บท
ตั้งค่า

บทที่6. เจ็บตรงไหน

“นี่เสียงปกติของผมครับ” เขาตอบรับหน้าตาเฉย “แล้วคุณเลโอพอจะให้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับตัวคุณเองบ้างหรือยัง”

ใบหน้าคมเข้มเงยหน้าขึ้นเผยดวงตาสีควันบุหรี่ที่ดูลึกลับราวกับซ่อนบางสิ่งบางอย่างไว้ แม้ผมยาวจะรุยร่ายไม่เป็นทรงนักแต่ก็ไม่อาจปิดบังรัศมีอำนาจบางอย่างออกมา

“ผมเป็นพ่อค้าบังเอิญเจอกลุ่มโจรทะเลทรายเข้าดักปล้นชิงสินค้า”

“หน้าตาไม่เหมือนพ่อค้าเลยสักนิด” กีวอนดักคอจนจัสมิน ต้องแกล้งกระเอมไอเป็นการเตือน

“ลำบากหน่อยนะคะ ฉันส่งคนของฉันไปดูไม่พบร่องลอยอะไรเลย” จัสมินรีบตัดบทก่อนที่องครักษ์จะทำเสียงเรื่องอีก

“ไม่...ไม่พบใครเลยหรือ”

“แทบไม่มีร่องรอยอะไรเลย ว่างเปล่าราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น”

‘บัดซบ! พวกมันทำลายหลักฐานเกลี้ยงเลยอย่างนั้นเรอะ!’ ซาคีล ได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความโมโหและอารมณ์โกรธทำให้เขาเจ็บแผลจนต้องคู้ตัวงอลงไป

“ว้าย!เลโอ คุณเจ็บตรงไหน ให้ฉันตามหมอไหม!” จัสมินผวาเข้าไปประคอง โดยไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของเธอทำให้ผิวเนียนนุ่มภายใต้เสื้อเชิ้ตนั้นสัมผัสกับร่างคนเจ็บราวกับไม่มีสิ่งใดขวางกั้น

“ไม่เป็นไร เจ็บแค่นี้” ‘ยิ่งเจ็บเท่าไหร่ จะต้องเอาคืนอย่างสาสม’ เขากัดฟันด้วยความโกรธแค้น “ผมขอบคุณในความเมตตาของคุณ ขอให้ผมแข็งแรงสักหน่อยจะเดินทางกลับบ้านของตัวเอง”

“ได้ ถ้าอยากให้ติดต่อญาติก็ได้นะ ฉันจะช่วยเอง”รอยยิ้มจริงใจแต้มบนใบหน้าหวานทำให้หญิงสาวงดงามรามเทพธิดาก็ไม่ปาน

“ไม่เป็นไรขอแค่บาดแผลทุเลาผมจะไป” ซาคีลหรือเลโอไม่ค่อยคุ้นกับการที่จะพูดจาอ่อนน้อมกับใครนัก ก็เมื่อครู่หญิงสาวได้บอกไปแล้วว่า ‘อย่าเสียงดังกับผู้หญิง’ “แล้วทำไมหญิงสาวสวยอย่างคุณถึงไปแทบนั้นพอดี”

“คุณจัสมินไปดูสถานที่เพื่อจะสร้างโรงเรียน” กีวอนชิงตอบก่อน แต่เพียงเอ่ยได้เท่านั้น ไนราและคนรับใช้ก็นำอาหารชุดใหญ่เข้ามา สายตาของกีวอนจับจ้องร่างเล็กที่ขยับจัดวางอาหารอย่างคล่องแคล้วแล้วก็อดชื่นชมไม่ได้ ‘ปกติเห็นซุ่มซ่ามเป็นประจำ’

“ทานอาหารเช้ากันเถอะ คุณเลโอจะได้ทานยาด้วย”

“ดีจริงด้วย ไนรามาทานพร้อมกันซิ นั่งข้างกีวอนนั้นแหละ” ถึงแม้เธอจะไม่ใช่กามเทพ แต่พอจะดูออกว่าไนรามีใจให้องครักษ์ข้างกายเธอขนาดไหน

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวรับคำอย่างเอียงอายแต่พอหันไปสบตาคนที่นั่งหน้าตึงอยู่ข้างๆ ก็ได้แต่สะดุ้งจนตัวลีบ

“ผมยังเจ็บแผลอยู่คงทานไม่ได้เยอะนัก” ซาคีลออกตัว เขาเองก็ไม่ค่อยได้ทานมือเช้านัก และบรรยากาศทานอาหารร่วมกันเต็มโต๊ะแบบนี้เกิดขึ้นแทบนับครั้งได้ ชีวิตเขาเคยชินกับความโดดเดี่ยวมากกว่า แม้กระทั่งอยู่ในสนามรบก็ยังไม่เคยได้ทานอาหารร่วมกับพลทหารคนอื่นๆ

“ไม่เป็นไรค่ะ ทานสักหน่อยอย่างน้อยยาจะได้ไม่กัดกระเพาะ” จัสมินพูดปนยิ้มแล้วเลื่อนอาหารมาตรงหน้าคนเจ็บ “อยากได้อะไรบอกได้นะคะ”

“อยากได้หนังสือพิมพ์ครับ” ประโยคของซาคีลทำเอากีวอนหลุดหัวเราะพรืดออกมา

“ทานมื้อเช้าพร้อมหนังสือพิมพ์ระวังจะเครียดนะครับ”คนตัวใหญ่สุดตั้งใจประชดผู้เป็นนาย

“ขอโทษนะฉันมันพวกเสพติดข่าวสารบ้านเมือง” จัสมิ-นค้อนวงใหญ่เข้าให้ทำให้ไนราหัวเราะออกมาเบาๆ “ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่เราก็รู้ว่าโลกเคลื่อนไหวยังไง”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมาถึงบาเรียลก็ได้นี่ครับนั่งอยู่วังเอ๊ย บ้านก็รับทราบข้อมูลได้เหมือนกัน” กีวอนย้อนกลับเข้าให้

“แต่ถ้าเราไม่มาเห็นกับตาเราจะรู้ได้ไงว่าสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านแทบนี้เป็นยังไง” จัสมินแอบแลบลิ้นใส่องครักษ์ของตัวเอง

มันเป็นบรรยากาศแปลกๆ ที่ซาคีล อัล ดาเร หรือฉายาราชสีห์ทะเลทราย ผู้ปกครองประเทศ อาเนียดาเร ไม่ค่อยได้พบนัก นอกจากอาหารจะหอมกรุ่นแล้วรอบข้างยังอบอุ่นจนเขาไม่อยากนึกถึงบาดแผลที่เกิดที่ร่างกายของตนเองเลย โดยเฉพาะเสียงหัวเราะสดใสขององค์หญิงจัสมินที่กังวานราวกับระฆังในมหาวิหาร

น่าแปลก! ข่าวที่เขาได้มา องค์หญิงพระองค์นี้แสนจะเปรี้ยวและโฉบเฉี่ยวอยู่ในแวดวงไฮโซที่อังกฤษ แม้จะยังเป็นนักศึกษาก็ควงหนุ่มๆ ไม่ซ้ำหน้า กระทั่งในงานเลี้ยงคืนนั้น...เขาก็เห็นเต็มสองตาว่าเธอเต้นรำกับทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่จนน่าเมื่อยขาแทน การที่เธอเดินทางมาเมืองชายแดนที่ไม่มีอะไรน่าท่องเที่ยวหรือชอปปิ้งนั้นเล่า เพียงเพื่อจะมาดูสถานที่สร้างโรงเรียนจริงหรือ? มันใช่ตัวตนตนที่แท้จริงของเธอหรือไม่

แต่ที่แน่ๆ เพราะหญิงสาวเจ้าของเรือนผมหยักศกสีแดงเพลิงคนนี้ คือคนช่วยชีวิตเขาจากค่ำคืนแห่งการทรยศหักหลัง!.

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel