บทที่ 6
การเป่ายิ้งฉุบเกิดขึ้นสามครั้งและคนที่เอาชนะไปได้อย่างขาดลอยแบบสามต่อศูนย์ก็คือราเชน นั่นทำให้โสภิตาหน้ามุ่ยก่อนจะส่งกุญแจรถให้ชายหนุ่มไป สุดท้ายคนนั่งเฉยๆ แบบเธอก็อดไม่ได้ที่จะช่วยราเชนเหยียบเบรกตอนเข้าโค้ง พร้อมกับคิดว่าเธอต้องเมารถแน่ๆ ทว่าสุดท้ายกลับไม่เป็นแบบนั้น
“ดอกเหลืองๆ ตรงเนินเขาใช่ดอกบัวตองหรือเปล่าครับ”
“ใช่”
“คุณหวานจะให้ผมจอดรถแล้วลงไปถ่ายรูปไหม” ที่ถามเพราะเห็นรถจอดริมถนนหลายคัน รวมไปถึงผู้คนที่มาเยือนที่นี่เพื่อถ่ายรูป
“ไม่ล่ะ”
“ทำไมละครับ”
“ฉันไม่ใช่สายชอบถ่ายรูปอะไร”
“ครับ” ราเชนเอ่ยรับ ซึ่งจังหวะนั้นเขากำลังขับรถผ่านจุดที่ดอกบัวตองกำลังบานสะพรั่งเต็มสองข้างทาง ในขณะที่โสภิตาก็ไม่ได้แสดงออกว่าสนใจดอกไม้พวกนี้
เขาขับรถมาตามเส้นทางที่เธอบอกเรื่อยๆ กระทั่งผ่านจุดที่ถูกจี้เมื่อวันนั้นแต่ก็ไม่ได้เล่าให้โสภิตาฟัง ขับต่อมาอีกสักพักก็ถึงทางเข้าไร่ เมื่อมาถึงยอดก็ถามไถ่ว่าราเชนนั้นได้เจอญาติไหม พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็เสนอให้ชายหนุ่มอยู่ทำงานเสียที่นี่ อย่างน้อยก็มีที่อยู่มีข้าวให้กินครบสามมื้อ
“ว่าไง จะอยู่ทำงานที่นี่ไหม”
“อยู่ครับพ่อนาย”
“อืม...ดี” ยอดเอ่ยรับส่วนโสภิตาก็ไม่ได้คัดค้านเช่นกัน เธอให้ลูกน้องจัดแจงที่อยู่ให้ราเชนซึ่งเป็นห้องพักคนงานที่ยังว่าง หาเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวมาให้อีกชุดพร้อมกำชับให้บอกกฎระเบียบของที่นี่ให้ฟัง รวมถึงวันทำงานเริ่มกี่โมงหมดที่กี่โมงแต่ละวันต้องทำอะไรบ้างก็ขึ้นอยู่กับหน้างานวันนั้นๆ
ราเชนนั่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่หน้าห้องพัก นั่งไปนั่งมาก็ทิ้งตัวลงนอนเอามือสอดไว้ตรงท้ายทอย เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่วันนี้ฟ้านั้นสีสวยเป็นพิเศษ ฟ้าแบบนี้คงหาไม่ได้ที่กรุงเทพฯ ก่อนที่ดำจะวิ่งมาหาแล้วส่งโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้
“มีคนโทรหา” เจ้าของโทรศัพท์เอ่ยบอก เพราะวันก่อนราเชนยืมโทรศัพท์ดำโทรหาลูกน้อง
“ขอบใจมากดำ”
“อืม...คุยเสร็จค่อยเอาไปคืน” ดำเอ่ยรับแล้วปลีกตัวออกไป ราเชนจึงเอ่ยทักปลายสายซึ่งก็คือลูกน้องคนสนิทที่เป็นมือขวาของเขานั่นเอง กิติโทรกลับมาเพื่อรายงานว่าตอนนี้ตนนั้นได้ทำตามคำสั่งของเจ้านายอย่างครบถ้วนแล้ว
ทั้งเรื่องแจ้งไปที่บ้านว่าตอนนี้เจ้านายหนุ่มลาพักร้อน ซึ่งพ่อของราเชนก็รับรู้และไม่ได้ถามไถ่อะไรมากมายนัก ทั้งเรื่องโจรที่สถานีขนส่งก็แจ้งให้นายตำรวจท่านหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของราเชนทราบแล้วเช่นกัน เห็นว่าทางนั้นก็ประสานกับตำรวจในพื้นที่จัดการตามขั้นตอนต่อไป
“ช่วงนี้ถ้าใครถามถึงฉันนายก็บอกไปว่าฉันลาพักร้อน ติดต่อไม่ได้” ใครที่ว่าแม้ราเชนจะไม่เอ่ยชื่อออกมาแต่ปลายสายก็พอจะรู้ว่าเป็นใคร
เจ้านายเขานั้นหล่อ หน้าที่การงานดีจึงเนื้อหอม สาวๆ ล้วนอยากทำความรู้จัก แต่สาวๆ บางคนก็รุกหนักมากไปหน่อยจนราเชนถอยห่าง ยิ่งทำแบบนั้นชายหนุ่มก็ยิ่งอึดอัดจนสร้างกำแพงกั้นไว้สูงลิ่ว
“ครับเจ้านาย”
“งานด่วนระยะนี้คงไม่มีเพราะก่อนมาฉันเคลียร์หมดแล้ว ถ้ามันมันด่วนจริงๆ นายก็โทรเข้าที่เครื่องนี้ ดำจะบอกฉันเอง คุณพ่อท่านไม่ได้สงสัยอะไรใช่ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถามถึงพ่อขึ้นมา เพราะคนสำคัญของราเชนตอนนี้เหลือเพียงผู้เป็นพ่อเท่านั้น แต่ท่านก็วางมือจากงานที่ต้องรับผิดชอบมาหลายปีแล้วไปใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าไปก้าวก่าย เขาเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเด็กและคนที่เลี้ยงดูเขามาคือแม่นม ทว่าท่านเองก็เสียไปเมื่อเดือนก่อนเช่นกัน
“ไม่ได้สงสัยครับ” ปลายสายเอ่ยรับ
“ดีแล้ว” เอ่ยเพียงแค่นั้นทั้งคู่ก็วางสายจากกัน ราเชนเกรงใจดำเรื่องโทรศัพท์แต่อีกไม่นานเขาจะตอบแทนน้ำใจกลับให้เช่นกัน
หัวค่ำวันนั้น โสภิตาหอบหิ้วผ้าห่มกับที่นอนมาให้ราเชนอีกชุด ชายหนุ่มเอ่ยขอบคุณเธอและคิดว่าอีกฝ่ายจะคุยอะไรกับเขา ทว่าเธอเอาแค่ของมาให้ก็กลับบ้านไป
“หวังอะไรอยู่วะเรา” ราเชนเอ่ยถามตัวเองอย่างไม่เข้าใจ ผู้หญิงมากมายเข้าหาเขาเขาก็เอาแต่หนีแต่พอเจอผู้หญิงที่ไม่สนใจใยดีกลับอยากให้เธอเข้าหาหรือเขาจะถูกตีหัวจนเพี้ยนไปแล้ว
“ลงไปไหนมาลูก”
“เอาผ้าห่มไปให้นายราเชนมาค่ะพ่อ”
“ดูแลเขาหน่อย ญาติที่ไหนก็ไม่มีให้พึ่ง” นั่นเพราะโสภิตาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผู้เป็นพ่อฟังแล้วนั่นเอง
“ค่ะ เห็นบอกว่าจะอยู่ทำงานกับเราสักพัก” โสภิตาเอ่ยบอกซึ่งยอดก็พยักหน้ารับรู้ แม้ตอนนี้คนงานในไร่จะมีมากพอแล้วแต่กลับไม่ได้ผลักไสราเชนให้ออกไปแต่อย่างใด
ราเชนทำงานใช้แรงแลกข้าวแลกที่อยู่อาศัย แต่ถึงอย่างนั้นโสภิตาก็ให้เงินค่าแรงเหมือนคนงานคนอื่นๆ ซึ่งที่นี่จ่ายเป็นรายอาทิตย์
“น้อยไปเหรอ”
“เปล่าครับ” เสียงทุ้มปฏิเสธ ที่เขานั่งมองเงินในมือเพราะรู้สึกภูมิใจกับตัวเองมากกว่า กว่าจะได้เงินก้อนนี้มาเขาต้องเอาแรงเข้าแลก บางทีการได้มาอยู่ที่นี่อาจทำให้เขาได้รู้จักการใช้ชีวิตจริงๆ ก็เป็นได้
“เห็นจ้องเอาจ้องเอา”
“ผมแค่ดีใจที่มีเงิน”
“ปกตินายทำงานไม่ได้เงินเดือนหรือไง”
“แรกๆ ได้ครับ แต่หลังๆ ถูกเขาโกง ผมเลยมาหาญาติที่นี่” ราเชนกุเรื่องเป็นตุเป็นตะ เรียกได้ว่าเล่นละครสมบทบาทจนใครๆ ก็จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
“แจ้งตำรวจจับพวกที่โกงนายแล้วหรือยัง” โสภิตาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เพราะการถูกโกงไม่ใช่เรื่องสนุก
“แจ้งไปก็เท่านั้น ผมมันคนหาเช้ากินค่ำ ตำรวจคงไม่เหลียวแล” คนรับบทผู้ถูกกระทำเอ่ยบอกอย่างน่าสงสาร โสภิตาได้แต่ถอนหายใจออกมาหนักๆ แล้วสั่งให้ราเชนไปทำงาน สมองจะได้ไม่ว่างมานั่งคิดเรื่องฟุ้งซ่าน
คำสั่งของเธอทำเอาชายหนุ่มปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน เพราะนึกว่าจะปลอบใจเขาแต่กลับสั่งให้เขาไปทำงานต่อ แถมยังให้เขาทำอะไรที่ไม่เคยทำเช่น...
“ปีนตัดแต่งกิ่งลำไยหน่อย”
“ผมเหรอครับ”
