บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 เด็กอวดดี

หลังนายแพทย์ใหญ่ประจำโรงพยาบาลเอกชนเรียกหญิงต่างวัยทั้งสองเข้าไปพูดคุยเป็นการส่วนตัวถึงอาการของชายสูงวัยที่อยู่ภายในห้องผู้ป่วยวิกฤติ สีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เพียงไม่กี่วินาทีความหวังของคนทั้งคู่กลับถูกพังทลายลงจากคำบอกเล่าของชายในชุดกาวน์

“หมอขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ”

บรรยากาศบริเวณรอบๆ เต็มไปด้วยความเงียบ ก่อนที่บุตรสาวเพียงคนเดียวของนักธุรกิจใหญ่จะเกิดอาการช็อกกับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของผู้ให้กำเนิด สองขาเรียวพาตนเองเข้าไปใกล้ๆ ท่านทันที

"คุณพ่อขา อย่าทิ้งนากับคุณแม่นะคะ”

นลินดาหยุดยืน พร้อมทอดสายตามองร่างไร้วิญญาณของผู้ให้กำเนิดซึ่งนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งเศร้าใจ เสียใจและไม่เข้าใจกับการกระทำของบิดาอันเป็นที่รัก

"คุณพ่อไปสบายแล้วลูก" สองมืออวบเอื้อมมาโอบกอดร่างของบุตรสาวด้วยอาการปลอบประโลม ทั้งที่ตนก็เสียใจไม่น้อยไปกว่ากัน เมื่อต้องมาสูญเสียบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นเสาหลักของครอบครัวและยังเป็นทั้งคนที่รักมากที่สุดในเวลาเดียวกัน

"คุณแม่ขา คุณพ่อทิ้งพวกเราไปแล้ว" ความเสียใจที่ไม่อาจกักเก็บเอาไว้ได้ถูกถ่ายทอดผ่านม่านน้ำตา ทันทีที่เธอกลับมาถึงบ้านก็ได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิต ผู้ให้กำเนิดทำการอัตวินิบาตกรรมเพื่อหนีความผิดบางอย่าง ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐาน

“แม่เข้าใจความรู้สึกของหนู แต่คุณพ่อคงมีเหตุผล”

“นาไม่เคยโกรธคุณพ่อเลยค่ะ แต่นาอยากให้คุณพ่ออยู่กับพวกเราและหาทางแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยกัน” เธอพูดตามที่รู้สึก ภาพวันวานของครอบครัวย้อนเข้ามา มันมีแต่ความสุขและเสียงหัวเราะ นับตั้งแต่นี้ไป...คงไม่มีอีกแล้ว

“กราบเท้าคุณพ่อเถอะลูก” อัญมณีสั่งให้บุตรสาวทำในสิ่งที่สามารถทำให้บิดาได้เป็นครั้งสุดท้าย ตลอดเวลาที่ผ่านมาตนเองก็พอจะรับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นของคู่ชีวิต เพียงแต่ทั้งสองไม่อยากให้ลูกสาวต้องมารับรู้ถึงปัญหาที่หนักหนาของผู้ใหญ่

งานศพของพัตพงษ์นักธุรกิจใหญ่โอบล้อมไปด้วยบรรยากาศอันโศกเศร้า โดยเฉพาะบุตรสาวเพียงคนเดียว และถึงแม้ว่าชายสูงวัยจะเป็นที่รู้จักในแวดวงนักธุรกิจ แต่แขกเหรื่อที่มาร่วมงานกลับดูบางตาจนน่าใจหาย แม้แต่นลินดายังอดน้อยใจแทนผู้ให้กำเนิดไม่ได้

“คุณแม่คะ แล้วเพื่อนๆ ของคุณพ่อล่ะคะ หายไปไหนกันหมด ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายแล้วนายังไม่เห็นเลย?” เจ้าตัวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามพร้อมๆ กับชะเง้อคอมองออกไปด้านนอกศาลา

“ไม่เป็นไรหรอกลูก ทุกคนคงจะยุ่งๆ กัน”

“ยุ่งแค่ไหน ถ้าเป็นเพื่อนกันก็น่าจะ...”

“ก็เพราะพ่อของเธอเลวจนไม่มีใครเห็นใจ ขนาดว่าตายไปแล้วยังไม่อยากมาร่วมสวดส่งวิญญาณไง” น้ำเสียงเข้มที่เจือไปด้วยความเกลียดชังดังขึ้น ความตกใจแปรเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจ ผู้ชายคนนี้มีสิทธิ์อะไรมากล่าวหาบิดาเธอ

“คุณเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาพูดจาทุเรศๆ แบบนี้”

“เดี๋ยวเธอได้รู้แน่ว่าฉันเป็นใคร ยังไงเราก็ต้องรู้จักกันไป...อีกนาน” เจ้าของใบหน้าคร้ามคมปรากฏอยู่ตรงหน้า เรือนร่างสูงใหญ่เกินมาตรฐานชายไทย นัยน์ตาสีควันบุหรี่ที่ใช้ทอดมองมาบ่งบอกให้รู้ว่าเขาไม่ใช่คนไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์

ในขณะที่เจ้าตัวเองก็ลอบสังเกตอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน เครื่องหน้าเรียวรูปไข่ จมูกโด่งเชิดรั้น ผิวขาวเนียนละเอียดบวกกับรูปร่างเล็กที่ถึงแม้อาจจะไม่สวยเท่านางแบบที่เขาเคยควง แต่ก็นับว่ายังมีเสน่ห์และความน่ารักในแบบฉบับของตนมากทีเดียว แต่พอฉุกคิดถึงความเป็นลูกคุณหนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ในขณะที่เขาต้องทนลำบากกับมารดาเพียงลำพัง สันกรามทั้งสองข้างก็นูนขึ้นด้วยอารมณ์แค้นที่ฝังแน่นในจิตใจ

'พ่อกับลูกคงจะนิสัยถอดแบบกันมา สวยแต่รูป ทว่าข้างในเน่าเฟะไปถึงไหนต่อไหน'

“ถึงคุณจะไม่ใช่คนไทยเต็มตัว แต่อีกครึ่งที่อยู่ในตัวคงไม่ได้ทำให้คุณไร้มารยาทจนลืมไปว่าตอนนี้กำลังอยู่ในงานศพนะคะ” นลินดาเชิดหน้าเตือนอีกฝ่ายด้วยแววตาไม่พอใจชัดเจน ยิ่งเห็นเขาแต่งกายด้วยเสื้อเชิ๊ตสีฟ้าอ่อนแทนการใส่ชุดดำอย่างที่ควรจะเป็น รวมไปถึงสายตาที่ใช้สำรวจร่างกายตนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก็ยิ่งสร้างความโกรธเคืองจนอดที่จะตอบโต้ออกไปไม่ได้ แม้จะอยู่ในสถานที่แบบนี้ก็ตาม

“ฮึ! ปากเก่งแบบนี้ให้ได้ตลอดนะ ที่สำคัญ...เตรียมตัวหาที่ซุกหัวนอนเอาไว้ให้ดี” มาร์ตินชี้หน้าเตือนเด็กอวดดีเสียงเข้ม

“คุณมาร์ตินคะ...ขอเวลาหน่อยนะคะ แล้วดิฉันกับลูกจะรีบย้ายออกจากบ้านให้เร็วที่สุด” หญิงสูงวัยเอ่ยปากขอร้องชายตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ้อนวอนและขอความเห็นใจ ไม่ได้นึกถือโทษกับการกระทำและคำพูดในวันนี้

“หมายความว่ายังไงคะคุณแม่ ทำไมเราสองคนต้องทำแบบนั้นด้วย?” นลินดาหันไปถามมารดาด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“นี่คงยังไม่รู้ว่าพ่อเธอทำอะไรไว้บ้าง”

“เอ่อ...คุณมาร์ตินคะ ดิฉันขอเล่าเรื่องนี้ให้ลูกฟังเองนะคะ” อัญมณีรีบขัดขึ้น เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจะพูดบางสิ่งบางอย่างออกมา

“หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก” สิ้นเสียงเจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่ก็เดินออกไปจากบริเวณนั้น ไม่แม้แต่จะสนใจไยดีและเข้าไปเคารพศพผู้วายชนม์ หรือใส่ใจใบหน้าตื่นตะลึงของอีกฝ่าย

“คุณแม่คะ ยังมีเรื่องที่นาไม่รู้ใช่ไหมคะ?”

"ไว้แม่จะเล่าให้ฟังหลังจากเสร็จงานคุณพ่อนะลูก"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel