บทที่ 2 คุณหนูผู้อาภัพ
ทำไมโชคชะตาถึงได้โหดร้ายกับครอบครัวของเธอเหลือเกิน หากบิดาไม่เห็นแก่ความร่ำรวยจนเกินไป เธอกับมารดาก็คงไม่โดนดูถูกขนาดนี้ หลังจากนลินดาเพิ่งได้รับรู้ความจริงว่าท่านโกงเงินเพื่อนสนิทที่คบหากันมานานจนอีกฝ่ายสิ้นเนื้อประดาตัว เพื่อนที่ไว้ใจบิดามากจนให้เข้ามาทำหน้าที่บริหารด้านการเงิน ทั้งยังให้ถือหุ้นภายในบริษัท ถึงแม้จะไม่ได้เยอะมากมาย แต่นั่นก็ทำให้คนธรรมดาที่ไม่เคยมีอะไรนอกจากความช่วยเหลือของเพื่อนเกิดความหน้ามืดตามัว ยักยอกเงินของบริษัทโดยไม่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนที่มีต่อกันมานาน
กระทั่งมาตินี่หัวเรือใหญ่เสียใจถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับเมื่อรู้ว่าถูกเพื่อนรักหักหลัง มิหนำซ้ำยังแยกตัวไปเปิดบริษัทเป็นคู่แข่ง ตอกย้ำด้วยการดึงพนักงานบางส่วนของตนออกไปด้วย ซึ่งบุคคลเหล่านั้นเมื่อเห็นว่าเจ้านายเก่ากำลังถูกฟ้องล้มละลาย ต่างก็ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าควรหาหนทางเพื่อปากท้องของตนมากกว่าจะหวนนึกถึงความจงรักภักดี
มาตินี่ไม่ต้องการให้บุคที่สำคัญในชีวิตทั้งสองคนต้องมารับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้น ทว่าการถูกเพื่อนรักหักหลังบวกกับความเสียใจที่ไม่สามารถปกป้องคนที่ตนเองรักได้ จึงทำให้เกิดความเครียดอย่างหนักจนเส้นโลหิตในสมองแตกและเสียชีวิตลงในที่สุด ทิ้งให้บุตรชายกับภรรยาต้องเผชิญโลกความจริงต่อไป
ในขณะที่นักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงอย่างพัตพงษ์กลับใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ ไม่ใส่ใจว่าครอบครัวของเพื่อนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาต้องลำบากแค่ไหน ชายสูงวัยรักและประคบประหงมบุตรสาวราวกับไข่ในหิน ส่วนตนเองหาความสุขด้วยการเข้าบ่อนพนัน จากทุกๆ อาทิตย์เริ่มกลายเป็นทุกๆ วัน จนกระทั่งทรัพย์สินที่เคยมีหมดลง ประจวบเหมาะกับสื่อธุรกิจเพิ่งเปิดตัวนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงที่เข้ามามีชื่อเสียงแทนตน
และนั่นทำให้พัตพงษ์ไม่รีรอที่จะเข้าไปทำความรู้จักกับชายหนุ่มทันทีด้วยการยื่นข้อเสนอร่วมลงทุน และขายหุ้นในบริษัทให้ทั้งหมด แต่ความโลภก็ไม่เข้าใครออกใคร เมื่อชายสูงวัยติดการพนันอย่างหนักจนลืมใส่ใจคนในครอบครัว เงินที่เคยมีเริ่มหมดลง พัตพงษ์ยอมแบกหน้าไปหานักธุรกิจหนุ่มรุ่นลูก เอ่ยปากขอร้องให้อีกฝ่ายรับจำนองบ้านที่อาศัยอยู่กับบริษัทด้วยจำนวนเงินที่สูงกว่ามูลค่าของทรัพย์สิน ซึ่งก็ได้รับความช่วยเหลืออย่างง่ายดาย
กระทั่งหมดตัวและถูกตามราวีจากเจ้าของบ่อนพนัน พัตพงษ์หมดหนทางจนต้องแบกหน้าไปขอกู้เงินสดก้อนสุดท้าย แต่ครั้งนี้กลับถูกปฏิเสธ ทำให้ชายสูงวัยโกรธเคืองถึงขนาดชี้หน้าต่อว่าและอาฆาตไว้ว่าคงไม่มีทางเจริญรุ่งเรือง ซึ่งเจ้าตัวกลับไม่ใส่ใจคำสาปแช่งดังกล่าว ซ้ำยังยื่นคำขาดให้หาเงินมาชดใช้คืนทั้งหมด เพราะทรัพย์สินทุกอย่างมีสิทธิ์ถูกยึดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งชายสูงวัยยังคงยืนกรานไม่ยอมท่าเดียว
สุดท้ายผู้เป็นเจ้าหนี้เปิดเผยให้รับรู้ว่าเป็นตนเองคือบุตรชายคนเดียวของบุคคลที่เขาเคยหักหลังและโกงเงินมาอย่างเลือดเย็น ความจริงดังกล่าวสร้างความตกใจให้ชายสูงวัยบวกกับความเครียดที่ไม่สามารถหาเงินมาชดหนี้ได้ ความรู้สึกผิดเริ่มเกาะกุมจิตใจกับสิ่งที่เคยกระทำ จึงหาทางออกด้วยการอัตนิวิบาตกรรมตนเองเพื่อเป็นการจบปัญหาทุกอย่างลง
หลังได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากมารดา นลินดานิ่งงันไปชั่วขณะ เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบิดาที่แสนดีจะทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ ท่านไม่เคยถามเธอเลยว่าต้องการอะไรนอกจากความร่ำรวย มีบ้านหลังใหญ่ มีรถยนต์หรูหรา เธอต้องการเพียงแค่ครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตา คิดมาถึงตรงนี้น้ำตาที่กักเก็บเอาไว้ก็ไหลลงมาไม่ขาดสาย ตอกย้ำความผิดที่ผู้ให้กำเนิดได้ก่อไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่ทำให้หญิงสาวตัดสินใจว่าถึงเวลาที่เธอต้องดูแลมารดาให้ดีที่สุด
ภาพคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า สร้างความสะเทือนใจให้สองแม่ลูกไม่น้อย ความรัก ความสุข และเสียงหัวเราะของทุกคนกำลังจะกลายเป็นเพียงอดีตให้จดจำเท่านั้น
“นาพร้อมยอมรับความจริงแล้วค่ะคุณแม่” หญิงสาวพูดกับมารดาด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว ต่อไปนี้เธอจะไม่ยอมให้ใครมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีอีกแล้ว
บริษัทเทอร์เนอร์ อินเตอร์ กรุ๊ป บริษัทส่งออกอันดับต้นๆ ที่มีสาขายิบย่อยอีกหลายประเทศ สำหรับสาขาในประเทศไทยตั้งอยู่บนอาคารสูงกว่ายี่สิบชั้นบริเวณใจกลางเมืองหลวง บนชั้นสูงสุดคือห้องทำงานของประธานบริหาร รูปร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม บ่งบอกถึงการดูแลสุขภาพบวกกับใบหน้าคมเข้ม ตามแบบฉบับของชายหนุ่มเลือดผสม กำลังออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิทด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“เจมส์...เรื่องสองแม่ลูกนั่นแกจัดการไปถึงไหน?” ความเจ็บปวดที่เขาเคยได้สัมผัสและกำลังจะส่งมอบให้อีกฝ่ายได้รับรู้กับความทุกข์ทรมาน กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เมื่อต้องสูญเสียเสาหลักของครอบครัว ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ปฏิญาณกับตนเองว่า คนที่ทำลายครอบครัวเขา ต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสม
“นายครับ...แต่ว่าคุณพัตพงษ์ก็ตายไปแล้ว” เจมส์เตือนสติเจ้านายหนุ่ม เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องจมอยู่กับความแค้น
“แล้วใครบอกว่าฉันต้องการสั่งสอนไอ้แก่มักมากนั่น ลูกสาวคนเดียวของมันคิดหรือว่าฉันจะปล่อยให้อยู่อย่างสุขสบาย” มาร์ตินสบถคำหยาบเพราะความแค้นที่ฝังแน่นอยู่ในอก
“ผมขอโทษครับนาย” แม้จะไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายคนเป็นลูกน้องก็ย่อมต้องฟังคำสั่งของผู้เป็นนายเสมอ
เงาหัวเกือบขาดแล้วไหมล่ะไอ้เจมส์ ไม่น่าหาเรื่องเลยจริงๆ
“แกส่งคนไปสะกดรอยตามเด็กนั่นไว้ให้ดี ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าลูกสาวของพัตพงษ์ นักธุรกิจที่แสนฉลาดจะฉลาดแกมโกงเหมือนพ่อรึเปล่า” ชายหนุ่มสั่งด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“ผมจะส่งคนไปตามเธอที่มหาวิทยาลัยและทุกๆ ที่ครับ" ผู้ใต้บังคับบัญชารับคำสั่งแล้วเดินออกจากห้องไปทันที
“แล้วเราจะได้เจอกันอีกนลินดา กฤชยภัคร ฉันจะมอบความสุขให้ชนิดที่ลืมไม่ลง...ไปจนวันตาย!” คนอย่างเขาถ้าได้เกลียดแล้ว อย่าหวังเลยว่าคนๆ นั้นจะอยู่อย่างสงบ
