ทิชา | ทิชาสาวน้อยผู้มีความต้องการแน่วแน่
ฉันขับรถกลับมาถึงบ้านพร้อมกับรอยยิ้ม จากนั้นก็ลงจากรถแล้วหมุนรอบตัวเองหนึ่งรอบราวกับโลกใบนี้มันวันเดอร์ฟูล
ก็ใจฉันมันฟูลจริง ๆ ตั้งแต่เกิดมาจนอายุยี่สิบหกฉันไม่เคยอยู่ในห้วงตกหลุมรักใครเลย หมอธันวาคนแรกและหลังจากที่ได้รางวัลเป็นเดทฉันก็ตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่ว่าฉันจะจีบเขา
“ทิชา”
ฉันว่างงานพอดี ฉันจะหาวิธีไปที่โรงพยาบาลบ่อย ๆ
“ทิชา...”
จะแกล้งไปเจอก้านแก้วเพื่อนใหม่ดีมั้ยนะ จะได้ถามนางด้วยว่าจีบหมอแบบไหนให้หมอเทใจให้
“ทิชา!”
“ว้าย ขา ๆ ว่าไงคะคุณพ่อ!” ฉันตกใจหันไปตอบพ่อตัวเองที่ยืนเท้าสะเอวอยู่หน้าบ้าน โอ๊ยอกอีแป้นจะแตก! ทำไมเรียกเสียงดังจัง ฉันทำอะไรผิดเนี่ย!
“เหม่ออะไรลูก พ่อเรียกตั้งนาน” เรียกเหรอ? ทำไมฉันไม่ได้ยินเลยแหะ
“ก็... คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอ่ะค่ะ”
“มีสติหน่อยนะลูก แล้วนี่ขับรถเหม่อแบบนี้มั้ย?” ฉันส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนที่จะเดินไปควงแขนและซบไหล่คุณพ่อออดอ้อน
“โถ่คุณพ่อขา ทิชารู้น่าว่าเวลาขับรถเราต้องมีสติ ทิชาไม่คิดเรื่องอื่น
หรอกค่ะ”
“ดีแล้ว งั้นไปคุยกับพ่อที่ห้องทำงานหน่อย พ่อมีเรื่องบริษัทเมย์ลินไทม์จะคุยกับลูก” หัวฉันดีดขึ้นจากไหล่คุณพ่อพรึบ ราวกับเป็นหุ่นยนต์ถูกเปิดสวิตช์ใช้งาน
“คุณพ่อจะคืนตำแหน่งให้ทิชาเหรอคะ?”
“ไปคุยข้างในเถอะ”
แล้วฉันก็เดินควงแขนคุณพ่อเข้าไปในบ้านดี๊ด๊า แต่เมื่อไปถึงห้องทำงานเห็นเอกสารลูกค้าวางเรียงบนโต๊ะ มือที่ควงอยู่ก็ค่อย ๆ ลดลง
เพราะลูกค้าที่ฉันพลาดไปทั้งหมด พี่ไทม์ดึงกลับมาได้หมดทุกคน รวมถึงคนล่าสุดที่ด่าฉันด้วย นี่พี่ไทม์เก่งจนฉันดูกากไปเลยนะ
“ลูกค้ากลับมาหมดทุกคนแล้ว แต่...” ฉันค่อย ๆ หันไปมองคุณพ่อ
ที่ตอนนี้จ้องฉันด้วยสีหน้าลำบากใจ อะไรอีกล่ะ อะไร!
“ตะ แต่อะไรคะ?”
“แต่ลูกค้าอยากให้พี่เราดูแลตลอดการลงทุน พ่อเองก็ลำบากใจที่บอกกับลูก แต่ช่วงนี้เราคงต้องให้พี่ไทม์ดูแลบริษัทไปก่อน ส่วนทิชาก็ศึกษางานต่อจากพี่ ออกไปคุยกับลูกค้ากับพี่ ให้ลูกค้าเห็นเราพัฒนาขึ้น”
ฉันแย้งไม่ออกเลย มันท้อแท้มาก ๆ แต่ก็เข้าใจที่คุณพ่อพูดทุกอย่างว่าความสามารถฉันมันยังไม่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้บริหารจริง ๆ ยิ่งบริษัทฉันมันเกี่ยวกับการลงทุนเงิน ๆ ทอง ๆ ด้วย ใครก็ต้องการผู้บริหารที่มากฝีมือมีความน่าเชื่อถือทั้งนั้น
“ค่ะ ได้ค่ะ” ฉันตอบเบา ๆ ราวกับคนไร้เรี่ยวแรง จนคุณพ่อยกมือใหญ่ลูบหัวปลอบไปด้วย
“ค่อย ๆ พัฒนาไปนะลูก พ่อขอโทษนะที่ยังให้ตำแหน่งกลับไปไม่ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ทิชาเข้าใจ” แล้วคุณพ่อก็จับไหล่ฉันหันไปหาตัวเอง
“ได้ยินว่าเราซื้อคอนโดเหรอ? ที่ไหนล่ะ? พาพ่อไปเที่ยวบ้างสิ”
ฉันโบกมือปฏิเสธทันที คุณพ่อรู้ได้ยังไงว่าฉันซื้อคอนโด เรื่องนี้ฉันไม่ได้บอกใครเลยนะกับคุณแม่ก็ไม่ได้บอก!
“มะ ไม่ได้ซื้อค่ะ! แค่ไปดูไว้เกร็งกำไร แต่ไม่ซื้อแล้วค่ะคุณพ่อ ทิชาตกงานนี่เนอะจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อ” ฉันพูดไปยิ้มไป แถมแอบประชดคุณพ่อเป็น
นัย ๆ ด้วย
“ตกงานอะไร? รายได้เราก็เท่าเดิมนี่ เอาเป็นว่าช่วงนี้นอกจากไปคุยงานกับพี่ เราก็กินก็เที่ยวให้เต็มที่นะลูก เพราะตำแหน่งผู้บริหารเมย์ลินไทม์ อนาคตงานล้นมือแน่ ๆ”
“ค่ะคุณพ่อ”
‘ฟุบ’ ฉันทิ้งกระเป๋าแอร์เมสลงพื้นแล้วล้มตัวนอนบนเตียงอย่างอ่อนแรง ก่อนที่จะเงยมองเพดานห้องที่ตัวเองเคยติดดาวเรืองแสงไว้ตอนเด็ก ๆ และจมกับความคิดในหัวที่ชนกันไปมา
อุตส่าห์มีความสุขกับหมอธันวาแล้วเชียว กลับมาบ้านก็มาเจอเรื่องเครียดกับคุณพ่ออีก เฮ้อ... ฉันชักจะไม่อยากอยู่ที่นี่จริง ๆ แล้วสิ
แต่จะหาเหตุผลอะไรไปบอกคุณพ่อคุณแม่และพี่ไทม์ ถึงพี่ฉันจะแต่งงานแยกบ้านไปแล้ว รายนั้นก็ไม่ปล่อยให้ฉันไปเตร็ดเตร่ข้างนอกง่าย ๆ หรอก สำหรับครอบครัวฉัน ต่อให้ฉันจะอายุเท่าไหร่ก็ยังเป็นเด็กน้อยในสายตาพวกเขาเสมอ
“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วหลับตาลง ความน้อยเนื้อต่ำใจที่ได้รับมาหมาด ๆ มันกลบความสุขจนหายไปเลย ทำอะไรดีนะทิชา อยากทักไปหาหมอธันวาก็ไม่กล้า กลัวเขาจะรำคาญเอา
‘ครืน’ ฉันสปริงตัวลุกจากเตียงแล้วก้มลงไปหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าทันที ก่อนที่จะเห็นไลน์ใครบางในคน Notification แล้วถึงกับเบิกตากว้าง
คุณหมอทักมา คุณหมอธันวาทักม๊า... (เสียงสูงเหมือนนางงาม)
LINE | DR.TUNWA
[DR.TUNWA: ถึงบ้านรึยังครับคุณทิชา]
[TICHA: ถึงแล้วค่ะ มาถึงก็เซ็งเลย]
[DR.TUNWA: ทำไมล่ะ? เล่าให้ผมฟังได้นะครับ มีอะไรอยากปรึกษาและอยากได้คำแนะนำบอกผมได้เลย คุณคือคนไข้ของผมนะ:)]
ฉันอ่านคำว่า ‘คนไข้ของผม’ วนอยู่ห้าครั้ง ก็จริง ตอนนี้ฉันเป็นคนไข้ที่เขาต้องดูแล แต่อนาคตมันไม่แน่ ฉันอาจจะได้อ่านคำว่า ‘คุณเป็นแฟนผม’ ก็ได้นะ
เฟลเรื่องงานมาเยอะแล้ว เหลือเรื่องผู้ชายให้มโนบ้างเถอะ
[TICHA: เพราะสิ่งที่ทิชาเป็น ทำให้ทิชาถูกยึดตำแหน่งผู้บริหาร ก็เลยรู้สึกแย่ ๆ หน่อยน่ะค่ะ และมาถึงวันนี้คุณพ่อก็ยังไม่คืน แถมยังบอกให้ทิชาศึกษางานเพิ่มอีก]
เขาอ่านแล้วหายไปสักพัก... และเมื่อเห็นว่าพิมพ์มายาวเหยียด ฉันก็รู้เลยว่าเขาหายไปไหนมา
[DR.TUNWA: อายุยี่สิบหกกว่า ๆ จะได้ขึ้นตำแหน่งผู้บริหารผมถือว่าคุณเก่งมากเลยนะครับ อย่าน้อยใจเลยนะ ยังมีหลาย ๆ คนที่ยังไม่มีโอกาสเติบโตเหมือนเรา ทำทุกวันนี้ให้ดี เข้มแข็ง อดทน ก้าวผ่านปัญหาอันน้อยนิดนี้ให้ได้ และสักวันนึงผู้ใหญ่จะเห็นว่าเรามีประสิทธิภาพมากพอ รวมถึงคุณทิชาได้แสดงความสามารถที่มีในวันที่ตัวเองพร้อมอย่างเต็มที่]
ว้าว... อ่านแล้วชุ่มชื่นหัวใจมาก ลองจินตนาการดูนะ ถ้าเกิดมีแฟนเป็นจิตแพทย์ทั้งรับฟังและปลอบโยนเราได้ทุก ๆ วันเราจะเป็นยังไง ชีวิตทิชาคนสวยคงไม่มีคำว่าดาวน์ค่ะ ฉันคงจะเป็นผู้หญิงที่มีความสุขและคิดบวกมาก ๆ
[TICHA: ขอบคุณนะคะ:)]
[DR.TUNWA: ยินดีครับ อาทิตย์หน้าเจอกันนะครับ]
[TICHA: อาทิตย์นี้ได้มั้ยคะ พอดีว่าง]
ฉันพิมพ์ตอบปุบปับอารมณ์เหมือนตัวเองกำลังมีไฟร่านประทุอยู่ตลอดเวลา
[DR.TUNWA: ได้ครับ เครียดเมื่อไหร่ก็แวะมาคุยกันได้]
“กรี๊ด...”
ฉันคว่ำหน้าจอ และตีแขนตีขาแดดิ้นอยู่บนเตียง ฉันกำลังจะมีเฟิร์สเลิฟใช่มั้ย ถ้าแบบนี้ต้องเตรียมพร้อมรับเฟิร์สคิสส์ เฟิร์สเซ็กส์ด้วยรึเปล่า?
“กรี๊ด...” พอนึกถึงอะไรที่วาบหวิว จินตนาการของสาวน้อยผู้ไม่เคยผ่านมือชายก็เปล่งประกายไปด้วยอะไรที่น่ารักนุ่มนิ่ม ต้องเป็นเหมือนในซีรี่ย์เกาหลี ต้องเป็นอะไรที่อ่อนโยนประดุจขนนก
และที่สำคัญ ผู้ชายคงจะถามฉันว่า เจ็บมั้ย? ถ้าเจ็บ... จะทำเบา ๆ นะเฮือก... ขอให้คน ๆ นั้นเป็นหมอธันวาทีเถอะ สาธุ
เมื่อคืนเป็นคืนที่หลับฝันดีสุด ๆ จนวันนี้ฉันตื่นตั้งแต่ไก่โฮ่ลงมานั่งจิบกาแฟกับแม่บ้านในครัว นี่คือเวลายามว่างของฉันค่ะ เมาท์มอยหอยสังข์กับแม่บ้านและดูป้า ๆ ทำอาหาร
ฉันไม่ค่อยได้เที่ยวเหมือนคนอื่น ๆ หรอก ยิ่งผับ ยิ่งบาร์ ร้านสุราเมรัยไม่ต้องพูดถึง ไม่เคยได้ไปเหยียบสักครั้ง อย่าให้นึกถึงวันที่ต้องขออนุญาตไปอยู่คอนโดเลย มันงานยากแน่ ๆ
“ช่วงนี้สดใสมากเลยนะคะคุณทิชา ตื่นเช้าด้วย” ป้าศรีแม่บ้านอาวุโสหันมาแซวฉัน ก่อนที่จะโยนผักบุ้งที่ปรุงพร้อม ใส่กระทะร้อน ๆ ‘ฟรึบ’ จนไฟพุ่งขึ้นมา
ไฟจะไหม้บ้านฉันมั้ยเนี่ย?
“สดใสเหรอคะ แหะ ๆ เพราะทิชากำลังมีความรักมั้งคะ”
“ว้าย... จริงเหรอคะ? ใครคือหนุ่มผู้โชคดีคนนั้น” พี่แจ๋มลูกป้าศรีถามขึ้นอย่างสนอกสนใจ
“ทิชาอยากเป็นผู้หญิงที่โชคดีของเขามากกว่าค่ะ หลงชอบเขาอยู่ฝ่ายเดียว” ฉันตอบเสียงเบา แล้วก้มลงเป่ากาแฟร้อน ๆ ในแก้วของตัวเอง
“โอ๊ยอย่างคุณทิชาไม่ผิดหวังหรอกค่ะ ยังไงก็สมหวัง” สมหวัง?
ฉันเงยขึ้นมองกองหนุนอีกครั้ง จนเห็นว่าป้าศรีและพี่จิ๋ม พี่แจ๋ม พยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกันรัว ๆ ทำไมมั่นอกมั่นใจกันจัง นี่ฉันแค่บอกว่าฉันหลงชอบคน ๆ
นึงเองนะ ยังไม่ได้บอกดีเทลอะไรสักอย่างเลย
“ทำไมมั่นใจจังเลยคะ”
“ก็คุณทิชาทั้งสวย เก่ง เรียบร้อย แถมรวยอีกต่างหาก ผู้ชายที่ไหนจะไม่ชอบล่ะคะ จีบไปเลยค่ะยังไงก็ติดอยู่แล้ว”
“ใช่ค่ะ ยังไงก็ติดพนันได้เลย!”
พูดซะเขิน แต่ก็นะ ความจริงล้วน ๆ ฉันมั่นใจว่าตัวเองจีบติดแน่ ถ้าฉันมีความกล้าอยู่ในตัวมากกว่านี้ และมีโอกาสได้เข้าใกล้หมอธันวามากกว่านี้ อีกอย่างคุณหมอก็น่าจะโสด
เพราะฉันไม่เห็นเขาจะหวาดระแวงใครตอนจูงมือฉันเลย และที่สำคัญนิ้วนางข้างซ้ายก็ว่างเปล่าไม่มีแหวนสักวง
“เอ... ว่าแต่ผู้ชายที่โชคดีคนนั้น ทำงานอะไรเหรอคะคุณทิชา?”
“เขาเป็นหมอค่ะ” ฉันตอบอย่างภาคภูมิใจ
“อุ๊ยเป็นหมอด้วย หน้าที่การงานดีแบบนี้ยังไงก็ผ่านด่านพ่อตาและพี่ชายคุณทิชาได้แน่นอนค่ะ ดูคุณไทม์สิคะคุณน้ำปั่นก็เป็นสัตวแพทย์”
พูดถึงด่านก็พาลเครียดไปอีก พี่ไทม์เป็นผู้ชาย เป็นพี่คนโตนี่น่า... ถ้าเป็นฉันอาจจะมีความยากขั้นแอดวานซ์อยู่ เฮ้อ... แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันยังไม่บอกใครหรอก รอให้ตัวเองมั่นใจหรือคบกับคุณหมอก่อนแล้วกัน ฉันค่อยพามารู้จักกับครอบครัวทีหลัง
ไงฉันเพ้อเก่ง และมโนเก่งมั้ยคะ? โปรดเข้าใจฉันด้วย ถ้าฉันไม่เพ้อ ฉันไม่มโน ฉันจะเอาแรงบันดาลใจที่ไหนไปจีบเขา คิดสิคิด!
