บท
ตั้งค่า

บทนำ เล่ห์รักนางโจร (1)

ณ ชายแดนเนราเซียอันแห้งแล้ง ฝุ่นทรายสีทองเหลืองอร่ามตลบอบอวลลอยตัวฟุ้งอยู่กลางอากาศมีผลต่อทัศนียภาพการมองเห็นเป็นอย่างมาก

กระนั้นครอบครัว ‘อัลซิน่า’ ซึ่งมีเด็กน้อยวัยเพียงหกขวบเศษกอดคออยู่บนแผ่นหลังของผู้นำครอบครัวยังรีบเร่งเดินทาง อีกทั้งไม่สนใจด้วยว่าดวงตะวันกลมโตที่ทำมุมฉากกับผืนทรายจะร้อนเพียงใด

“ท่านพี่ ข้าเดินไม่ไหวแล้ว” นางมีนะซึ่งเดินต้วมเตี้ยมตามหลัง และเดินทางมาตลอดตั้งแต่เช้ามืดเริ่มโอดครวญขอความเห็นใจจากสามี ความอ่อนล้ามากมายกำลังถาโถมเล่นงานนาง อีกทั้งแสงแดดเจิดจ้าเริ่มทำให้สายตาของนางพร่ามัว

“อดทนอีกนิดเถิดมีนะ ถึงโอเอซิสข้างหน้าเราจะพักที่นั่น” ผู้นำครอบครัวเอ่ยคำปลอบใจด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เมื่อหันมาหาภรรยาสาวที่ทรุดตัวนั่งกลางผืนทราย อีกทั้งชายหนุ่มยังช่วยพยุงให้ภรรยาสาวลุกขึ้น แต่นางมีนะกลับไม่มีท่าทีกระตือรือร้นจะรับความช่วยเหลือ หรือแม้จะทรงตัวลุกขึ้น ซ้ำนางยังร่ำไห้ และต่อว่าโชคชะตาเมื่อนางต้องมาเผชิญหน้ากับความลำบากเป็นครั้งแรกในชีวิต

“โอ้ เจ้าร่ำไห้ด้วยเรื่องอันใดหรือมีนะ?!” อัฟฟานถามด้วยน้ำเสียงตกใจเพราะไม่เคยเห็นว่าภรรยาสาวจะเป็นเช่นนี้

“ข้าเหนื่อยเหลือเกินท่านพี่ ร่างกายของข้าร้อนผ่าวและทานทนต่อแสงแดดจักไม่ไหวแล้ว ข้าเหนื่อยล้า คอแห้งผาก และกระหายน้ำมากนัก”

อัฟฟานซึ่งรับหน้าที่แบกบุตรสาวไว้บนแผ่นหลัง นั่งชันเข่ามองภรรยาสาวที่เอาแต่ร่ำไห้แล้วผ่อนลมหายใจหนัก ๆ ออกมา ก่อนยื่นมือหนามาซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ก่อนยื่นกระติกน้ำให้ แต่นางก็ส่ายหน้า

“แข็งใจอีกสักนิดเถิดมีนะ”

“ข้าอ่อนล้าเกินกว่าจักก้าวเดิน”

สีหน้าซีดเผือดนี้เองที่ทำให้ผู้นำครอบครัวผู้เข้มแข็งต้องยอมรับถึงปัญหาใหม่เอี่ยมที่เกิดขึ้นตามมา

ครอบครัวของเขาไม่ทานทนต่อความยากลำบาก!

“เอาล่ะเราจะพักใต้ต้นไม้ตรงนั้น” อัฟฟานชี้นิ้วไปยังต้นไม้ที่ว่า ก่อนช่วยพยุงภรรยาสาวให้ลุกขึ้นแล้วมุ่งหน้าไปยังบริเวณนั้นทันที

พอได้ร่มเงาของต้นไม้ช่วยบังแสงเจิดจ้าจากของดวงอาทิตย์ รวมถึงได้ดื่มน้ำดับกระหาย นางมีนะจึงมีอาการดีขึ้นเล็กน้อย กระนั้นความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกลด้วยเท้าเป็นครั้งแรก ก็ยังฉายชัดบนใบหน้าสวยคมซึ่งเปรอะเปื้อนฝุ่นจากละอองทราย

“ลูกสาวของเราเป็นอย่างไรบ้าง?” มีนะส่งกระบอกน้ำหุ้มด้วยหนังสัตว์ซึ่งมีน้ำดื่มสะอาดอยู่เพียงน้อยนิดให้กับสามี จากนั้นนางจึงขยับตัวเข้ามาใกล้ ‘เชร่า’ ซึ่งถูกนำตัวลงจากแผ่นหลังให้มานอนอยู่บนตักของอัฟฟานผู้เป็นสามี

เด็กน้อยยังคงหลับปุ๋ยอย่างสบาย ไม่ร้องไห้โยเยหรือรบกวนสองสามีภรรยาให้ต้องปวดหัว และนางมีนะก็รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกสาวของนางหลับสบายเช่นนี้

“เชร่าเข้มแข็งมาก” น้ำเสียงของอัฟฟานเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจเมื่อเอ่ยถึงบุตรสาวเพียงคนเดียวที่แสนฉลาด อีกทั้งลูบศีรษะของเด็กน้อยเบา ๆ

“ใช่ลูกของเราเข้มแข็งมาก เฮ้อ... หากเรามีอัฐติดตัวสักนิด เชร่าคงมีที่นอนที่สบายมากกว่านี้” มีนะกล่าวอย่างมีความหวัง ซึ่งถ้อยคำของนางนั้นกรีดลึกลงในเนื้อใจของอัฟฟานเป็นอย่างมาก

“พี่เสียใจสำหรับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นมีนะ... ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนพี่ทำอะไรไม่ถูก แค่ท่านชีคอับดุล ฮาเหม็ดละเว้นชีวิตของพวกเราทุกคนทั้งครอบครัว ก็ถือว่าท่านมีเมตตามากแล้ว” แม้จะถูกขับไล่ออกจากนครเนราเซียด้วยข้อหากบฎคบค้ากับโจรอินทรีทะเลทราย แต่ความซื่อสัตย์ จงรักษ์ภักดีที่อัฟฟานซึ่งเป็นถึงเสนาบดีก็ยังมีให้ชีคผู้ปกครองนครไม่เคยเสื่อมคลาย

แต่ถ้อยคำนั้นกลับทำให้นางมีนะหน้าตึงขึ้นมาได้

“ไม่เลยท่านพี่ ท่านชีคอับดุล ฮาเหม็ดมิได้เมตตาพวกเรา ชีคผู้นั้นยึดทุกอย่างที่เป็นของเราไป ทั้งแก้วแหวน เงินทอง บ้าน แผ่นดินที่เราเกิด หรือแม้แต่ความสุขสบาย ถ้าพูดกันตามความจริง ชีคผู้นั้นประทานความตายอย่างช้า ๆ ให้เราทั้งครอบครัวต่างหาก!”

“เหตุใดท่านชีคอับดุล ฮาเหม็ดต้องทำเช่นนั้นด้วยเจ้าคะ?” เชร่าลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียพร้อมคำถาม จากนั้นนางงามตัวน้อยจึงลุกขึ้นจากตักอุ่นของผู้เป็นพ่อ

“โอ้เชร่า!” อัฟฟานรีบกอดลูกสาวตัวน้อยเอาไว้รวมถึงจุมพิตที่ขมับเบา ๆ “ลูกสาวที่น่ารักของพ่อ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel