บทที่5. เป็นคนดีหรือเปล่า
นิ้วเรียวพรมอยู่บนแป้นคีย์บอร์ดอย่างชำนาญ ข้อมูลต่างๆ ที่ต้องการปรากฏขึ้นตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ช่วงนี้ตลาดหุ้นผันผวนจนน่ากลัวนักลงทุนต่างโยกย้ายเงินลงทุนไปซื้อทองคำเป็นจำนวนมาก จัสมิน ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัวเมื่ออ่านข่าวในอินเตอร์เนทจากทั่วทุกมุมโลกเช่นทุกเช้า
“มีข่าวระเบิดพลีชีพที่ไหนรึครับคุณจัสมิน”
“เอ๋…ระเบิดพลีชีพที่ไหน?” จัสมินเงยหน้ามององครักษ์ร่างยักษ์มีถาดกาแฟและขนมปังปิ้งที่ดูจะไม่เข้ากันกับคนตัวโตเลยสักนิด
“ก็คุณจัสมินทำหน้าเครียดนี่ครับ”
“ฉันดูข่าวเศรษฐกิจต่างหากละ” จัสมินเบ้ปากพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เมื่อมองไปด้านหลังกีวอนถึงรู้ว่าไนรายืนอยู่ด้านหลัง ตอนนี้ก็เลยเข้าใจว่าถาดอาหารเช้านั้นเป็นของไนราต่างหาก
“มันจะกระทบประเทศของเราด้วยเหรอคะ” ไนราถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“มันกระทบไปทั่วโลกนั่นแหละ แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีสติมากกว่ากัน” จัสมินยิ้มพลางยกกาแฟรสเข้มขึ้นจิบแล้วใบหน้าก็คลายกังวลลงทันที
“คุณจัสมินนี่ชอบกาแฟดำเป็นชีวิตจิตใจจริงๆ นะครับ” กีวอนอดแซวไม่ได้ ไม่บ่อยนักที่เขาจะเจอผู้หญิงดื่มกาแฟดำขนาดนี้
“กาแฟอย่างอื่นฉันก็ชอบจ๊ะ” หญิงสาวเอียงคอแล้วยิ้ม “แล้วพวกคุณตื่นมาทำอะไรแต่เช้าเนี่ย แค่กาแฟฉันไปเอาในครัวเองก็ได้”
“การตื่นสายเป็นสิ่งไม่เหมาะไม่ควรอยู่แล้ว แต่คุณจัสมินตื่นเช้านี่ค่ะทั่งที่เมื่อคืนก็นอนดึก” ไนราอดเป็นห่วงไม่ได้
“ตอนอยู่ลอนดอนก็เป็นอย่างนี้แหละ ตื่นเช้านี่ซิดีอากาศสดชื่นจะตาย”
“แต่ตื่นมาอ่านข่าวเครียดๆ แต่เช้าก็ไม่ดีนะครับ” กีวอนดักคออย่างรู้ทัน
“ก็เผื่อจะมีข่าวคนหายบ้างไง” จัสมินยิ้มอย่างมีเลศนัย “น่าแปลกนะ ขนาดหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นยังไม่มีข่าวเลย”
“ครับน่าแปลกมาก” กีวอนก้มศีรษะยอมรับความคิดของผู้เป็นนาย
ฉันจำได้ดี วันนั้นมีศพกลาดเกลื่อนเต็มไปหมด” หญิงสาวพึมพำออกมาแต่ภาพผู้คนล้มตายไม่ต่ำกว่าสามสิบศพทำให้เธอไม่อาจลืมได้ง่ายๆ จะว่าไปนั่นเป็นครั้งแรกที่เห็นภาพคนตายมากมายต่อหน้า
“ครับ...พอย้อนกลับไปดูกลับไม่เหลือร่องลอยอะไรเลย” แม้ว่ากีวอนจะชินชากับสภาพศพทุกรูปแบบแต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่มีคนจัดการเก็บหลักฐานตรงนั้นเสียเกลี้ยง
“คุณจัสมินสงสัยคุณเลโอใช่มั๊ยคะ...เขาเป็นคนไม่ดีหรือเปล่า” ไนราอดหวาดๆ ไม่ได้ ท่านพ่อสอนเสมอว่าเดี๋ยวคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจไม่ควรเชื่อใจใครทั้งสิ้น
“เป็นคนดีหรือเปล่าฉันไม่รู้หรอกแต่ที่แน่ๆ จะทำยังไงให้เขาคายความจริงออกมาต่างหาก” จัสมินยิ้มทะเล้นออกมาแล้วลุกขึ้นยืน
“ฉันว่าเราเปลี่ยนที่กินกาแฟดีไหม”
ซาคีล อัล ดาเร ขยับตัวลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก มือใหญ่ทาบที่อกซึ่งมีผ้าพันแผลพันคาดทับตัวของเขาราวกับมัมมี่ แต่ยิ่งเห็นบาดแผลก็อดโมโหไม่ได้และทุกครั้งที่ความโกรธแค้นเต้นริ้วในกระแสเลือดเขาจะต้องเจ็บปวดที่บาดแผลทุกครั้ง
“ลุกขึ้นมาทำไมนะเลโอ เดี๋ยวแผลก็เปิดหรอก” จัสมินส่งเสียงดังไปก่อนที่ร่างเพรียวจะก้าวพรวดไปถึง สองมือพยายามจะกดไหล่ให้คนตัวใหญ่ลงนอนแต่เขากลับโบกมือห้ามเสียก่อน ในวินาทีที่จัสมินเงยหน้าขึ้นก็ถูกดวงตาสีควันบุหรี่จ้องมอง ริมฝีปากหยักเหมือนจะคลี่ยิ้มเมื่อปลายจมูกโด่งของชายหนุ่มได้สัมผัสแก้มเนียนเบาๆ
“คราวหน้าผมคงต้องมานอนเฝ้า เพื่อว่าคุณจะเอาอะไรจะได้ไม่ลำบากนายของผม”
เสียงของกีวอนกับใบหน้าราบเรียบไร้ความรู้สึกทำให้จัสมินรีบผละออกมายืนห่างๆ หญิงสาวแปลกใจตัวเองที่จิตใจสั่นไหวเพียงแค่สัมผัสกันโดยบังเอิญ แถมลมหายใจอุ่นๆ ปนกลิ่นยากลับทำให้เธอร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ หรือเธอกำลังจะเป็นคนป่วยเสียเอง?
“มิได้...เราเป็นเพียงผู้อาศัยจะทำตัวอย่างนั้นได้อย่างไร” เลโอก้มศีรษะลงเล็กน้อยอย่างเจียมตัว แต่ซ่อนรอยยิ้มไว้ เขารู้ฐานะที่แท้จริงของหญิงสาวตรงหน้าแล้วก็ย่อมเข้าใจหน้าที่ขององครักษ์ดี แต่คำพูดคำจาที่กล่าวออกมาราวกับพี่ชายที่หวงน้องสาวช่างน่าขันนัก หรือคนในราชวงค์อัจฟาห์ชอบทำอะไรแปลกๆ อย่างนี้
“หิวหรือยังคะ เดี๋ยวไนราไปเตรียมอาหารเช้าให้ดีกว่าไหม” ไนรายิ้มกว้างออกมา เมื่อเห็นคนเจ็บอาการดีขึ้นแล้ว ก็ตอนที่ท่านจัสมินพามานั้นร่างกายของเขาชุ่มโชกไปด้วยเลือดจนไม่คิดว่าจะยังหายใจได้อีก
“ยกมากินที่นี่แหละ...ทั้งสี่คนเลยนะ” กีวอนสั่งแทนนายอย่างรู้ใจ ไนราสะดุ้งเพราะเสียงอันดังจนต้องลนลานออกไป
“กีวอน” องค์หญิงลากเสียงยาว “อย่าเสียงดังกับผู้หญิงสิ”
