ทิชา | ทิชาสาวน้อยผู้(ลอง)เดทกับหมอ
“ได้ตั๋วแล้ว” หมอธันวาเขาเดินกลับมาพร้อมตั๋วสองใบ
“ค่ะ รอบไหนคะ?”
“รอบต่อไป จริง ๆ เข้าเลยได้เลยนะแต่คุณทิชาอยากเข้าห้องน้ำก่อนมั้ยครับ?” เข้าห้องน้ำงั้นเหรอ? ก็ดีนะไปเช็คกลิ่นเต่า กลิ่นปาก กลิ่นผมหน่อยก็ดี
“ค่ะ ทิชาขอเข้าไปเข้าห้องน้ำสักห้านาทีนะคะ”
“ตามสบายครับ”
แล้วฉันก็แยกออกมาเข้าห้องน้ำที่ฝั่งขวามือของโรงหนัง แต่ทุกคนขา... หัวใจฉันเต้นแรงมาก ฉันอยากจะไปกรี๊ดดัง ๆ แล้วสาดน้ำใส่หน้าตัวเองให้หายบ้าสักที
มันเร็วมาก ๆ เลยที่ฉันรู้สึกแบบนี้ ที่เขาทำ มันเป็นเรื่องปกติที่จิตแพทย์รักษาคนไข้ หรือว่าเขามีใจให้ฉัน? ฉันเดินคิดในหัวแล้วเดินไปหยุดที่หน้ากระจกห้องน้ำ ก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบน้ำหอมฉีดที่ชีพจร และหลังหูตัวเองด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยม
เขาต้องชอบฉันบ้างล่ะ ไม่อย่างนั้นไม่จับมือถือแขนฉันหรอก อีกอย่างฉันเองก็ไม่ได้ขี้เหร่ สวย ขาว อึ๋ม ครอบครัวเป็นเจ้าของโรงแรมห้าดาวชื่อดัง มีบริษัท
โบรกเกอร์อีกต่างหาก แล้วเรื่องพูดไม่รู้เรื่องไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยด้วย ยังไงเขาก็ต้องชอบอยู่แล้ว
พอในหัวคิดอะไรบางอย่างที่ตัวเองไม่เคยคิดมาก่อนในชีวิต ฉันก็ยืนนิ่งและมองตัวเองในกระจก
เอ... ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงมั่นอกมั่นใจนัก หรือว่าจริง ๆ แกไม่ได้เป็นโรคประหม่า หรือไม่มั่นใจในตัวเอง ปัญหาของแกคืออยากมีผัว? อยากมีคนเคียงข้าง?
“โอ๊ย! ฉันจะทำยังไงดีเนี่ยพุ่งชนก็รู้สึกแรด ทำแอ๊บก็กลัวอด”
ฉันบ่นหัวเสียจนพี่ผู้หญิงที่เดินเข้ามาทีหลังตกใจ จริงสิคนอื่นเคยไปพบจิตแพทย์บ้างมั้ย แล้วจิตแพทย์เคยทำแบบนี้กับพวกเขาบ้างรึเปล่า?
“พี่คะ!”
“คะ ๆ ว่าไงคะ?” พี่สาวที่กำลังเปิดน้ำล้างมือหันมาทันที
“พี่เคยพบจิตแพทย์มั้ยคะ?”
“จิตแพทย์?” เธอถามทวน แล้วทำท่านึกคิดแต่ไม่ถึงห้าวินาทีก็หันขวับมาจ้องหน้าฉันตาเขม็ง
“นี่ จะบ้าเหรอ? ฉันไม่ได้บ้านะ”
“ไม่ได้หมายถึงแบบนั้นค่ะ คือว่า...”
“พอ ๆ ฉันไม่อยากคุยด้วย” แล้วนางก็ปัดมือไล่ฉันเหมือนหมูเหมือนหมา ก่อนจะรีบดึงทิชชูเช็ดมือ ‘ฟรึบ ฟรึบ’ แล้วรีบเดินออกไปจากห้องน้ำทันที
ดูสิ! คนไทยไม่เปิดกว้างเลย การพบจิตแพทย์ ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นบ้าซะหน่อย!
พอพี่สาวคนนั้นคล้อยหลังแล้วฉันมองตามตาละห้อย สุดท้ายฉันก็สูดเอาความมั่นใจที่เหลือเล็กน้อยเข้าปอด แล้วเดินออกไปจากห้องน้ำ ซึ่งออกมาก็เห็นว่าหมอธันวากำลังซื้อน้ำกับป็อปคอร์นอยู่พอดี
“ป็อปคอร์นรสอะไรดี?” เขาหันมาถาม จนฉันมองไปที่ช่องป็อปคอร์นประมาณแปดช่องตรงหน้า รสลาบ รสเค็ม รสบลา ๆ ไม่ได้ดูหนังมานานมากนี่มันพัฒนารสชาติได้เยอะขนาดนี้แล้วเหรอ?
“แล้วแต่คุณหมอเลยค่ะ”
“แล้วแต่คุณทิชาสิ วันนี้ผมให้รางวัลคุณนะ”
“ถ้าตามใจทิชา ก็... รสออริจินอลแล้วกันค่ะ” ได้ยินแบบนั้นจิตแพทย์หนุ่มก็หันไปสั่งพนักงาน แต่เขาซื้อน้ำมาแค่หนึ่งแก้วเท่านั้นค่ะคุณแม่ แถมหลอดก็หนึ่งหลอดด้วย
จากการคาดการณ์ของชะนี ต้องมีจูบกันทางอ้อมแล้วล่ะ แต่อย่าตุกติกทักเรื่องหลอดนะทิชา ห้ามมองให้คุณหมอรู้ตัวด้วย แกต้องรีบลากเขาเข้าไปโรงหนังตอนนี้เลย
“เข้าไปกันเลยดีกว่าค่ะ โฆษณาคงใกล้จบแล้ว” สำเร็จ! คุณหมอผายมือเชิญฉันเดินเข้าไปในโรงหนังทันที ก่อนที่เขาจะก้มหาที่นั่งให้ และหย่อนก้นนั่งลงข้าง ๆ กัน
ที่นั่งที่เราเลือกเป็นแถว A ชั้นบนสุด ซึ่งมันไม่ใช่โซฟา แต่มันเป็นเบาะที่ยกที่วางแขนพับขึ้นได้เท่านั้น น่าเสียดายจัง ฉันอยากไหล่ชน ตัวชิดเขามากกว่านี้
“นั่งไม่สบายเหรอ?” เขาหันมาถามเมื่อเห็นว่าฉันยุกยิกไปมา เปล่าหรอกค่ะฉันนั่งสบายดี แค่รำคาญที่วางแขนที่มันคั่นกลางระหว่างเรานี่แหละ
“เอ่อ ทะ ทิชาไม่ชอบที่วางแขนเลยค่ะ มันเกะกะ” ฉันบอกเท่านั้น คุณหมอธันวาก็หันไปวางกล่องป็อปคอร์นที่เก้าอี้ว่าง ๆ อีกฝั่ง ก่อนที่เขาจะดันที่วางแขนเก็บ ‘กึก’ แล้วหันมายิ้มสุดน่ารักให้ฉัน ราวกับเรื่องทุกอย่างมันง่ายนิดเดียว
เลอค่า ตามใจทิชาทู๊กอย่าง
และเมื่อไฟในโรงหนังหรี่ลง ๆ เท่านั้น ฉันก็ถือวิสาสะขยับไปใกล้ ๆ เขา ซึ่งโชคดีมากที่รอบ ๆ เราไม่มีใครนั่งเลย ฉันจึงได้เป็นข้ออ้างที่จะบอกเขาว่า...
“ทิชากลัวค่ะ”
“ไม่ต้องกลัวนะ ผีไม่มีในโลก ดูเพื่อความบันเทิง” บันเทิงแน่ ๆ
“ถ้าทิชาตกใจแล้วทำอะไรไป ขอโทษล่วงหน้าด้วยนะคะ”
“ครับ ตามสบายผมไม่ถือ”
เสร็จกู คำนี้ดีดขึ้นมาในหัวพรึบ! แต่เมื่อรำลึกได้ว่าตัวเองเป็นสาวเรียบร้อย ก็ต้องรีบสลัดมันทิ้งออกจากหัว แล้วนั่งขาชิดวางมือบนตักตั้งใจดูหนังต่อ
ผีออกมาสิ ออกมาเล้ย! ทิชาพร้อมแล้ว
ภาพในจอเริ่มมืด และรอบ ๆ มีแต่ความเงียบงัน เสียงฝีเท้านักแสดงสาวก้าวช้า ๆ ‘ตึก ตึก ตึก’ ส่องไฟฉายเข้าไปในบ้านร้างที่สภาพเก่าเต็มไปด้วยหญ้ารก และขณะนั้น ซาวด์ระทึกขวัญก็เริ่มดังขึ้น ดังขึ้น พร้อม ๆ กับแสงจากไฟฉายที่สาดไปเจอกับเงาทึบที่มุมบ้าน
‘ตึง’
“กรี๊ด... อีเชี่ย!”
ฉันกรีดร้องพร้อมโผกอดคุณหมอธันวาแน่น ตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะมองจอ ซบหน้าลงอกกว้างจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงแข่งกับตัวเอง
‘ตึก ๆ ตึก ๆ ตึก ๆ’
“เอ่อ... โอเคมั้ยครับ?” ฉันค่อย ๆ เงยขึ้น ถึงแม้จะไม่เห็นว่าหมอธันวาทำหน้ายังไง แต่รู้สึกได้ว่าหน้าเขาอยู่ใกล้แค่นิดเดียว เพราะลมหายใจของเขามันรดแก้มฉันแล้ว
“อะ โอเคค่ะ ขอโทษนะคะ” ฉันเอ่ยคำขอโทษเสียงติดขัดก่อนจะค่อย ๆ คลายมือที่กอดและถอยออกมา ซึ่งนั่นมันทำให้คุณหมอหนุ่มถึงกับแอบถอนหายใจโล่ง
“ถ้าดูไม่ไหวบอกนะครับ ออกไปทำอย่างอื่นกัน”
“ออกไปทำอะไรคะ?” ฉันถามทันที
“ก็เดินเล่น กินไอติม ทานข้าวสักมื้อ” ไม่ ๆ งั้นอยู่นี่แหละคุ้มกว่าเยอะ
“ทิชาดูได้ค่ะ แค่ไม่ชิน”
“ไม่น่าอุทานซะผมตกใจ” อุทานงั้นเหรอ? อุทานว่าอะไร?
ว้าย! พอนึกได้ ฉันก็ยกมือปิดปากหันไปทางอื่น ก่อนที่จะแอบตีเพียะ ๆ สองทีให้กับปากที่ไม่มีหูรูด ให้ตายเถอะทิชา เมื่อก่อนก็ไม่เห็นจะอุทานคำพวกนี้ อย่ามาปล่อยไก่ต่อหน้าหมอธันวาสิ เดี๋ยวเขาก็หนีเตลิดไปหรอก
“ฮะ ๆ ผมไม่ถือสาหรอกครับ” พอเขาบอกแบบนั้นฉันก็หันกลับไปอีกครั้ง แล้วส่งยิ้มเจื่อน ๆ ไปให้
“อ่อ... ค่ะ เมื่อกี้คงไม่ใช่ทิชา”
“ครับ ไม่ใช่หรอก อย่าคิดมาก” แล้วทุกอย่างก็กลายเป็นสีชมพูเมื่อเราสองคนหันไปยิ้มให้กัน คุณหมอเขาน่ารักมาก ๆ เลยค่ะทุกคน ไม่ว่าฉันจะปล่อยเป็ดปล่อยไก่เขาก็ยังยิ้มน่ารักกลับมาให้เสมอ
อยากใส่ถุงห่อกลับบ้านจัง หรือไม่ก็... แวะเอาไปกินที่คอนโดขณะที่ยังร้อน ๆ อยู่
“มีอะไรรึเปล่าครับ?” ฉันละสายตาจากใบหน้าหล่อ ๆ นั้นหันกลับไปที่จอหนังทันที
“ปะ เปล่าค่ะ ดูหนังกันค่ะ แฮะ ๆ”
เป็นการดูหนังที่คุ้มค่าที่สุดเท่าที่เคยดูมา เพราะฉากไหนที่ผีโผล่พรึบ ฉันก็รีบกอดคุณหมอปั๊บ เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานฉันก็เอนไปซบไหล่เขาเนียน ๆ แล้วซุกหน้าทำปิดตา เล่นเอาไม่มีเวลากินป็อปคอร์นกินน้ำกันเลย
แต่อรุ่มมากค่ะ อกแข็ง ๆ นั้นหอมมาก และหัวใจของจิตแพทย์ที่ฉันแอบอิงนั้นก็เต้นแรงจนฉันรู้สึกได้ เขาต้องรู้สึกอะไรกับฉันบ้างล่ะ ไม่อย่างนั้นหัวใจไม่เต้นตะลึดตึดฉึ่งแบบนี้หรอก
“ขอบคุณสำหรับรางวัลนะคะ” ฉันกล่าวขอบคุณคุณหมอหนุ่มข้างรถ
ปอร์เช่คันหรูของตัวเอง ขณะที่มือกำลังดึงประตูรถเปิดไปด้วย
“ครับ ขับรถดี ๆ อาทิตย์หน้าผมขอนัดคุยอีกนะ” เปลี่ยนจากอาทิตย์หน้าเป็นพรุ่งนี้ได้มั้ย?
“อาทิตย์หน้าไม่นานไปเหรอคะ?” ฉันปิดประตูรถ แล้วกอดอกถามคุณหมอให้แน่ใจ
“ไม่หรอกครับ ตามปกติผมนัดคนไข้ทุกอาทิตย์อยู่แล้ว”
ฉันไม่อยากเป็นคนไข้น่ะสิ ฉันจะแรดแล้ว ช่วยเป็นอย่างอื่นสนับสนุนความแรดของฉันหน่อยได้มั้ย เป็นคนคุยก่อนก็ได้ ฉันไม่ติด
แต่ก็ทำได้แค่คิด ฉันไม่กล้าพูดออกไป จนคุณหมอธันวาเขาโบกมือลาและหันหลังกลับเท่านั้น ฉันถึงรีบร้อนถามเขาไปว่า
“คะ คุณหมอมายังไงคะ?”
“ผมขึ้นรถไฟฟ้ามาครับ”
“แล้วจะไปไหนเหรอคะ ทิชาไปส่งมั้ย? พอดีทางกลับบ้านทิชา มันทางเดียวกับโรงพยาบาลค่ะ” เขาอมยิ้มแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ
“ไม่เป็นไรครับ ผมมีนัดทานข้าวกับพ่อแม่ที่ร้านอาหารจีนที่อยู่ถัดไปไม่
กี่ซอยนี่เอง ขอบคุณนะครับ”
แล้วเขาก็เดินจากไป ก่อนที่จะล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดอะไรบางอย่าง แต่เอาเถอะวันนี้ได้แค่นี้ก็คุ้มค่าแล้ว อาทิตย์หน้าค่อยว่ากันใหม่
