
บทย่อ
เพื่อสืบหารังโจรนูฮา และปกป้องเนราเซียนครจากขุนนางกบฏชีคซีดัสจึงปลอมตัวเป็นพ่อค้าเร่ร่อนสืบหาหลักฐานชิ้นสำคัญด้วยความโชคร้ายเขาถูกนางโจรเจ้าเล่ห์ 'ปล้น' เอาทรัพย์สินของมีค่าจนหมดตัวอีกทั้งนางยังปล้นเอาหัวใจของเขาไปซะก่อน ภารกิจค้นหารังโจรนูฮา และการออกตามล่า'นางโจรเจ้าเสน่ห์' จึงเริ่มต้นในคราเดียวกัน“อยู่เฉย ๆ ดีกว่าน่า ข้าเตือนเจ้าแล้วนะเชร่า”“ข้าไม่ฟัง ปล่อยข้านะ!”“เจ้าไม่มีสิทธิ์สั่งข้า” ชีคหนุ่มแย้งขึ้น“ท่านเองก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ เจ้าพ่อค้า!” เชร่าโต้กลับมาอย่างหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเลย“ทำไมถึงไม่มีสิทธิ์ ในเมื่อเจ้าคือทาสที่น่ารักของข้า” ชีคหนุ่มยิ้มมุมปาก“ข้าไม่ใช่ทาสเจ้า!” เชร่าตะโกนใส่หน้า กิริยานี้เองที่ทำให้ชีคซีดัสรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งนาง เขาแค่อยากจับให้นางอยู่เฉย ๆ แล้วเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เท่านั้น“ใช่สิ เจ้าเป็นสมบัติของข้า ข้าจะสั่งสอนให้เจ้าได้รู้ว่า เจ้าควรปฏิบัติตัวต่อข้าผู้เป็นนายอย่างไร”สิ้นคำชีคซีดัสจึงแกล้งยื่นหน้าลงมาใกล้เพื่อทำเป็นจุมพิตหญิงสาว แต่เชร่าก็ไหวตัวได้ทัน นางรีบเบือนหน้าหลบริมฝีปากอุ่นอีกทั้งยังเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่ ชีคซีดัสจึงชะงักไป อยากจะหัวเราะกับกิริยาของนางโจรสาว แต่เมื่ออยู่ใกล้ชิดนางเกินความจำเป็นและเห็นถึงความงามอันผุดผาด ความต้องการที่จะแกล้งนางเล่นจึงเปลี่ยนเป็นทำจริงขึ้นมา เขาจึงเปลี่ยนมาจุมพิตที่แก้มเนียนของหญิงสาวแทน ซึ่งกลิ่นหอมของนางยิ่งกระตุ้นให้หัวใจของเขาเต้นถี่แรงกว่าเดิมเรื่องที่คุณน่าจะสนใจ
บทนำ เล่ห์รักนางโจร (1)
ณ ชายแดนเนราเซียอันแห้งแล้ง ฝุ่นทรายสีทองเหลืองอร่ามตลบอบอวลลอยตัวฟุ้งอยู่กลางอากาศมีผลต่อทัศนียภาพการมองเห็นเป็นอย่างมาก
กระนั้นครอบครัว ‘อัลซิน่า’ ซึ่งมีเด็กน้อยวัยเพียงหกขวบเศษกอดคออยู่บนแผ่นหลังของผู้นำครอบครัวยังรีบเร่งเดินทาง อีกทั้งไม่สนใจด้วยว่าดวงตะวันกลมโตที่ทำมุมฉากกับผืนทรายจะร้อนเพียงใด
“ท่านพี่ ข้าเดินไม่ไหวแล้ว” นางมีนะซึ่งเดินต้วมเตี้ยมตามหลัง และเดินทางมาตลอดตั้งแต่เช้ามืดเริ่มโอดครวญขอความเห็นใจจากสามี ความอ่อนล้ามากมายกำลังถาโถมเล่นงานนาง อีกทั้งแสงแดดเจิดจ้าเริ่มทำให้สายตาของนางพร่ามัว
“อดทนอีกนิดเถิดมีนะ ถึงโอเอซิสข้างหน้าเราจะพักที่นั่น” ผู้นำครอบครัวเอ่ยคำปลอบใจด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เมื่อหันมาหาภรรยาสาวที่ทรุดตัวนั่งกลางผืนทราย อีกทั้งชายหนุ่มยังช่วยพยุงให้ภรรยาสาวลุกขึ้น แต่นางมีนะกลับไม่มีท่าทีกระตือรือร้นจะรับความช่วยเหลือ หรือแม้จะทรงตัวลุกขึ้น ซ้ำนางยังร่ำไห้ และต่อว่าโชคชะตาเมื่อนางต้องมาเผชิญหน้ากับความลำบากเป็นครั้งแรกในชีวิต
“โอ้ เจ้าร่ำไห้ด้วยเรื่องอันใดหรือมีนะ?!” อัฟฟานถามด้วยน้ำเสียงตกใจเพราะไม่เคยเห็นว่าภรรยาสาวจะเป็นเช่นนี้
“ข้าเหนื่อยเหลือเกินท่านพี่ ร่างกายของข้าร้อนผ่าวและทานทนต่อแสงแดดจักไม่ไหวแล้ว ข้าเหนื่อยล้า คอแห้งผาก และกระหายน้ำมากนัก”
อัฟฟานซึ่งรับหน้าที่แบกบุตรสาวไว้บนแผ่นหลัง นั่งชันเข่ามองภรรยาสาวที่เอาแต่ร่ำไห้แล้วผ่อนลมหายใจหนัก ๆ ออกมา ก่อนยื่นมือหนามาซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ก่อนยื่นกระติกน้ำให้ แต่นางก็ส่ายหน้า
“แข็งใจอีกสักนิดเถิดมีนะ”
“ข้าอ่อนล้าเกินกว่าจักก้าวเดิน”
สีหน้าซีดเผือดนี้เองที่ทำให้ผู้นำครอบครัวผู้เข้มแข็งต้องยอมรับถึงปัญหาใหม่เอี่ยมที่เกิดขึ้นตามมา
ครอบครัวของเขาไม่ทานทนต่อความยากลำบาก!
“เอาล่ะเราจะพักใต้ต้นไม้ตรงนั้น” อัฟฟานชี้นิ้วไปยังต้นไม้ที่ว่า ก่อนช่วยพยุงภรรยาสาวให้ลุกขึ้นแล้วมุ่งหน้าไปยังบริเวณนั้นทันที
พอได้ร่มเงาของต้นไม้ช่วยบังแสงเจิดจ้าจากของดวงอาทิตย์ รวมถึงได้ดื่มน้ำดับกระหาย นางมีนะจึงมีอาการดีขึ้นเล็กน้อย กระนั้นความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกลด้วยเท้าเป็นครั้งแรก ก็ยังฉายชัดบนใบหน้าสวยคมซึ่งเปรอะเปื้อนฝุ่นจากละอองทราย
“ลูกสาวของเราเป็นอย่างไรบ้าง?” มีนะส่งกระบอกน้ำหุ้มด้วยหนังสัตว์ซึ่งมีน้ำดื่มสะอาดอยู่เพียงน้อยนิดให้กับสามี จากนั้นนางจึงขยับตัวเข้ามาใกล้ ‘เชร่า’ ซึ่งถูกนำตัวลงจากแผ่นหลังให้มานอนอยู่บนตักของอัฟฟานผู้เป็นสามี
เด็กน้อยยังคงหลับปุ๋ยอย่างสบาย ไม่ร้องไห้โยเยหรือรบกวนสองสามีภรรยาให้ต้องปวดหัว และนางมีนะก็รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกสาวของนางหลับสบายเช่นนี้
“เชร่าเข้มแข็งมาก” น้ำเสียงของอัฟฟานเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจเมื่อเอ่ยถึงบุตรสาวเพียงคนเดียวที่แสนฉลาด อีกทั้งลูบศีรษะของเด็กน้อยเบา ๆ
“ใช่ลูกของเราเข้มแข็งมาก เฮ้อ... หากเรามีอัฐติดตัวสักนิด เชร่าคงมีที่นอนที่สบายมากกว่านี้” มีนะกล่าวอย่างมีความหวัง ซึ่งถ้อยคำของนางนั้นกรีดลึกลงในเนื้อใจของอัฟฟานเป็นอย่างมาก
“พี่เสียใจสำหรับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นมีนะ... ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนพี่ทำอะไรไม่ถูก แค่ท่านชีคอับดุล ฮาเหม็ดละเว้นชีวิตของพวกเราทุกคนทั้งครอบครัว ก็ถือว่าท่านมีเมตตามากแล้ว” แม้จะถูกขับไล่ออกจากนครเนราเซียด้วยข้อหากบฎคบค้ากับโจรอินทรีทะเลทราย แต่ความซื่อสัตย์ จงรักษ์ภักดีที่อัฟฟานซึ่งเป็นถึงเสนาบดีก็ยังมีให้ชีคผู้ปกครองนครไม่เคยเสื่อมคลาย
แต่ถ้อยคำนั้นกลับทำให้นางมีนะหน้าตึงขึ้นมาได้
“ไม่เลยท่านพี่ ท่านชีคอับดุล ฮาเหม็ดมิได้เมตตาพวกเรา ชีคผู้นั้นยึดทุกอย่างที่เป็นของเราไป ทั้งแก้วแหวน เงินทอง บ้าน แผ่นดินที่เราเกิด หรือแม้แต่ความสุขสบาย ถ้าพูดกันตามความจริง ชีคผู้นั้นประทานความตายอย่างช้า ๆ ให้เราทั้งครอบครัวต่างหาก!”
“เหตุใดท่านชีคอับดุล ฮาเหม็ดต้องทำเช่นนั้นด้วยเจ้าคะ?” เชร่าลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียพร้อมคำถาม จากนั้นนางงามตัวน้อยจึงลุกขึ้นจากตักอุ่นของผู้เป็นพ่อ
“โอ้เชร่า!” อัฟฟานรีบกอดลูกสาวตัวน้อยเอาไว้รวมถึงจุมพิตที่ขมับเบา ๆ “ลูกสาวที่น่ารักของพ่อ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น”
