำไมเดี๋ยวนี้ไม่มีเวลาให้กันเลย” เธอตัดพ้อด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ

“ช่วงนี้ผมงานยุ่ง”

“ไม่รู้แหละ ยังไงวันนี้มาร์คก็ต้องออกไปทานข้าวกับอลิส”

“อืม...ผมขอเคลียร์งานก่อนแล้วกัน” ชายหนุ่มตัดความรำคาญ เพราะไหนๆ ตนเองก็เครียดมาทั้งวันเหมือนกัน

“งั้นอลิสไปนั่งรอนะ” อลิสยอมเดินไปนั่งรออย่างว่าง่ายเพราะความดีใจ อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยปฏิเสธ เธอรักผู้ชายคนนี้ด้วยหัวใจจริงๆ ไม่ว่าหน้าไหนก็ไม่มีวันเข้ามาแย่งคนรักของตนไปได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel