Chapter 3
รุ่งเช้า...
@บ้านแพรดาว
“อ๊า~ เซ็กซี่ชะมัดเลยเรา” หญิงสาวเอ่ยชมตัวเองด้วยความพึงพอใจ เมื่อเธอมองตัวเองในชุดนักศึกษารัดรูปที่กระจกบานใหญ่ เธอบิดสะโพกซ้ายบิดสะโพกขวาทำราวกับว่ากำลังถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสาร หญิงสาวหมุนตัวไปมาอยู่แบบนั้นด้วยความตื่นเต้น เพราะวันนี้เธอจะกลายเป็นนักศึกษาเฟรชชี
“โอ้โห...นี่เจ๊แพรแต่งตัวจัดเต็มตั้งแต่เปิดเทอมวันแรกเลยเหรอ?” เมื่อแพรดาวเดินเข้ามาในห้องอาหาร พริกหวานน้องสาวของแพรดาว เธอทำตาลุกวาวอย่างตื่นตาตื่นใจ เมื่อเธอเห็นแพรดาวสวมเสื้อนักศึกษารัดรูปกับกระโปรงทรงเอตัวสั้นจิ๋ว ซึ่งทำให้รูปร่างที่แสนเพอร์เฟกต์ของแพรดาวยิ่งดูเซ็กซี่เย้ายวนตาเป็นอย่างมาก จนทำให้พริกหวานไม่อาจละสายตาจากพี่สาวของเธอได้เลย
"มันแน่นอนอยู่แล้วน้องรัก" แพรดาวยักไหล่ด้วยสีหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้นั่งข้างคุณแม่ของเธอ
"งื้อ...หนูอยากใส่ชุดนักศึกษาแบบเจ๊บ้างจัง เมื่อไรจะจบมัธยมสักทีเนี่ย" พริกหวานยู่ปากพูดอย่างน่ารัก
“ทุกวันนี้แกก็ใส่ชุดนักเรียนสั้นๆ ไม่ต่างจากเจ๊แพรนักหรอกยัยพริกหวาน...” พัตเตอร์น้องชายของแพรดาวส่ายหน้าอย่างระอาให้กับน้องสาวฝาแฝดของเขา เขาไม่ชอบเลยเวลาที่เห็นพี่สาวและน้องสาวของเขา ชอบใส่ชุดรัดรูปจนตกเป็นเป้าสายตาของชายหนุ่มหลายคน แต่พัตเตอร์ก็พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะมันเป็นความชอบของทั้งคู่
“จิ๊! แกไม่ขัดฉันสักวันจะได้ไหมไอ้เตอร์” พริกหวานพูดราวกับกำลังน้อยใจพี่ชายฝาแฝดของเธอ
“โธ่ๆ...พูดแค่เนี่ยน้อยใจเหรอวะ ง้อนะครับพริกเผ็ดของพี่ เอ๊ย! พริกหวาน...หึๆ...” พัตเตอร์หัวเราะในลำคอเบาๆ
“หยุดเล่นกันได้แล้วลูก รีบกินข้าว จะได้รีบไปโรงเรียน” พลอยใสเอ่ยขึ้น เมื่อลูกฝาแฝดของเธอหยอกล้อเล่นซนราวกับเด็กๆ อยู่ที่โต๊ะกินข้าว
“ครับ / ค่ะ คุณแม่” พัตเตอร์และพริกหวานตอบรับพลอยใสพร้อมกัน ก่อนจะนั่งกินข้าวเงียบ ๆ
“น้องแพรขึ้นไปเปลี่ยนกระโปรงนักศึกษาตัวใหม่ดีไหมลูก เอาไว้หนูขึ้นปีสองหรือผ่านช่วงรับน้องไปก่อน หนูค่อยเปลี่ยนมาใส่กระโปรงสั้นแบบนี้” พลอยใสเอ่ยบอกลูกสาวคนโตของเธอ เพราะพลอยใสนั้นรู้ว่าแพรดาวชอบแต่งตัวเซ็กซี่เป็นอย่างมาก และพลอยใสก็ไม่ได้เป็นคุณแม่หัวโบราณที่จะไม่เข้าใจการแต่งตัวของลูกสาว เพียงแค่อยากให้ผ่านช่วงรับน้องไปก่อนก็แค่นั้นเอง
“อืม…ป๊าก็เห็นด้วยกับแม่หนูนะ เอาไว้หนูขึ้นปีสองแล้วค่อยใส่แบบนี้นะลูก” วาโยผู้เป็นพ่อของแพรดาวเอ่ยบอกลูกสาวของเขาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“มันน่าเกลียดไปเหรอคะป๊า หนูคิดว่าใส่แบบนี้มันดูสวยเซ็กซี่ดีออก” แพรดาวเบ้ปากคว่ำเล็กน้อย เพราะเธอคิดว่าคุณพ่อและคุณแม่ของเธอไม่เห็นด้วยกับการแต่งกายแบบนี้
“ลูกสาวป๊าสวยมาก แต่ป๊าคิดว่ากระโปรงมันสั้นไปหน่อย” วาโยเอ่ยบอกลูกสาวของเขา
“ใครๆ เขาก็ใส่แบบนี้กันทั้งนั้นแหละป๊า”
“หนูเริ่มดื้อกับป๊าแล้วนะแพรดาว” วาโยเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เมื่อแพรดาวเริ่มจะไม่ฟังสิ่งที่ตนพูด
“หนูขอโทษค่ะป๊า ฟอด! ไม่โกรธหนูนะ หนูจะไปเปลี่ยนกระโปรงตัวใหม่เดี๋ยวนี้เลยค่ะ” แพรดาวเลื่อนเก้าอี้ออกและลุกขึ้นไปยกมือไหว้แนบอก พร้อมทั้งหอมแก้มผู้เป็นพ่อของเธอด้วยแววตาออดอ้อนเอาใจ และในขณะที่เธอกำลังจะหมุนตัวเพื่อขึ้นไปเปลี่ยนกระโปรงตัวใหม่ แม่บ้านก็เดินเข้ามาในห้องอาหารเสียก่อน
“คุณแพรดาวคะ คุณไรเฟิลมาถึงแล้วค่ะ” แม่บ้านเอ่ยบอกแพรดาว
“ว้ายย...ป๊า พี่เฟิลมาแล้ว งั้นหนูไปก่อนนะคะ บ๊ายยยย...” แพรดาวเธอหมุนตัวไปหยิบกระเป๋าแบรนด์หรูด้วยความร้อนรน เพราะเกรงว่าไรเฟิลที่เธอนับถือเสมือนเขาเป็นพี่ชายจะรอนาน จากนั้นหญิงสาวก็วิ่งรีบออกไปจากห้องอาหารทันที ทำให้วาโยและพลอยใสต้องส่ายหัวกับความดื้อรั้นของลูกสาวคนโต แพรดาวนั้นเหมือนเด็กที่ว่านอนสอนง่าย แต่ใครจะรู้ว่าเธอนั้นมีนิสัยดื้อรั้นเอามากๆ
“มาตรงเวลาเลยนะคะพี่ชายสุดหล่อของหนู” เมื่อแพรดาวเข้ามาในรถ เธอก็ดึงเบลต์มาคาดตัว โดยที่ยังไม่ได้หันไปมองหน้าเจ้าของรถแม้แต่น้อย เพราะเธอมั่นใจว่าเป็นรถสปอร์ตคู่ใจของไรเฟิล เพราะไรเฟิลนั้นขับรถสปอร์ตคันสีขาว ส่วนพี่ชายฝาแฝดของเขาขับรถสปอร์ตคันสีดำ
กึก~
เสียงกดล็อกรถสปอร์ตดังขึ้น จากนั้นชายหนุ่มที่อยู่บนรถก็เอ่ยทักทายหญิงสาวน้ำเสียงดุดันด้วยความไม่ชอบใจนัก เมื่อเห็นการแต่งกายของเธอ
“แต่งตัวแบบนี้ จะไปเรียนหรือจะไปอ่อยใคร?”
“...” แพรดาวหันขวับไปมองเจ้าของเสียงทันที เมื่อเสียงที่เธอได้ยินเมื่อครู่ไม่ใช่เสียงของไรเฟิล แต่กลับเป็นผู้ชายปากร้ายที่เธอไม่อยากอยู่ใกล้เขา และเร็วกว่าความคิด มือบางก็จะเอื้อมมือเพื่อไปเปิดประตูจะลงจากรถ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อรถสปอร์ตขับเคลื่อนออกไปจากบ้านของเธอด้วยความเร็ว
“จอดรถเดี๋ยวนี้ ฉันไม่อยากไปกับพี่เวย์” แพรดาวแทนตัวเองด้วยสรรพนามที่ห่างเหิน หญิงสาวมักจะแทนตัวเองว่า น้องแพรหรือหนูกับใครต่อใคร แต่กับเขา เธอมักจะแทนตัวเองว่า ‘ฉัน’ จนรันเวย์รู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งกับความสองมาตรฐานของเธอ
“แล้วคิดว่าฉันอยากไปกับเธอนักหรือไง ฮะ! ถ้าไอ้เฟิลมันไม่ขอร้องให้ฉันไปส่งเด็กที่ไม่รู้จักโตอย่างเธอ ฉันก็ไม่มีทางไปส่งเธอให้เป็นภาระตัวเองหรอก” รันเวย์พ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่อย่างหงุดหงิด และพ่นวาจาใส่หญิงสาวอย่างร้ายกาจ เมื่อเธอทำราวกับว่าจะเป็นจะตายเมื่อต้องอยู่กับเขาเพียงลำพัง แต่พอกับน้องชายฝาแฝดของเขา เธอกลับออดอ้อนมันจนน่าหมั่นไส้
“...”
“แล้วแต่งตัวแบบนี้ ไม่รู้หรือไงว่าเด็กปีหนึ่งควรแต่งกายแบบไหน ใส่สั้นแบบนี้ก้มทีก็เห็นยันกางเกงใน อยากโชว์มากหรือไงวะ” รันเวย์ปรายตามองเรียวขาขาวเนียนเพียงเล็กน้อย ก่อนจะลอบกลืนน้ำลายลงคออยู่อึกหนึ่ง
“ยุ่ง…” แพรดาวกอดอกทำหน้ามุ่ยและหันหน้าหนีมองออกไปนอกรถ เมื่อทำอะไรคนอย่างเขาไม่ได้ ทั้งๆ ที่ภายในใจเธออยากจะกรีดร้องใส่หูของเขาให้แตกไปเลย ปากเสียดีนัก...
“เหอะ...” รันเวย์แสยะยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะเปิดสปีกเกอร์โฟนในรถ เพื่อต่อสายหาณิชาเพื่อนของเขา เพราะณิชาคงจะมีกระโปรงที่มันยาวกว่าแพรดาวใส่อยู่ตอนนี้แน่ ครั้นจะรอให้ห้างเปิดก็คงไม่ทันการณ์
