บท
ตั้งค่า

ทิชา | ทิชาสาวน้อยผู้ทดลองจีบ

LINE | DR.TUNWA

[TICHA: Send Picture]

[TICHA: คอลัมน์สัปดาห์นี้ที่คุณหมอพูดถึง ใช่เรื่องของทิชามั้ยคะ?]

กว่าฉันจะพิมพ์ได้ใช้เวลานานมาก เพราะมือสั่นและยิ้มปากแทบฉีก แต่ดีนะที่มันเป็นข้อความที่ต้องพิมพ์ ถ้าให้ฉันถามหมอธันวาซึ่ง ๆ หน้า ฉันอาจจะพูดไม่ออกไปเลยก็ได้

[DR.TUNWA: ครับ ใช่]

กรี๊ด... เขาตอบมาแล้วแม่จ๋า ฉันแดดิ้นมาก รีบวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะแล้วหยิบวารสารขึ้นมาปิดหน้ากรี๊ดอยู่คนเดียว และเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนว่ามีข้อความใหม่อีก ฉันก็รีบกุลีกุจอหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้ขึ้นมาอีกครั้ง

[DR.TUNWA: เป็นยังไงบ้างครับ?]

ไม่เป็นยังไง แต่อยากเป็นแฟนหมอได้มั้ยคะ

[TICHA: ก็ดีค่ะ ช่วงนี้ว่างงาน อาการประหม่าเลยไม่ค่อยมี]

[DR.TUNWA: ที่คุยกับผมอยู่ก็ไม่ประหม่าเหรอครับ?]

คุณหมอหมายความว่ายังไงคะ? อย่าทำให้ทิชาผู้ภูมิต้านทานผู้ชายต่ำคนนี้หัวใจสั่นสิ

[TICHA: ก็... นิดหน่อยค่ะ]

[DR.TUNWA: แสดงว่ายังไม่หาย งั้นผมขอนัดคุยกับคุณทิชาได้มั้ยครับ ที่ไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องโรงพยาบาล ^^]

ขอนัดคุยงั้นเหรอ? ตอนนี้เลยมั้ย? ฉันปัดแอพทิ้ง แล้วกดดูกล้องหน้าเช็ดขี้หู ขี้ตา ขี้ฟัน เช็คมันทุกอย่าง ถ้าเป็นตอนนี้ก็ดีนะ ฉันเองก็ว่างพอดีแถมอยู่ในร้านกาแฟที่มีวารสารเขาด้วย

[TICHA: ได้ค่ะ]

[DR.TUNWA: สะดวกวันไหนครับ?]

[TICHA: วันนี้และตอนนี้ค่ะ]

[DR.TUNWA: งั้นเดี๋ยวผมกลับไปที่ร้านกาแฟอีกครั้ง]

ฉันเบิกตากว้างหันขวับไปมองนอกร้าน เขาอยู่แถวนี้แถมรู้ว่าฉันอยู่ร้านกาแฟ แม่จ๋าทิชาอยากแต่งงานกับหมอธันวา ทิชาอยากมีสามีแล้วค่ะแม่ ทำไมทุกอย่างมันประจวบเหมาะขนาดนี้ เราต้องเป็นเนื้อคู่กันแน่ ๆ เลย

[TICHA: คุณหมออยู่แถวนี้เหรอคะ?]

[DR.TUNWA: ครับ ผมเพิ่งไปฝากวารสารไว้ที่ร้านก่อนหน้าคุณทิชาเข้าไปครับ ผมเดินจะถึงแล้วนะครับ คุยกันที่ร้านนะ]

ฉันเขินจะตายอยู่แล้วแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าคุณหมอเขาจะเดินมาถึงเมื่อไหร่ อีกอย่างถ้าฉันสะดีดสะดิ้งเกินหน้าเกินตาเขาต้องรู้แน่นอน ว่าคนที่ฉันใจสั่นและมีอาการด้วยมันคือเขา

“อ้าวคุณหมอธันวาลืมอะไรรึเปล่าคะ?” พอพนักงานในร้านเอ่ยถามลูกค้าที่เข้ามาใหม่ ฉันก็หันขวับไปมองที่ประตูทันที

คุณหมอธันวาอยู่ในชุดลำลอง เขาใส่เชิ้ตสีขาวทับด้วยสูทหลวมสีเปลือกไข่ ส่วนกางเกงก็ใส่กางเกงสแล็คสีน้ำตาล ความสูงและหุ่นอันสูงยาวนั้น มันช่างเข้ากับเบ้าหน้าที่โอปป้าเขาสุด ๆ

“นัดเพื่อนไว้ครับ”

“ค่ะ รับอะไรด้วยมั้ยคะ?” คำถามนั้นทำให้คุณหมอธันวาหันมายิ้มให้ฉัน ฉันจึงต้องรีบแกล้งเล่นโทรศัพท์ไม่สบตาเขา จนเขาต้องเดินมาถาม...

“คุณทิชาดื่มอะไรเพิ่มมั้ยครับ เค้กก็มีนะ”

“อะ เอาเป็นเค้กมะพร้าวก็ได้ค่ะ” ฉันตอบยิ้ม ๆ แต่เมื่อเงยขึ้นไปมองคุณหมออีก หน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ทำไมเขาหล่อขนาดนี้นะ หล่อไม่สงสารใจทิชาเลย

“ครับ งั้นผมเอาคาปูเย็นไม่หวาน กับเค้กมะพร้าวสองที่ครับ”

สั่งเรียบร้อยคุณหมอก็เดินมาเลื่อนเก้าอี้นั่งตรงข้ามฉัน เขายิ้มไม่หุบเลยค่ะ ยิ้มจนตาหยีไม่รู้จะยิ้มทำไมนักหนา ฉันเขินนะคนบ้า เหมือนมานัดเดทยังไงไม่รู้

“สวัสดีครับคุณทิชา” เขากล่าวทักทาย

“สะ สวัสดีค่ะ ปกติแล้วคุณหมอนัดคนไข้นอกสถานที่บ่อยเหรอคะ?”

คุณหมอพยักหน้าทันที

“ครับก็มีบ้าง ผมไม่อยากให้คนไข้อึดอัด” อ้าว ฉันเข้าข้างตัวเองไปเหรอเนี่ย แต่เอาเถอะ ไม่เป็นไร มโนไปคนเดียวก็ได้ เพราะการได้เจอกันนอกสถานที่แบบนี้ถือว่าซ้อมเดทไปในตัว

“ว่าแต่... คุณหมอจะคุยอะไรกับทิชาบ้างเหรอคะ?” ฉันถามเพราะไม่เห็นเขาถืออะไรติดตัวมาเลย จนคุณหมอธันวายิ้ม แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาวางบนโต๊ะแทน

“ก่อนคุย ผมขออนุญาตบันทึกเสียงเพื่อนำไปศึกษาแนวทางการรักษา

นะครับ”

“อ๋อค่ะ ได้ค่ะ” แล้วคุณหมอก็จิ้มไปที่หน้าจอโทรศัพท์ เขาไม่ได้ใส่รหัสล็อคอะไรทั้งนั้น แค่เลื่อนก็เข้าไปที่หน้าจอโฮมได้เลย ซึ่งในนั้นเป็นรูปผู้หญิงคนนึง

ฉันเห็นไม่ชัดหรอกว่าใคร รู้ว่าเป็นผู้หญิงยืนฉีกยิ้มสดใสเต็มหน้าจอ

จะชะเง้อมองก็ดูน่าเกลียด แต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันนะ? ทำไมทำให้หัวใจที่พองโตของฉัน หยุดเต้นได้กะทันหันแบบนี้

“จะเริ่มแล้วนะครับ”

“ค่ะ” ฉันตอบทันที ทั้งที่ตาเอาแต่จ้องจอมือถือที่เปิดแอพบันทึกเสียงของเขา จนหมอธันวาถามขึ้นมาเบา ๆ เข้าขั้นตอนการรักษา

“รู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”

“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ น่าจะช่วงมอปลายมั้งคะ ช่วงนั้นใบไม้ย้ายโรงเรียน และทิชาต้องพรีเซนต์โครงงานหน้าห้องคนเดียวบ่อย ๆ”

ฉันตอบทันทีทันใด ไม่รู้สึกว่าตัวเองประหม่าหรือใจสั่นแม้แต่น้อย เพราะในหัวมีแต่เรื่องรูปที่หน้าจอหมอธันวา ฉันสงสัยว่าเธอเป็นใคร มีอภิสิทธิ์อะไรถึงได้ถูกตั้งขึ้นหน้าจอเขา

“ตอนที่พรีเซนต์งานเคยโดนตำหนิบ้างมั้ย?” ฉันส่ายหน้าเบา ๆ และตอนนี้นอกจากจะมีเรื่องหน้าจอโทรศัพท์หมอธันวา ก็มีเหตุการณ์ต่าง ๆ ช่วงที่ฉัน

พรีเซนต์งานหน้าห้องโผล่ขึ้นมาอีกด้วย เหมือนหัวฉันจะระเบิดเลยค่ะ มันไม่ควรจะโถมเข้ามาแบบนี้

แล้วเมื่อฉันเงยขึ้น และเผลอสบตาจิตแพทย์ที่รอคำตอบ อยู่ ๆ เขาก็เหมือนกุญแจเข้ามาไขความทรงจำที่ผ่านมาแต่อดีต

เรื่องบางเรื่องฉันลืมมันไปแล้วและไม่อยากจำ มันก็ผุดขึ้นมาให้ฉันเห็นทีละฉาก หรือผลกระทบจากวันนั้น มันตามติดตัวฉันมาจนถึงทุกวันนี้

มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ที่ไม่เล็กน้อยเลยใช่มั้ย?

“คือ... คือ... ทิชา ทะ ทิชา” ฉันกลับมาประหม่าอีกครั้ง สองมือที่วางบนตักประสานกุมกันแน่น ฉันมีหลายอย่างอยากจะเล่า แต่ฉันพูดไม่ออกเลย

“ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ เล่า ผมไม่รีบครับ ทานเค้กก่อนก็ได้ เค้กมาพอดี”

คุณหมอธันวาดันจานเค้กมาให้ฉัน จนฉันมองมันแว๊บนึงแต่ไม่พูดอะไร ตัดสินใจหยิบช้อนจิ้มเข้าไปตรงกลาง ‘จึก’ และปักทิ้งไว้แบบนั้น ซึ่งนั่นมันทำให้เขาชะงัก และมองฉันอย่างพินิจ

“คุณทิชามีพี่น้องกี่คนครับ” เขาเริ่มถามเรื่องอื่น คงจะพยายามทำให้ฉันผ่อนคลายขึ้นสินะ

“สองคนค่ะ ทิชามีพี่ชาย”

“ผมก็มีน้องสาว คงรุ่นราวคราวเดียวกันกับคุณ” ฉันเงยขึ้นทันที หรือเมื่อกี้จะเป็นรูปน้องสาวเขา?

แต่... ต้องรักน้องแค่ไหนถึงจะตั้งรูปหน้าจอได้ ขนาดพี่ไทม์ยังไม่เคยตั้งรูปฉันเลย ตั้งแค่รูปพี่น้ำปั่นเมียตัวเองเท่านั้นแหละ หรือฉันจะลองถามเขากลับดู ถามให้รู้เรื่องไปเลย

“มีอะไรจะถามผมรึเปล่าครับ ถามได้นะ” รู้ได้ไงเนี่ย!

“เอ่อ... มะ เมื่อกี้ เห็นรูปผู้หญิงคนนึงในหน้าจอคุณหมอ เธอคือน้องสาวคุณหมอเหรอคะ?”

เขาอมยิ้ม จนฉันก้มหน้าลงเล็กน้อยและทำทีหยิบช้อนขึ้นมาตักเค้กกิน ไม่เคยถามใครแบบนี้มาก่อน และตอนนี้ก็ลุ้นกับคำตอบมาก ๆ ขอให้เป็นน้องเขาทีเถอะ สาธุ

“คนในรูปเป็นแม่ผมครับ”

‘เคร้ง’ ช้อนในมือฉันร่วงทันที จนคุณหมอเขารีบยกมือขอช้อนให้ใหม่

สติเขาดีมากหล่นปุ๊บขอใหม่ปั๊บ มีแต่ฉันนี่แหละที่ยังตกใจและกะพริบตาปริบๆอยู่

“แม่ผมสวยใช่มั้ยครับ?”

“สะ สวยค่ะ ยังสาวด้วย”

“รูปท่านตอนยังสาวน่ะครับ” เขาบอกแล้วกดหยุดบันทึกเสียง ก่อนจะปัดเข้าหน้าโฮมและยกมือถือให้ฉันดูชัด ๆ

เฮ้ย ทำไมคุ้น ๆ ล่ะ คุ้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ฉันขมวดคิ้วและมองอยู่สักพัก พยายามนึกว่าเหมือนใคร จนสุดท้ายคุณหมอธันวาพูดขึ้นมาว่า

“ผมว่าท่านเหมือนคุณทิชาเลยนะครับ” เหมือนฉัน?

จริงด้วย ว่าแล้วทำไมฉันนึกไม่ออกว่าเหมือนใคร แม่หมอธันวาเหมือนฉันนี่เอง แต่ไม่ได้เหมือนซะทีเดียวมีส่วนที่แตกต่างกันอยู่บ้าง หน้าฉันใหญ่กว่า

ตาฉันหมวยกว่าแค่นั้น แต่มองเผิน ๆ ก็เหมือนกันนั่นแหละ

“ชักอยากเจอท่านแล้วสิ”

“ว่าไงนะครับ?”

“ปะ เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร เรื่องเข้า(เข้าเรื่อง)การรักษาเลยดีกว่าค่ะ”

หมอธันวาอมยิ้ม แล้วกดเข้าแอพบันทึกเสียงต่อ

“ผมถามต่อนะครับ ตอนนั้นมีคนตำหนิคุณทิชาต่อหน้าคนมาก ๆ บ้าง

รึเปล่า?”

เพียงคำถามเดียว เรื่องในอดีตก็กลับเข้ามาในหัวฉันอีกครั้ง จนฉันเห็นว่าตัวเองกำลังพรีเซนต์งาน และผู้ชายในห้องแซวขึ้นมา

‘สวยครับสวย ทิชาสวยที่สุด สวยไม่มีใครเกิน’

‘อยากเป็นเขยอนันธาราจังเลย ฮิ้ว~’

‘แค่ยืนเฉยๆก็ผ่านแล้ว ไม่ต้องพรีเซนต์หร๊อก’

‘อย่ายิ้มสิ อย่ายิ้มแบบนั้นใจฉันละลาย’

‘กระโปรงสั้นไปนะทิชา เราหวง’

‘ทิชา! เปียที่ถักเมื่อวานสวยกว่าวันนี้อีก เอาทรงเมื่อวานนะ เราชอบ’

ตอนนั้นที่ฉันไม่โต้ตอบ เพราะคิดว่าครูจะปรามเพื่อนในห้องได้ แต่ครูก็ปล่อยผ่านไม่ได้สนใจเอาแต่เล่นมือถือและหัวเราะตาม และที่สำคัญพอพวกมันคิดว่าแซวฉันได้ ก็แซวฉันตลอดแม้กระทั่งเรื่องเล็กเรื่องน้อย

ฉันไม่สู้คนหรอก ด่าใครก็ไม่กล้าเพราะไม่อยากมีปัญหากับใคร และถ้าถามว่าทำไมบอกพี่ชาย หึ ถ้าบอกต้องเป็นเรื่องใหญ่ถึงขั้นเลือดตกยางออกแน่ ฉันไม่อยากให้มันรุนแรงขนาดนั้น

แต่ถ้าตอนนั้นใบไม้ไม่ย้ายไปโรงเรียนประจำมันคงจะดีมาก เพราะไม่มีเธอฉันก็ไม่มีใคร คนที่เข้ามาตีสนิทใหม่ก็หวังแค่เงินให้ฉันเลี้ยงข้าวเท่านั้น ไม่มีใครจริงใจกับฉันเลย

พอฉันเล่าจบ และเงียบ คุณหมอธันวาก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ราวกับอดสงสารฉันไม่ได้

“เฮ้อ... คุณควรสู้คนบ้างนะ ปกป้องตัวเองบ้าง คำพูดพวกนั้น มันเป็นคำพูดที่คุกคามคุณทั้งนั้น”

“สะ สู้ยังไงเหรอคะ? ทิชาสู้คนไม่เป็นหรอกค่ะ”

“ไม่รู้จะสู้ยังไง ก็ด่าว่าไอ้สัสก็ได้ครับ”

จากที่คิดถึงอดีตแล้วอารมณ์ดิ่งลง อยู่ ๆ ฉันก็หลุดยิ้มออกมาซะดื้อ ๆ เหมือนคุณหมอเขาเข้ามาอยู่ในหัวฉันเลย

ฉันชอบด่าผู้ชายปากเสียว่าไอ้สัสในใจตลอด และเรื่องนี้ก็ไม่เคยบอกให้ใครรู้ แต่เขารู้ได้ยังไง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel